ฟ้าสางที่กลางทุ่ง
“คุณสุธาทิพย์ใช่ไหม” หญิงสาวส่ายศีรษะหวือ อย่างเผลอไผล อีกฝ่ายย่นหัวคิ้วเข้าหากัน และจ้องมองหญิงสาวไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ไม่ใช่คุณสุธาทิพย์แน่นะ!” เขาถามย้ำอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงมะนาวไม่มีน้ำ
ธาริณีหน้าร้อนผ่าว ด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า เธอมาที่นี่ในนามของสุธาทิพย์ และร่างสูงใหญ่ก็กำลังจะเดินจากไป
“ดะ...เดี๋ยวค่า!” เธอเรียกอีกฝ่ายเสียงสูง
คนตัวสูงหันมามอง ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ฉันนี่แหละสุธาทิพย์ สุธาทิพย์ตัวจริง” เธอรีบบอกเร็วปรื๋อ
ชายหนุ่มมองเธอไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกรอบ
ธาริณีเม้มริมฝีปากแน่นอย่างไม่สบอารมณ์นัก
ร่างสูงๆ ที่อยู่ตรงหน้าเธอขณะนี้..มีผิวคร้ามเหมือนคนที่ทำงานกลางแจ้ง คิ้วเข้มเรียงเส้นรับกับจมูกโด่งขึ้นสันสวย ลูกกะตาใหญ่เบ่อเริ่มเทิ้ม เป็นประกายมีชีวิตชีวา ริมฝีปากบางเฉียบ เม้มเข้าหากันอย่างคนเจ้าอารมณ์
ถ้าไม่นับเสื้อผ้าที่ดูซอมซ่อสุดๆ ก็นับได้ว่า เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีคนหนึ่งเลยทีเดียว แต่ก็นั่นแหละ! น่าเสียดาย ชุดเก่าๆ ขาดๆ ทำให้เขาดูโลโซอย่างไม่มีทางเลือก หมวกชาวนาปีกกว้าง ที่อยู่บนหัวของเขานั้นเก่ามาก..ถึงมากที่สุด เพราะธาริณีแอบเห็นรอยขาดที่ปลายปีกหมวก อีกทั้งเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่นั้น..ทั้งเก่าทั้งสกปรก จากการแต่งเนื้อแต่งตัวทำให้ธาริณีแอบเดาว่า เขาคงจะเป็นคนงาน..หรือไม่ก็คนขับรถของบ้านว่าที่คู่หมั้นของเธอแน่ๆ อย่างไรก็ตาม..แววตาวิบวับเจ้าเล่ห์ ก็ทำให้หญิงสาวไม่มั่นใจนัก
“ถ้าคุณคือสุธาทิพย์ตัวจริง ก็เชิญที่รถ” ชายหนุ่มออกปากห้วนๆ เช่นเดิม
ธาริณียืดตัวขึ้น เธอพยายามมองหารถ ที่อีกฝ่ายพูดถึง แต่ก็ไม่ปรากฏอยู่ในสายตา นอกจากกระบะตอนเดียวทรุดโทรม ที่ตอนหลังอัดแน่นไปด้วยมูลสัตว์ส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยว จนธาริณีต้องเอามือปิดจมูก
แล้วเธอก็แทบจะเข่าอ่อน เมื่อชายหนุ่มร่างสูงเดินนำไปเปิดประตูรถอ้าเอาไว้รอ “เนี่ยนะ! รถของชาวนาเงินล้าน” หญิงสาวอุทานในลำคอ ก่อนจะรีบร้องห้าม เมื่ออีกฝ่ายยกกระเป๋าสีชมพูสุดหรูของเธอไปไว้ที่ตอนหลัง
“ว้ายคุณ! เดี๋ยวกระเป๋าฉันเลอะหมดพอดี” เธอออกปากเสียงแหลม
“ไม่เลอะหรอกคุณ ผมปูสื่อรองเอาไว้แล้ว ข้างหน้ามันแคบ ไม่มีที่วางกระเป๋าหรอก” เขาบอกอย่างไม่แยแส แล้วเหวี่ยงกระเป๋าของเธอให้อิงแอบกับถุงปุ๋ยมูลสัตว์ เสร็จสรรพร่างสูงก็เดินไปนั่งรอที่ตอนหน้าของรถ
ธาริณียังไม่วางใจในประสิทธิภาพของรถนัก หญิงสาวเดินไปมองสำรวจตรวจตรา ก่อนที่จะอุทานออกมาอย่างขวัญเสีย “คุณพระ!” เธอไม่เคยเห็นรถคันไหนจะเก่าเก็บเท่ารถคันนี้มาก่อนเลย ตัวถังเก่าจนไม่สามารถระบุสีได้
ธาริณีเริ่มไม่แน่ใจว่า เจ้ากระบะตอนเดียวเก่าเก็บคันนี้จะวิ่งได้จริง และด้วยนิสัยแมวๆ ของเธอ ทำให้หญิงสาวอดที่จะทรุดตัวลงสำรวจตัวเครื่องด้านล่างของเจ้ากระบะปลดระวางไม่ได้ ตายล่ะ! ข้างบนดูว่าเก่ามากแล้ว มาเจอห้องเครื่องด้านล่าง กลับน่าสงสารยิ่งกว่าอีก ท่อไอเสียผุกร่อน จนเกือบจะหลุด และถึงจะไม่มีความรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไก แต่ธาริณีก็พอจะประเมินได้ว่า รถคันนี้หมดอายุการใช้งานแล้วอย่างแท้จริง
แต่นั่นมันคือความคิดของเธอ ส่วนความเป็นจริงนั้น ควันดำๆ ที่ถูกปล่อยออกมาจากท่อไอเสีย พ่นเข้าใส่ใบหน้าเธอแบบเต็มๆ คงจะเป็นคำตอบ ที่ทำให้หายสงสัยได้ เมื่อมีเสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่ม
ธาริณีทั้งไอทั้งสำลัก “นี่นายจะบ้าหรือไง! ไม่เห็นเหรอว่าฉันอยู่ข้างหลัง” เธอโผล่หน้าเข้าไปต่อว่าคนขับรถ อย่างมีโมโห
แววตาของอีกฝ่ายวาววับ แววขันแพรวพราวอยู่ในดวงตาของเขา แม้เจ้าตัวจะพยายามกลั้นหัวเราะอยู่ก็ตาม
“โอ๊ะ! ขอโทษ แล้วคุณไปมองหาอะไรด้านล่างล่ะ!” เขาพูดกลั้วหัวเราะ ที่ทำให้ธาริณีแทบจะร้องกรี๊ดเพราะขัดใจ