“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้อีก ถ้าไม่อยากโดน จนเดินไม่ไหว”
เขาก้มลงกระซิบชิดใบหูขาวของเธอ ทั้งลมร้อนๆ ทั้งถ้อยคำวาบหวาม มันทำให้ขนอ่อนในกายเธอลุกตั้งชูชันไปหมดทั้งร่าง
“อื้อ คุณพีท”
เมื่อพูดจบ เขาก็กดจูบซุกไซ้ที่ใบหูและซอกคอหอมๆ ของเธออีกหลายครั้ง จนคนตัวบางนอนเกร็งตัวสั่นสะท้านไปหมด
“ฉันไม่อยากหยุดอยู่แค่นี้เลยพั้นช์ ทำไงดี”
“อื้อ ไม่นะคะ อย่าทำพั้นช์”
ยิ่งเสียงหวานๆ ที่ปลายเสียงสั่นๆ และยิ่งคำว่า “อย่าทำพั้นช์” มันยิ่งทำให้เขาอยากที่จะกดแทรกเข้าไปในกายเธอให้ลึกสุดใจ เขาข่มใจกัดฟันกรอด แล้วยกใบหน้าขึ้นจากซอกคอของเธอ มามองใบหน้าหวานแดงซ่านที่มีแววตาสั่นระริกอีกครั้ง
“อืมมม ถ้าไม่อยากให้ฉันทำอะไรเธอ ก็อย่าไปเข้าใกล้นายวีนั่นเหมือนเมื่อคืนอีก แม่ยกเธอให้ฉันแล้ว อย่าดื้อกับฉัน ถ้าคราวหน้าเธอยังดื้อกับฉัน เด็กดื้อต้องโดนอะไรรู้ไหม”
“มะ ไม่รู้ค่ะ”
“ลองถามเจ้านี่ดูสิ”
เขากดตัวตนที่เหยียดขยายใหญ่โตภายใต้กางเกงนอนเนื้อนิ่มลงที่ต้นขาของเธอ คนตัวบางสะดุงเฮือก เธอไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดที่จะไม่รู้ว่าสิ่งนี้มันคืออะไร หมายความว่ายังไง ถ้าเธอดื้อกับเขา แล้วเขาจะปล้ำเธอหรอ มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด ที่เธอไปใกล้ชิดกับผู้ชายคนอื่นแล้วจะโดนผู้ชายที่เปรียบเสมือนพี่ชายปล้ำเพื่อทำโทษ แค่โดนเขาจูบอย่างตั้งใจมาถึงสองครั้ง เธอก็สับสนจะแย่อยู่แล้ว
“อุ๊ย คุณพีท”
“ยังจะกล้าดื้อกับฉันอยู่ไหม แต่เหมือนว่าเจ้านี่มันอยากให้เธอดื้อนะ ดื้อเลย ดื้อเยอะๆ”
“มะ ไม่ค่ะ ไม่ดื้อแล้วค่ะ พั้นช์จะไม่ใกล้ชิดสนิทสนมถึงเนื้อถึงตัวกับผู้ชายคนไหนแล้วค่ะ”
“อืม เด็กดี อืมมมม”
เขาก้มลงประกบปากมอบจูบอันหวานล้ำให้เธออีกครั้ง มันยาวนานกว่าครั้งแรก และเขาก็อ้อยอิ่งอยู่นานกว่าจะยอมถอนจูบนั้นออกไป