ลินดาเพิ่งรู้ว่าแม่ของเธอล้มหัวฟาดพื้นและกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงเมื่อวานนี้เอง และทางครอบครัวต้องการให้เธอลาออกจากตำแหน่งผู้ควบคุมบทในสถานีโทรทัศน์ กลับต่างจังหวัดไปดูแลแม่ที่ป่วย
ลินดาอายุ 45 ปี แต่งงานกับสามีและเลิกมาได้สามปี ไม่มีลูกเป็นพันธะ เธอตั้งใจจะอุทิศชีวิตให้กับการทำงาน แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ผู้สถิตเบื้องบนอาจมีเป้าประสงค์ให้เธอตอบแทนผู้มีพระคุณมากกว่า
ขณะที่ลินดากำลังขับรถกลับบ้านทั้งน้ำตา ที่อีกฟากของถนน รถโดยสารจากต่างจังหวัดกำลังแล่นเข้าสู่กรุงเทพฯ
…
เรฟา เพิ่งได้จดหมายตอบรับการสมัครงานเป็นผู้ประสานงานกองถ่าย เธอลังเลอยู่นานเพราะต้องจากบ้านที่ต่างจังหวัด ไปอยู่ในเมืองกรุงฯเป็นครั้งแรก
เธอกังวลเรื่องค่าครองชีพ ที่อยู่อาศัย การต้องจากครอบครัวไปไกล และห่างกับคนรักที่คบมาตั้งแต่มัธยม แต่ปัญหาถูกตัดไปหนึ่งอย่างตั้งแต่ต้นลม เพราะแฟนหนุ่มเพิ่งบอกเลิกเธอไปเมื่อวันเกิดครบรอบอายุ 25 ปี… แค่สองวัน ก่อนเดินทาง
เธอนั่งร้องไห้อยู่บนที่นั่งหมายเลข 13 บนรถทัวร์ มองทิวทัศน์บนทางงด่วน และเห็นป้ายโฆษณาประกันชีวิตขนาดใหญ่ยักษ์เขียนข้อความว่า
'เพราะชีวิตคือการเดินทางที่ไม่มีป้ายบอกทาง และ GPS คุณถึงต้องเตรียมพร้อมสำหรับการหลงทางอยู่เสมอ'
"แม่งเอ๊ย!" เธอสบถ
…
พาพิศ ทำงานเป็นนักจิตบำบัดในโรงพยาบาลที่แฟนของเธอเป็นจิตแพทย์ เธอเพิ่งรู้ว่าแฟนหมอของเธอกิ๊กกับอินเทิร์นคนสวยที่เข้ามาฝึกงานในแผนก… แต่มารู้เอาตอนที่เลิกกันไปแล้ว
เธอแน่ใจว่าแฟนคุณหมอของเธอคบซ้อนมานาน แต่เพื่อรักษาภาพลักษณ์ความเป็นหมอของเขาและน้องคนนั้น เขาจึงบอกเลิกเธอให้เป็นกิจลักษณะ แล้วทำทีรอสองสามเดือนให้พอมีมารยาท ค่อยเปิดตัวคนใหม่
ทั้งที่เขาสัญญาจะแต่งงานกับเธอตอนอายุ 35 แต่กลับไปมีคนใหม่ก่อนทำตามสัญญาซะงั้น เขาทำให้พาพิศเสียเวลาที่จะเจอคนอื่นเป็นสิบปี แถมยังไปคบกับคนที่อ่อนกว่าเธอเป็นสิบปีด้วย
เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะจัดการเขาอย่างไรดี แฉให้มันพังไปทั้งหมด! หรือเก็บอาการเป็นแม่พระไว้ จบแบบสวยๆ แต่! ผู้ชายเห็นแก่ตัวพรรค์นั้นควรได้รับตอนจบแบบ happy ending หรือ!