เพื่อนรัก ญาติสนิท
1
ตอน
566
เข้าชม
2
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
0
เพิ่มลงคลัง

บทนำ 

เพื่อนรัก ญาติสนิท 

ฉันชื่อ ดุจกาลดา ทรัพย์ตระกูล วิวล์ ฉันเกิดมาโชคดีมากเหลือเกิน โชคดีมาก จนบางครั้ง ฉันเองก็ยังรู้สึกว่าฉันกำลังฝันไปบางครั้งฉันก็แอบ หยิก ตัวเองอยู่หลายครั้ง หลายคลา  

แต่ทว่าวันนี้ฉันกลับไม่รู้สึกว่าฉันโชคดีอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าฉันเกิดมีปากเสียงทะเลาะเบาะแวง กับน้าสาว ที่อายุมากกว่าฉันแค่สี่ปี น้าสาวของฉันชื่อว่า กิมเงิน ทรัยพตระกูล  

เราสองคนโตมาด้วยกัน แบบพี่น้องที่ตามคลานกันมา ฉันยังแอบคิดไม่ได้ว่า ครอบครัวฉันแต่งเรื่องแกล้งอาเจ้กิมเงินของฉันเสียมากกว่า 

ก็พ่อเดวิท วิวล์ ของฉัน ก็ยังเรียกอาเจ้ว่าลูกทุกคำ ยิ่งแม่ฉันดูเหมือนจะรักอาเจ้ของฉันมากว่าฉันเสียอีก เพราะว่าตั้งแต่ฉันจำความได้ แม่กาลดา ของฉันก็คอยพร่ำสอนฉันว่าให้รักอาเจ้กิมเงิน ให้มาก ๆ ให้รักและเคารพอาเจ้ และห้ามแกล้ง ห้ามล้อเล้น อาเจ้ และให้คอยช่วยอาเจ้เวลาอาเจ้เวลาที่อาเจ้เดือดร้อนทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน ส่วนใหญ่อาเจ้ของฉันเสียมากว่าที่คอยช่วยเหลือและปกป้องฉันตั้งฉันจำความได้ ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันกับอาเจ้ ก็ตัวติดกันยิ่งฝาแฝดอินทร์จันทร์  

อาเจ้กิมเงินของฉันก็ถูกสั่งสอนมาเหมือนกันว่าให้รักหลานสาวอย่างฉันให้มาก ๆ เรานอนห้องเดียวกันตั้งแต่ฉันจำความได้ ฉันตื่นมาฉันก็เห็นแต่หน้าอาเจ้กิมเงิน ฉันกินข้าวก็เห็นอาเจ้กิมเงิน พอไปโรงเรียนก็เห็นอาเจ้กิมเงิน พอตอนกลับบ้าน ฉันก็นั่งรถข้างๆ อาเจ้กิมเงิน ฉันรักอาเจ้กิมเงินมาก ๆ มากเสียจนฉันยอมตายแทนอาเจ้ได้ อาเจ้เองก็รักฉันไม่แพ้ฉันเช่นกัน ฉันจำความได้ว่า อาเจ้ ชอบกอด ชอบหอมฉัน สอนการบ้านฉัน คอยเป็นคนปกป้องฉันเวลาฉันที่โดนรังแกที่โรงเรียน ตั้งโรงเรียนอนุบาล โรงประถม โรงเรียนมัธยมต้น จนกระทั่ง ฉันอยู่มัธยมที่สอง อาเจ้ฉันอยู่มัธยมศึกษาปีที่หก 

พออาเจ้เรียนจบ สอบเข้ามหาวิทยาลัย ฉันเริ่มรู้สึกกังวล และรู้สึกเศร้าที่อาเจ้ของฉันจะเรียนจบ และต้องเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย พอฉันรู้ว่าอาเจ้ของฉันสอบเอ็นทรานเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ฉันก็ขอให้พ่อกับแม่ฉันย้ายฉันไปเรียนโรงเรียนสาทิศของมหาวิทยาลัยนั้น เพื่อฉันจะได้อยู่รั้วเดียวกับน้าสาวกิมเงินของฉัน ถ้าฉันไม่มีอาเจ้คอยปกป้องดูและฉันจะอยู่บ่นโลกนี้ได้อย่างไรกัน 

อาเจ้ของฉันก็สนับสนุนให้ฉันเข้าเรียนที่โรงเรียนสาทิศ ซึ่งใช้รั้วเดียวกันกับมหาวิทยาลัยของเธอ โดยอาเจ้ อ้อนพ่อเดวิทของเราสองคน ให้ซื้อรถยนต์คันใหม่ให้เธอ และให้พ่อฉันสอนเธอขับรถ และก็อาสาเป็นพลขับ ๆ รถรับส่งฉันไปเรียนหนังสือ ทุกวันจนฉันเรียนจบมัธยมปลาย 

เราสองคนตัวติดกัน อย่างกับฝาแฝด เราจะจะแยกกันก็เฉพาะเวลาเรียนเท่านั้น เพราะว่าฉันไม่สามารถเข้าไปเรียนกับอาเจ้ของฉันได้ ตอนเช้า เราสองคนก็จะนั่งรถไปเรียนด้วยกัน และตอนเย็นก็จะกลับบ้านพร้อมกัน บางทีอาเจ้ก็จะมีเพื่อนติดรถกลับบ้านมาทำรายงานที่บ้านของพวกเราเราสองคน เพื่อน ๆ สนิทของอาเจ้ก็กลายเป็นเพื่อนสนิทของฉันไปด้วย 

ส่วนเพื่อนสนิทของฉันก็กลายเป็นเพื่อนสนิทของอาเจ้ไปด้วยเช่นกัน อาเจ้ใจดี เลี้ยงขนมเพื่อนฉันด้วยบางวัน ที่ฉันชวนเพื่อนมาทำรายงาน หรือว่ามาเล่นที่บ้าน บางวันฉันมีเรียนพิเศษ เรียนกวดวิชา อาเจ้ก็จะคอยรับส่งฉันกับเพื่อน ๆ ของฉัน ช่วงระหว่างรออาเจ้ก็จะไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน ๆ ของเธอบ้าง หรือไม่ก็นัดทำรายงานกับเพื่อนของเธอบ้าง  

แม่กับพ่อและยายของฉัน ก็หมดห่วงเรื่องการรับส่งฉันไปเลย อาเจ้คือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน การที่อาเจ้กลายเป็นทุกอย่างของฉันก็เลยทำให้อาเจ้ของฉันหาแฟนไม่ได้สักที เพราะว่าอาเจ้ มักจะเลือกฉันมากกว่าผู้ชายที่เข้ามาจีบอาเจ้ อาเจ้ของฉัน เป็นคนที่มีน่าตาน่ารัก เหมือนอาหมวย ตัวเล็ก ๆ แต่งตัว เสื้อผ้าอาภร ของอาเจ้ของฉันก็เก๋ไก๋ และอาเจ้ของฉันก็มีผิวที่ขาวเนียน เรียกว่า สวยที่สุดในซอยเลยกว่าว่าได้ เรียก ขาว หมวย สวย อึ๋ม ผมดำตรงสนิท อาเจ้ชอบตัดผมม้า และก็ชอบใส่กางเกงยีนส์ กับเสื้อตัวใหญ่ สบายกระเป๋าแบบเก๋ไก ไม่ค่อยแคร์พวกแบรนด์แนมเท่าไหร่ ตอนที่อาเจ้ของฉันเป็นนึกศึกษาอาเจ้ ก็ได้รับเลือกให้เป็นเชียร์รีดเดอร์ และก็ได้ทำกิจกรรม ได้แสดงละคร 

ตอนที่อาเจ้ต้องไปเรียนภาษาอังกฤษ ช่วงซัมเมอร์ที่นิวยอร์ค สองเดือนเต็ม ๆ ฉันคิดถึงอาเจ้แถบขาดใจ ขนาดเราสองคนพูดคุยโทรศัพท์ กล้องวิดีโอคอลกันเช้าเย็น แต่พอาเจ้กลับมาทีไร อาเจ้ก็จะมีของฝากให้มากมายเราสองคนก็จะได้พากันกระโดดโลดเต้น ลองชุด กินขนม กันในห้องนอนของพวกเราสองคนอย่างสนุกสนานหัวเราะกันทั้งวันทั้งคืน จนอาม่าของฉันต้องมาเคาะประตูด่าพวกเราอยู่บ่อย ๆ ว่าเสียงดัง   

และที่สำคัญอาเจ้ของฉัน เป็นคนที่แต่งตัวเปรี้ยง สวย เก๋ เอามาก ๆ มากจนฉันก็เดินตามลอยอาเจ้ของฉันทุกอย่าง ทุกทาง เราสองคน แลกเสื้อผ้ากันใส่ และก็แต่งตัวให้กัน คอยบอกคอยเตือนกัน และคอยเป็นไม้กันหมาให้กันในทุกสถานการณ์ ทั้งที่บ้าน และนอกบ้าน นอกตึก แถว สองคู่หาของครอบครัวเราพออาเจ้เรียนจบ ปริญญาตรี อาเจ้ก็ไปสมัครงานที่โรงแรมชื่อดังย่านสีลมทันที หลังจากที่อาเจ้ฝึกงานอาเจ้ก็ได้รับการเข้าทำงานทันที เพราะว่าอาเจ้เป็นคนที่พูดภาษาเก่งกว่าเจ้าของภาษานั้นคืออาเจ้บอกฉันฮะๆ และมันก็จริงอย่างที่อาเจ้บอก เพราะว่าอาเจ้สอบโทเฟล โทอิก ได้คะแนนสูงเอามาก ๆ 

ฉันเรียนแบบอาเจ้ของฉันทุกย่างก้าว ฉันถึงขนาดสอบเข้าที่มหาวิทยาลัยที่อาเจ้เรียน แต่ว่าฉันเลือกเรียนคณะบัญชี ส่วนอาเจ้เลือกเรียนอักษร เอกภาษาอังกฤษ และภาษาเยอรมัน อาเจ้พูดภาษาจีนแต้จิ๋วก็ได้ด้วย โคตรเท่เลยอาเจ้ของฉัน อาเจ้มุ่งมั่นกับเรียนภาษาเอามาก ๆ เพราะว่าอาเจ้อยากเป็นนักการโรงแรม และอยากไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ และอาเจ้ก็ชอบฝันว่าอยากมีแฟนเป็นชาวต่างชาติ  

พออาเจ้รู้ว่าฉันสอบติดมหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่ เธอก็เลยอ้อนขอให้แม่กับยายของฉัน เรียนต่อปริญญาโท โดยให้เหตุผลว่า เธอยังไม่อยากทำงาน และก็ยังอยากเรียนปริญญาโทด้านการโรงแรมและประชาสัมพันธ์ และก็จะได้คอยรับส่งฉันที่มหาวิทยาลัย เพราะว่าฉันยังขับรถไม่แข็ง และฉันก็ไม่ชอบขับรถเอามาก ๆ โดยเฉพาะเวลาที่รถติด แม่ฉันกับยายฉันไม่ค่อยสนับสนุนสักเท่าไหร่ เพราะว่าเขาอยากให้ฉันโตเป็นผู้ใหญ่และช่วยเหลือตัวเองได้  

แต่ว่าพ่อเดวิทของฉัน อาป้าเดิวิทของพวกเราสองคนกลับสนุน และฉันก็ช่วยกันพูดกับแม่และยายของฉัน พร้อมทั้งพ่อของฉันก็อาสาเป็นคนจ่ายค่าใช้จ่ายในการเรียนต่อปริญญาโทให้อาเจ้ของฉัน โดยมีข้อแม้ว่าเรียนจบทำงาน อาเจ้ของฉันจะต้องทำงานใช้หนี้ให้พ่อของฉันให้หมด ภายในห้าปี และให้จ่ายค่าน้ำรถเอง โดยให้ใช้เงินค่าขนมรายเดือน และห้ามไม่ให้ขอเงินจากแม่และยายของฉันเด็ดขาด ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น อาเจ้ของฉันเป็นเก็บเงินเก่ง เก่งกว่าฉันเสียเอง ทั้ง ๆ ที่ฉันเป็นเด็กคณะบัญชี ฉันเองยังแอบขอยืมเงินอาเจ้อยู่บ่อย ๆ  

ฉันมีเพื่อนสนิท สองคน คนแรกชื่ออรอุมา พรรักษา ยายอรเพื่อนสนิทของฉันก็พลอยสนิทกับอาเจ้กิมเงินของฉันไปด้วยอีกคน เราสองคนสนิทกัน เพราะว่าบ้านเราสองคนอยู่ซอยเดียวกัน อาม่าของ ยายอร กับยายของฉันรู้จักกันดี เพราะว่าไปวัด ทำบุญ ไปโบสถ์ ด้วยกัน บางทีก็ไปทริป ฮ่องกงด้วยกัน เป็นประเภทโต๊ะจีน โต๊ะแชร์  

อีกอย่าง เพราะว่าฉันกับยายอร อยู่ซอยเดียวกัน ยายฉันทำร้านเสริมสวย ขายเครื่องสำอาง ส่วนยายของยายอร ขายอาหารตามสั่ง ภัตราคารจีน ชื่อดัง ยายฉันก็เป็นลูกค้าประจำ เวลาทีโต๊ะแชร์ ร้านของยาย ยายอร ก็เป็นเจ้าภาพจัดงาน ทุกเดือน ฉันกันยายอรก็เลยสนิทกันไปโดยปริยาย 

วันนี้ฉันกำลังรอโทรศัพท์จากยายอร หลังจากที่ฉันฝากข้อความไว้หลายครั้ง ไลน์ไปยายอรก็ไม่ตอบ ส่วนอาเจ้ของฉันก็กำลังงอนฉัน ซึ่งฉันเองก็พยายามที่จะปรับความเข้าใจกับอาเจ้ของฉันแต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นท่า  

เรื่องที่เราสองคนทะเลาะกัน และมองหน้ากันไม่ได้ เริ่มขึ้นมากจากตอนที่ฉันกลับจากนิวยอร์ค ฉันโทรไปหาอาเจ้ และรีบบอกข่าวดี กับอาเจ้ทันที 

“อาเจ้ ดามีเรื่องตื่นเต้นจะเล่าอาเจ้ฟัง เสียดายอาเจ้ติดทำงานที่โรมแรมไม่งั้นอาเจ้ก็คงจะไม่ตกข่าว” 

“เรื่องอะไรของเธอยายดา ทำเสียงใส อย่าบอกนะว่า เธอได้ฝรั่งตาน้ำข้าวเป็นหลายเขยให้ฉัน ฉันคงอิจฉาเธอใจแทบขาด” 

“อาเจ้จำหมอวัฒน์ได้ไหม” 

“จำได้ เจ้จะจำไม่ได้ ได้ยังไง เจ้เพิ่งเลี้ยงส่ง คุณหม้อไปเที่ยงอเมริกาเมื่อสามเดือนที่แล้ว หลังเธอไปนิวยอร์คได้สามเดือนพอดีมั้ง ทำไมมีอะไรเล่ามาด่วน ฉันบอกตรง ๆ ตั้งแต่คุณหมอกลับมาฉันยังไม่ได้ข่าวของเขาเลย” 

“อาเจ้เนี่ยนะไปส่งคุณหมอ หมายความว่าไง ไปส่งคุณหมอ ไปอเมริกา อาเจ้ไปสนิทสนมกับคุณหมอตั้งแต่เมื่อไหร่ อาเจ้บอกดาว่าอาเจ้ชอบฝรั่งตาน้ำข้าวไม่ใช่เหรอ อีกอย่าง คุณหมอไม่เห็นพูดอะไรให้ดาฟังเลย” 

“คุณหมอไปเกี่ยวอะไรกับเธอยายดา” 

“ก็เกี่ยวกันนิดหน่อย คือ ว่า ดา กับคุณหมอ เจอกัน ที่นิวยอร์คโดยบังเอิญ แล้วคุณหมอ ก็บังเอิญพักอยู่ที่โรงแรม ที่ดาพัก และก็บังเอิญไปร้านอาหารที่ดาไป และบังเอิญไปเจอดาที่พิพิธภัณฑ์ที่ดาไป และก็บังเอิญไปดูละครที่ดาวไป แล้วก็บังเอิญ” 

“จริงเหรอ แล้วคุณหมอพูดอาเจ้ว่าไง จริงแล้วอาเจ้ต้องไปทริปนี้กับคุณหมอ แต่ว่าอาเจ้ติดงาน พอดีที่โรงแรมมีลูกสาวคนใหญ่คนโต มาจัดงานแต่งที่โรงแรม ฉันก็เลยอดไปเที่ยวกับว่าที่สามีฉัน แล้วคุณหมอ ได้บอกไหม ว่าฉันกับคุณหมอ เรากำลังจะคบกัน เป็นแบบ ๆ คนที่มากกว่าเพื่อน เกือบจะเป็นแฟน อะไรทำนองนั้น” 

หลังจากที่ดุจกาลดา ได้ยินน้าสาว ที่เธอรักเหมือนพี่สาว พูดไม่ยอมหยุดพอได้ยินเธอพูดว่าเจอคุณหมออนุวัตน์ ที่นิวยอร์ค ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ เธอก็รู้เลยว่า เธอไม่สามารถที่จะพูดเรื่องของเธอกับคุณหมอ ในแบบที่เธอตั้งใจจะบอกกับน้าสาวคนเดียวของเธอ ที่เธอทั้งรักและเคารพมากที่สุดในชีวิตของเธอ เพราะว่าเธอไม่อยากให้น้าสาวของเธอต้องผิดหวังกับความรักอีกต่อไป” 

“อ้าวยายดาว สายหลุดไปเปล่า ทำไมเงียงไป แล้วไอ้ที่ว่าบังเอิญ บังเอิญ คืออะไร แล้วทำไมต้องสำคัญมาก ถึงรอเล่าให้ฉันฟังตอนเธอกลับมาไทยไม่ได้ แล้วเมื่อไหร่เธอจะกลับมาไทย นี่มันก็หกเดือนแล้วนะ คุณหมอเขากลับมาตั้งสองอาทิตย์แล้วนี่ วันนี้คุณหมอโทรมาบอกฉันว่ามีเรื่องจะคุย สรุปเธอสองคนมีเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมฉันต้องรู้ หรือว่าเธอสองคนมีของขวัญชิ้นใหญ่ให้ฉัน กระเป๋าแบรนด์เนม หลุยส์เปล่า ไม่เอานะ มีหลายใบแล้ว ช่วงนี้งบหมด หรือว่าคุณหมอจะซื้อให้ฉัน เฮ้ยหรือว่าคุณหมอจะทำเซอไพรส์ขอฉันเป็นแฟน ตายละวันนี้ ฉันไม่ได้สระผม และก็ไม่ได้ใส่ร้องเท้าคู่เก่งมาด้วยสิ ถ้าเธออยู่ไทยก็คงดี เธอจะได้ช่วยฉัน กลับมาได้แล้ว ฉันโคตรคิดถึงเธอเลย อาม่าแกบ่นพร่ำ ๆ บ่นฉัน บ่นเจ้กาล บ่นโน่นนี่ เห็นแต่จะมีแต่อาป๋าของพวกเราที่ไม่เคยโดนอาม่าบ่นสักคำ สองมาตราฐาน ถ้าเธอไม่กลับมาไหว้เจ้าเดือนหน้า ฉันจะขนของย้ายออกจากตึกแถวนั้นให้มันรู้แล้วรู้รอดไป” 

“ย้ายออก บ้าน่าอาเจ้ อาม่าเขาก็บ่นของเขาไปเรื่อย ดาวก็กำลังจะกลับแล้ว อาทิตย์หน้า ดาวว่าดาวจะกลับแล้วละ ป้าแอนด์ เขาอยากให้ดาวอยู่จนถึงวันเกิดเขา เขาบอกว่ามีคนอยากให้ดาวรู้จัก อะไรทำนองนั้น” 

“อาทิตย์หน้าเหรอ งั้นฉันเลื่อนนัดกับคุณหมอวันนี้ดีไหม รอจนกว่าเธอจะมา เธอจะได้ช่วยฉันแต่งตัวตัว หมอ นะ หมอ วันที่ฉันสวย และดูแพงมาก ก็ไม่โทรมานัด สงสัยจะคิดถึงฉันแน่เลยงานนี้ เธอได้น้าเขยแน่ ๆ ถ้าเธอมาช่วยฉันเลือกชุด และแต่งหน้าให้ฉัน” 

ดาวเงียบไปอีกแล้ว เธอกำลังสับสน และกังวลใจ เรื่องที่น้าสาวของเธอพูดถึงคุณหมอของเธอ คุณหมอที่ใช้เวลาอยู่กับเธอที่นิวยอร์ค เกือบหนึ่งเดือนเต็ม เธอกับหมออนุวัฒน์ คงจะเป็นไปได้ยากแล้ว เพราะว่าเธอไม่อยากให้เธอกับน้าสาวของเธอต้องมาผิดใจกัน” 

“คือว่าอาเจ้ เออ คือดากับคุณหมอ คือว่า เรา แบบว่า คือไม่บอกดีกว่ามันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วละ อาเจ้ไม่ต้องโทรไปเลื่อนนัดคุณหมอหลอก งั้นดาวไปก่อนนะ ดาวมีเรื่องต้องจัดการ ดาวรักอาเจ้นะคะ บ๊าย ๆ” 

“เคร ๆ อะไรของเธอ เรื่องจะเล่า สรุปไม่เล่า งั้นก็ตามใจ ก็ดี ฉันต้องทำงาน เจอกันอาทิตย์หน้าห้ามเบี้ยงนะ ไม่งั้นฉันจะย้ายออกจริง ๆ ด้วย” 

“คะอาเจ้ ค่ำนี้ อย่าลืมทาลิปสติกสีแดงนะ อาเจ้ รัดผม เกล้า ปล่อยเป็นห้างม้า และก็ใส่แวนตาสี แดงอันนั้นนะ สวยดี รับรองคุณหมอต้องตลึง ไปก่อนนะคะอาเจ้” 

 

และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันกับอาเจ้ของฉันได้พูดคุย หลังจากนั้นเราสองคนก็ไม่ได้พูดหรือติดต่อกันอีกเลย  

เรื่องมันก็มีอยู่ว่า คุณหมออนุวัฒน์ ดันไปสนิทสนมกับอาเจ้ของฉัน จนอาเจ้คิดว่า คุณหมอมาจีบ คุณหมอแค่คิดกับอาเจ้แค่เพื่อนสนิท และคุณหมอก็รู้ว่าอาเจ้กับฉันสนิทกันมาก  

คุณหมอเขาก็เลยอยากจะเข้าทางอาเจ้ เพื่อที่จะมาจีบฉัน ฉันก็เพิ่งจะรู้ก็ตอนที่ฉันเจอกับคุณหมอที่นิวยอร์ค คุณหมอเขาไปพักอยู่กับเพื่อนสนิทของเขา และเพื่อนเขาก็ดันเป็นลูกเจ้าของหลานอาหาร ที่ป้าแอนด์ของฉันชอบไป เราสองคนก็เลยเจอกันโดยบังเอิญ หลังจากวันนี้น เราสองคนก็เลยนัดเจอกัน และก็ไปเที่ยวด้วยกันทุกที่จากวันเป็นอาทิตย์ จากอาทิตย์ เป็นสองอาทิตย์ สามอาทิตย์ อาทิตย์สุดท้ายก่อนที่หมอจะกลับเมืองไทย คุณหมอเขามาขอคบฉันเป็นมากกว่าเพื่อน  

เพราะว่าเราสองคนมีอะไรที่ คล้าย ๆ กัน ชอบไปเที่ยวที่เดียวกันและชอบกินกาแฟร้านเดียวกัน แผนการท่องเที่ยวของเราสองคนเหมือนกันมาก จนเราสองคนยังงงเลยว่า ทำไมมันบังเอิญมากขนาดนี้ ตอนแรกฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ทุกครั้งที่ฉันเจอหน้าคุณหมอ ฉันจะรู้สึกตื่นเต้น ดีใจ และก็รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมาก มากกว่าตอนที่ฉันไปไหนมาไหนกับหนุ่มรุ่นน้อง ที่คอยขายขนมจีบ ฉันทุกเมื่อเชื่อวัน  

กับอาเจ้กิมเงิน โกรธฉันหัวฟัดหัวเหวี่ยง หลังจากที่คุณหมอ บอกกับเธอว่า เขาไม่ได้ชอบอาเจ้แบบคนรัก แต่เขาคิดกับอาเจ้แบบเพื่อน ที่สนิท คุยกับได้ทุกเรื่อง และอีกอย่างอาเจ้ ก็ดื่มเก่ง คุยสนุก และเป็นคนตลก ไม่ถือตัว และมีนิสัยคล้ายผู้ชาย และที่สำคัญ เขาอยากให้ อาเจ้ช่วย เป็นแม่สื่อให้เขากับน้องสาวของอาเจ้ ซึ่งก็คือฉันหลานสาวคนเดียวของอาเจ้ ที่เจ้ทั้งรักทั้งแค้น 

อาเจ้โกรธที่ฉันแย่งคุณหมอไป และโกรธฉันไม่เคยเล่าหรือพูดอะไรให้อาเจ้ฟัง เวลาที่ฉันไลน์ คุยกับอาเจ้ ตอนที่ฉันอยู่นิวยอร์ค ฉันก็เล่าแต่เรื่องโน่นนี่  

ก็ฉันได้ยินว่าอาเจ้ชอบคุณหมอ และก็คิดว่าคิดหมอชอบอาเจ้มากกว่าเพื่อน จากยายอรอุมาและยายณัฐพร เพื่อนสนิทอของฉันเวลาเราคุยไลน์กลุ่มกัน ฉันก็เลยไม่กล้าเราให้อาเจ้ฟังเรื่องฉันกับหมอ ตอนแรกฉันก็คิดว่า คนไทยด้วยกันเจอกัน ในต่างแดนก็คงจะเป็นเรื่องธรรมดาที่สนิทสนมกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่พอไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ๆ บางครั้งป้าแอนด์ก็เชิญคุณหมอไปทานมื้อค่ำที่บ้านของเธอ จากเพื่อนคนไทย ที่มาเที่ยวก็กลับเป็นมากกว่าเพื่อน  

อาเจ้ย้ายของออกจากตึกแถวทันที หลังจากวันที่ไปทานมื้อค่ำกับคุณหมอ และอาเจ้ก็ไม่ติดต่อมาที่บ้านอีกเลย พอฉันกลับไปบ้าน ชั้นบ่นของบ้าน ที่เคยมีฉันกับอาเจ้ใช้ร่วมกัน ก็กลายเป็นห้องที่กว้าง และโล่งไปถนัดหน้า อาเจ้ ขนของออกจากบ้านไปหมดทุกชิ้น ทุกชิ้นจริง ๆ ฉันรู้สึกใจหายและก็เสียใจมากในตอนนั้น ใครบอกว่าความรักมันสวยงามเสมอ สำหรับมันคือสิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกแยกเสียมากกว่า และแถมตอนนี้ ฉันกับคุณหมอก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลย หลังจากมื้อค่ำของอาเจ้กับคุณหมอ สรุป อาเจ้โกรธฉัน ส่วนฉันโกรธคุณหมอที่ไม่ยอมรอให้เธอกลับไทย ไม่ยอมรอให้เธอได้พูดกับอาเจ้ของเธอก่อน  

ฉันรีบบินกลับไทยทันที หลังจากที่อาเจ้ของฉันวีดีโอคอลทางไลน์ ทันทีที่เธอเดินออกจากร้านอาหารที่อาเจ้ไปกับคุณหมอ 

เสียงของอาเจ้ของฉัน เสียงในสายของอาเจ้ โกรธ ตัดพ้อ ด่าทอ และก็ร้องไห้ ฉันเอถึงกับงง พูดอะไรไม่ถูก  

“ยายดา ยายหลานทรยศ ยายหลานที่ฉันเคยรัก และเคยไว้ใจ เธอทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง เธอมันก็ไม่ต่างอะไรกับอีพวกผู้หญิงที่ชอบแย่งของรักของคนอื่น ฉันไม่น่าเกิดมาเป็นญาติกับเธอเลย ฉันไปทำอะไรที่เธอโกรธแค้น ทำไมเธอต้องมาทำกับฉัน ฉันไม่ได้โกรธคุณหมอ แต่ฉันโกรธน้องสาวที่ฉันเลี้ยงมากับมือ หลานสาว น้องสาวที่ฉันสนิทและรู้จักมาทั้งชีวิต ปิดความลับ ไม่เค้ยแม้แต่จะบอกเรื่องคุณหมอกับฉัน ไหน เราสัญญากันว่าจะไม่มีความลับต่อกัน ไหนเราสัญญากันว่าจะไม่รักผู้ชายคนเดียวกัน ไหนเราสัญญากันว่าเราจะรักกันจนวันที่ลูกเราบวช จนวันที่เราเป็นยายเป็นย่า ไหนแกว่าแกยอมให้ฉันได้ทั้งชีวิต แกมันเนรคุณ ฉันเกลียดแก แกเป็นหลานรักของแม่ฉัน เป็นลูกรักของอาป้า ฉันมันเป็นแค่ลูกหลงสินะ ฉันมันเป็นสิ่งที่ทำให้อาป้าของฉันอับอาย ฉันควรจะเกิดมาเป็นผู้ชาย แม่ของฉันจะได้ภูมิใจ” 

ฉันไม่ได้ พูด หรือโต้ตอบอะไร ฉันรู้ทันทีว่า คุณหมอไม่ได้ฟังที่ฉันขอร้อง คุณหมอไม่ได้รอให้ฉันกลับไทย ฉันได้แต่ร้องไห้ ร้องไห้ พออาเจ้วางสายฉันก็เปลี่ยนตั๋วกลับไทยทันที ตั้งใจว่าจะไปปรับความเข้าใจกับอาเจ้ แต่อาเจ้ย้ายไปอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครรู้ แม้แต่อาป้าของพวกเราก็ยังไม่รู้ ฉันไปที่โรงแรมที่อาเจ้ทำงาน พนักงานก็บอกว่าอาเจ้ของฉันลาออกไปแล้ว  

อรอุมา และณัฐพร ก็ไม่รู้และงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น ความรักของอาเจ้ที่มีต่อหมอมันมากมายขนาด ๆ ที่ฉันเองก็ไม่สามารถที่จะได้รับการอภัย อาเจ้พูดถูกทุกอย่าง ฉันเป็นหลานเลว เป็นน้องสาวทรยศ เป็นคนปากไม่ตรงกับใจ ฉันมันไม่สมควรเป็นหลานอาเจ้ ไม่สมควรเป็นคนที่อาเจ้ไว้ใจมากที่สุด 

วันที่ฉันกลับไทย คุณหมออนุวัฒน์ พอรู้ว่าฉันกลัยไทย ก็ไปรับฉันที่สนามบินทันที แต่ทว่า อาเจ้ของฉันก็ไปรับฉันที่สนามบินเช่นเดียวกัน แต่พออาเจ้เห็นคุณหมอ ยืนถือป้าย เขียนว่า ยินดีตอนรับ แฟน กลับไทย อาเจ้ก็ไม่ได้เดินเข้าไปหาฉัน และฉันเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาเจ้ไปที่สนามบิน  

ถ้าฉันรู้ฉันก็คงไม่วิ่งเข้า และกระโดดเข้าไปกอด คุณหมอวัฒน์ของฉัน แบบนั้น ฉันแอบกลับไทยโดยที่ไม่มีใครรู้ นอกจากฉันฝากข้อความไว้ทางไลน์ ที่เครื่องของอาเจ้ของฉัน ว่าจะรีบกลับไปคุยกับเจ้ และจะเลิกกับคุณหมอ เพื่ออาเจ้ ฉันอยากให้อาเจ้ย้ายกลับบ้านไปอยู่กับพวกเราเหมือนเดิม  

 

อาเจ้ของฉันคงจะเจ็บปวด และก็คงจะโกรธฉันมากจริง ๆ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าอาเจ้ รักคุณหมอวัฒน์มากมายขนาดนี้ และฉันก็ไม่ได้คิดว่าฉันจะไปเจอคุณหมอโดยบังเอิญที่นิวยอร์ค ใครจะไปรู้ว่าโลกมันกลม  

กลับไปที่อาเจ้ของฉัน  

“ยายดา นี้เธอกับคุณหมอสนิทสนมกันขนาด กระโดดกอดกันที่สนามบินเลยนี่นะ เจอกันที่เดือนเดียว อะไรมันจะรักและคิดถึงกันมากขนาดนั้น แล้วฉันกับหมอที่พูดคุยสนิทสนมกันมาเป็นปี ตั้งแต่ยายณัดตี้เริ่มไปปรึกษาหมอ จนผ่าตัด จนป่านนี้ คุณกับพูดและบอกกับฉันว่า เขาคิดกับฉันแค่เพื่อนเนี่ยนะ” กิมเงิน สบทในใจ พร้อมกัดฟัน 

แล้วภาพ ที่ขึ้นมาในหัวของกิมเงิน ก็เป็นตอนที่คุณหมอช่วยเธอจากการไม่ถูกรถจักรยานยนต์ชน เป็นภาพสโลโมมั่น เป็นภาพที่ทำให้กิมเงินถึงกับเคลิ้ม ตอนที่คุณหมอ กระชากเธอ และก็กอดเธอไว้ แน่น พร้อม พูดว่า “คุณกิมเงินระวังครับ” 

และอีกหลายคำถาม แสดงถึงความห่วงใย และนั่นก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงที่ดุลกาลดา หลานสาวของเธอไปอยู่ต่างประเทศ  

กิมเงินจำได้ว่า เธอเจอกับคุณหมอโดยบังเอิญที่ผับใต้ถุนโรงแรมย่านถนนสีลม ซึ่งเป็นย่านที่เธอชอบไปนั่งดื่มคนเดียว เวลาที่เธอเครียด หรือทะเลาะ และมีปากเสียงกับแม่ของเธอ อาม่าของดุลกาลนั่นเอง  

เรื่องที่ถกเถียงกันไม่พ้นเรื่องที่เธอเป็นผู้หญิงที่ทำตัวเหมือนผู้ชาย กลับบ้านไม่เป็นเวลา ทำงานมากจนเกินไป จนไม่มีเวลาหาลูกเขย และไม่มีเวลาทำหลานให้เธอได้อุ้ม และชาติ เธอก็คงไม่มีวาสนาที่จะได้มีหลานชายไว้เชยชม ไม่มีหลานชายที่จะได้บวชเรียนให้แม่ของเธอได้เกาะชายผ้าเหลือง แถมเวลาที่แม่ หรืออาม่าของกิมเงิน หาคู่ให้ จัดการให้เธอไปกินข้าว ไปดื่มน้ำชากับลูก ๆ หลาน ๆ ของเพื่อน ๆ ของเธอ หรือลูกค้าของแม่ของเธอ เธอก็ไปแบบเสียไม่ได้ และก็ก่อเรื่อง ก่อราวไม่เว้นแต่ละครั้งไม่ด่าทอ ไม่ตีหัวผู้ชายคนที่แม่ของเธอหาให้ ก็ผู้ชายที่แม่สื่อแม่ชักที่แม่เธอจัดหาให้ ครั้งสุดท้าย ก่อนที่เธอจะเจอคุณหมอวัฒน์โดยบังเอิญนั้นยิ่งหนัก ก็เป็นตอนที่ แม่สื่อ และแม่ของเธอพาไปกินข้าว โต๊ะแชร์ แล้วก็นัดลูกชายเจ้าของร้านทอง แถวเยาวราชให้เธอ ตั้งใจว่าจะให้สองคนนั่นมั่นหมายกัน แต่ลูกชายบ้านนั้น กับท่าทางเหมือนคนเบื่อโลก พูดน้อย กินจุ กินไม่สุภาพ แถม กินเสร้จ ยังแคะขี้ฟัน ต่อหน้าเธอ เธอถึงกับเดินออกจากโต๊ะแชร์ไปเข้าห้องน้ำแล้วไม่กลับมาอีกเลย เธอรีบไลน์หาหลานสาวคนเดียวของเธอ ทันที แต่ว่า ดุลกาลดาไม่ได้รับสายเพราะว่าเธอกำลังช่วยป้าของเธอซื้ออาหารเข้าบ้าน และในตอนนั้น ดุลกาลดา ยังไม่ได้เจอกับคุณหมออนุวัฒน์ เลยด้วยซ้ำไป เธอก็ไม่ค่อยมีเวลาให้กับน้าสาวของเธอเอาเสียแล้ว  

กิมเงินทั้ง โกรธ ทั้งน้อย และกลุ้มใจกับอาการจับเธอให้พวกลูก ๆ หลาน ๆ ของลูกค้า และเพื่อน ๆ ของเธอ กิมเงินไม่ชอบให้แม่ของเธอมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของเธอ  

เธอตั้งใจจะหาคอนโดเล็ก ๆ อยู่ใกล้กับโรงแรมที่เธอทำงานอยู่มาตั้งนานแล้ว เพราะว่าเธอเบื่อบ้านเอามาก ๆ ตั้งแต่ ดุจกาลดา หลานสาวคนเดียวของเธอ ที่เป็นเพื่อนสนิท ลาออกจากงาน และไปพักผ่อนที่อเมริกา กิมล้วนแม่ของเธอ ก็มุ่งประเด็นมาแต่เรื่องของเธอ และเธอก็เหงา และไม่มีเพื่อนคอยพูดคุย คอยหัวเราะ คอยปรึกษา  

 

เรื่องราวความรักของน้าสาว และหลานจะเป็นยังไง ก็ต้องคอยมาติดตามกันดูนะคะ  

  

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว