จวนเซียวกำลังคึกคักเนื่องจากวันนี้คุณหนูเซียวบุตรีคนเดียวของเซียวจ้านเปิดแผงขายของหน้าบ้าน เดิมทีตระกูลเซียวหมั้นหมายอยู่กับจ้าวเฉิงบุตรชายอำมาตย์ซ้าย แต่ใครจะรู้ว่าตระกูลจ้าวกลับเล่นตลก ในวันแต่งงานกลับส่งเกี้ยวไปรับคุณหนูหลิวมาแทนเรื่องนี้สร้างความอับอายแก่ตระกูลเซียวยิ่งนัก แต่เนื่องจากเป็นเพียงตระกูลเล็กๆจึงไม่อาจต่อกร ตั้งแต่วันนั้นสามวันมาแล้วประตูจวนเซียวก็ไม่เปิดอีกเลย จนกระทั่งวันนี้คุณหนูเซียวเปิดจวนวันแรกก็ตั้งแผงขายของหน้าจวนเสียแล้วคงเสียใจจนสิ้นสติกระมัง
โหม่งๆๆๆๆเสียงตีฆ้องร้องป่าวดังมาจากหน้าจวน เสียงใสๆกำลังตะโกนเรียกลูกค้า
"เร่เข้ามาๆเจ้าค่ะ วันนี้มีของดีของถูกมาขายแก่พ่อแม่พี่น้อง มีเครื่องประดับมากมาย แพรพรรณสวยงาม ใครที่มาซื้อในวันนี้คุณหนูของเราบอกว่าจะจดชื่อพวกท่านเอาไว้เพื่อป่าวประกาศความใจบุญของทุกท่าน เพราะเงินตำลึงที่ได้ในครั้งนี้จะนำไปซื้อเสบียงแจกทานที่เมืองซ่างกู่ ชาวบ้านที่นั้นเจอกับปัญหาภัยแล้งใหญ่หลวง ราชสำนักอยากให้ทุกคนร่วมมือกัน ใครที่มาซื้อสินค้าในวันนี้เท่ากับช่วยเหลือราชสำนักด้วยเจ้าค่ะ"
ชาวบ้านและขุนนางที่เดินผ่านจวนเซียวต่างเดินเข้ามาชมสินค้าล้วนมีแต่ของดี
"โย่ว..ข้าซื้อๆข้าอยากทำบุญ"
"ข้าด้วยๆ"
กล่องไม้หลากหลายขนาดถูกวางเรียงราย เครื่องประดับ ภาพวาด เครื่องเรือน แพรพรรณอย่างดีถูกนำมาจัดวาง
"เสี่ยวฮวา วางป้ายราคาได้"
สาวใช้ตัวน้อยรับคำก่อนจะวางป้ายราคาตามสินค้าชิ้นต่างๆ เหล่าคนที่มาดูเรื่องตลกทีแรกก็ตะลึง หยกเนื้อดีที่ราคาสามร้อยถึงหนึ่งพันตำลึงแต่คุณหนูคนนี้ขายเพียงแปดสิบตำลึง เครื่องลายครามราคาแปดร้อยตำลึงนางขายเพียงร้อยตำลึง ผ้าไหมอย่างดีราคาพับละสามร้อยตำลึงนางขายเพียงสามสิบตำลึง ไม่นานสินค้ากว่าแปดร้อยรายการที่วางขายก็เริ่มทยอยขายจนหมด กระทั่งเหลือหยกสามชิ้น
จวนสกุลจ้าว
จ้าวเฉิงที่เพิ่งตักตวงความหวานกับหลิวเย่วเพิ่งออกมาจากห้องหอหลังจากครบสามวัน เขาได้รับรายงานจากลูกน้องที่ใหไปเฝ้าจวนเซียวทันที หึ นางมีอะไรคู่ควรเขาตอนที่ท่านปู่ของเขาหมั้นหมายนางเขายังเด็ก หลิวเย่วต่างหากที่งามสมกับเป็นบุปผางามแห่งเมืองหลวง เซียวอี้เซียนหรือช่างจืดชืดแต่งกายเหมือนไว้ทุกข์ตลอดเวลา อยากให้เขาเห็นนางบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพ้อเจ้อทั้งนั้นก่อนจะเอ่ยถามคนตรงหน้า
"ว่าอย่างไร นางคงไม่ได้สิ้นคิดจนฆ่าตัวตายไปแล้วนะ"
"เรียนคุณชาย นางมิเพียงยังอยู่ดีแต่กำลังเอาสินสอดที่จวนจ้าวของท่านส่งไปให้เดือนก่อนขายทอดตลาดอยู่หน้าบ้านขอรับ"
"อะไรนะ..นางกล้าหรือไป ข้าจะไปดูสิอะไรทำให้นางกล้าทำเช่นนั้น"
เมื่อทั้งคู่มาถึงปิ่นปักผมชิ้นสุดท้ายก็กำลังจะถูกซื้อในราคาห้าสิบตำลึง บุรุษคนหนึ่งแต่งตัวมอซอเขาแจ้งแก่นางว่าอยากซื้อให้มารดา แต่ทั้งตัวกลับมีแค่สิบตำลึง
"คุณหนู..ขออภัยเงินข้าไม่พอจริงๆขอรับ"
"พี่ชายท่านนี้ท่านบอกว่าอยากซื้อให้เป็นของขวัญมารดา เช่นนั้นข้าให้ท่านแล้วกันเจ้าค่ะ ท่านให้ข้าเพียงห้าตำลึงก็พอที่เหลือเก็บไว้พามารดาท่านไปหาของอร่อยๆกินเถอะถือเสียว่าข้าช่วยให้ท่านได้กตัญญู"
หยางเทียนหลงยิ้มให้กับสตรีตรงหน้า แม้เขาแต่งกายมอซอมากแต่นางกลับไม่รังเกียจ เขาส่งเงินให้นางก่อนจะรับปิ่นเล่มนั้นมาเก็บใส่กระเป๋า ทันทีที่ขายหมดจ้าวเฉิงก็มาถึงพอดี เขากำลังจะชี้หน้านางแต่เหมือนนางจะแปลกไป ดูงามขึ้น เสื้อผ้าก็ไม่ซีดจนมีแต่สีขาว จ้าวเฉิงเดินไปหานางเอ่ยปากถาม
"อี้เซียน..เหตุใดนำของหมั้นมาขายเสียเล่านี่เป็นสินสอดของเรานะ"
"คุณชายจ้าว สินสอดอันใดกันในเมื่อท่านแต่งงานไปแล้วข้าวของเหล่านนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้อีก อ้ออีกเรื่องหนึ่งรบกวนท่านเรียกข้าว่าคุณหนูเซียวจะดีกว่า คำเรียกสนิทสนมแบบนั้นคราวหลังอย่าใช้อีก เสี่ยวฮวาเข้าบ้านกันเถอะ พี่ชายท่านนี้ขอให้มารดาท่านสุขภาพแข็งแรงนะเจ้าคะ"
จ้าวเฉิงกำมือแน่นก่อนจะหันมายังคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่งตัวมอซอยังกล้ามาซื้อข้าวของราคาแพง ไม่สินางขายเหมือนให้เปล่าราวกับของๆเขาไร้ค่ายิ่งนัก จ้าวเฉิงบังคับเอาปิ่นคืนจากบุรุษตรงหน้า
"เอาคืนมาเจ้าซื้ออะไรจากนางไป"
"หึ..นางช่างโชคดีที่ไม่ต้องแต่งงานกับเจ้า ไสหัวไปซะคุณชายจ้าวตระกูลจ้าวของเจ้าไม่ได้ยิ่งใหญ่เทียมฟ้า"
ร่างสูงเอ่ยจบก็ดีดตัวขึ้นยอดไม้ไปต่อหน้าจ้าวเฉิง เขาถึงกับกลืนน้ำลายวรยุทธคนผู้นี้ต่อกรไม่ได้จริงๆ