"รู้สึกว่า...อยากมีเขาตลอดไป แบบนี้เรียกว่าความรักมั้ย" มะปรางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่สายตาที่มองตรงมาที่ผม มันทำให้หัวใจผมสะดุด เธอกำลังจะสื่ออะไรหรือเปล่า? ที่สำคัญ—ทำไมผมต้องเขินด้วย สติหน่อยสิ ไอ้ธีร์!
"ทำไมล่ะ ปรางรู้สึกแบบนั้นกับใคร?" ผมถามกลับไป พลางพยายามเก็บความรู้สึกไม่ให้หลุดออกมามากเกินไป
"ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แค่ถามเผื่อไว้ เพราะว่า...ถ้ามีความรักแล้วเราต้องกระวนกระวายแบบนั้นมันดีจริงๆ เหรอคะ? เหมือนเราจะขาดเขาไม่ได้ เหมือนจะตาย...ถ้าต้องเห็นเขาไปกับคนอื่น อะไรแบบนั้นน่ะค่ะ"
คำพูดของเธอทำให้ผมรู้สึกเหมือนมีบางอย่างสะกิดใจ เบื้องหลังคำถามนั้นมันอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ หรืออาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ ผมเองก็ไม่แน่ใจ
"พี่ก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน" ผมพูดเสียงเบาๆ ก่อนจะเงียบไปชั่วครู่ "แต่พี่รู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนหนึ่ง และพี่ก็เรียกมันว่าความรัก...แต่ความรักของพี่มันต้องรอ เธอก็เลยยังไม่รู้ว่าพี่รักเธออยู่ แต่การรอเธออยู่ตรงนี้ไม่ได้แปลว่าพี่จะปล่อยเธอไปกับคนอื่น เพราะมันก็เป็นอย่างที่ปรางบอก เหมือนเราจะตายให้ได้ตรงนั้น เวลาเห็นเขาอยู่กับคนอื่น"
มะปรางมองหน้าผม สายตาของเธออ่อนโยนแต่กลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกจับจ้องจนหนีไปไหนไม่ได้ เธอยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลจนใจผมสั่น
"แสดงว่า ผู้หญิงคนนั้นคงโชคดีที่สุดในโลกเลยนะคะ เพราะว่าพี่ธีร์น่ารัก ถึงจะดูเจ้าชู้ไปหน่อย แต่ปรางว่า...พี่ธีร์ต้องดูแลเธอดีแน่ๆ"
คำพูดของเธอทำให้ผมอึ้งไปชั่วขณะ ปกติแล้วเธอไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรแบบนี้ ผมติดอยู่ในภวังค์ของตัวเอง ความคิดวุ่นวายเต็มหัวไปหมด และโดยไม่ทันคิด ผมเผลอพูดบางอย่างออกไป
"แล้วอยากเป็นผู้หญิงคนนั้นมั้ยล่ะ?"
มะปรางเลิกคิ้วเล็กน้อยเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด "หื้ม?"
"ปะ...เปล่า ไปทานข้าวกันเถอะ" ผมรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปยังห้องอาหารทันที หัวใจผมเต้นแรงจนแทบระเบิด ผมสบัดหัวพยายามลบความคิดบ้าบอนั่นออกไป แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองมะปรางเล็กน้อย เธอยังคงยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
ผมก็สงสัยตัวเองเหมือนกัน...ว่าเผลอพูดอะไรออกไปทำไมกันแน่