แสงแดดอ่อนๆ ยามสายลอดผ่านยอดไม้สูงในป่าลึก สาดลงมากระทบใบไม้ที่ไหวเอนเบา ๆ จากแรงลม จอมขวัญยกกล้องขึ้นเล็ง ไปยังนกป่าสีฟ้าครามที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ไกลลิบ เธอค่อยๆ ก้าวเท้าเบา ๆ ตามร่างนกน้อยที่กระพือปีกหนีไปเกาะตามกิ่งโน้นกิ่งนี้ เธอเดินตามนกไปอย่างหลงไหลในความสวยงามของนก เพื่อหวังที่จะได้ถ่ายภาพของมันเอาไว้ นกน้อยก็ค่อยๆ บินหนีเข้าไปในป่าลึกในพงไม้ โดยเธอไม่รู้ตัวว่าได้หลงเข้าไปไกลจากทางเดินหลักมากแค่ไหน
เสียงกิ่งไม้แห้งหักใต้ฝ่าเท้าทำให้เธอชะงัก หยุดมองรอบตัวอย่างสงสัย พอมองย้อนกลับไป เธอกลับจำไม่ได้เลยว่าเส้นทางเดิมอยู่ที่ใด ทุกสิ่งรอบตัวล้วนเหมือนกันหมด ต้นไม้สูงใหญ่ พุ่มไม้รกชัฏ และแสงแดดที่ถูกใบไม้บดบังจนแทบส่องไม่ถึงพื้น
“มี่ใครอยู่ไหมคะ!!”
“...........”
เธอร้องตะโกนสุดเสียง มีเพียงเสียงของตัวเองที่สะท้อนกลับมา
หัวใจของจอมขวัญเต้นแรง เธอพยายามรีบเดินย้อนกลับไปตามความคิดว่าเป็นเส้นทางเดิม แต่ไม่ว่าจะเลือกเดินไปทางไหน ทุกครั้งจะนำเธอกลับมายังเส้นทางเดิม
“นี่มันอะไรกัน..”
เสียงกระซิบของตัวเองอย่างแผ่วเบา
เวลาก็เดินไปอย่างช้าๆ ล้วงเข้าไปควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายยกออกมา ไม่มีคลื่นสัญญาน เวลาที่ปรากฎอยู่บนจอโทรศัพท์เป็นเวลาเกือบจะบ่ายโมง เธอคิดว่าต้องพยายามออกจากป่าแห่งนี้ให้ได้ก่อนที่จะมืดจะคลืบคลานเข้ามา อากาศในยามบ่ายเริ่มเย็นลง น้ำตาของจอมขวัญเริ่มคลอ เพื่อนสองคนของเธอจะรู้มั้ยหนอว่าเธอเดินหลงป่า พวกเธอกำลังจะเดินไปในเส้นทางที่มีป้ายบอกทาง เพื่อนๆ อยากจะไปเที่ยวน้ำตก ที่ใครๆ ก็ชื่นชมว่าสวยที่สุดในประเทศไทย มีนักท่องเที่ยวหลายคนที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน แต่สายตาของเธอพลันพบกับนกป่าสีสวยเข้า ทำให้เธออยากที่จะหยุดให้นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ เดินผ่านไปก่อน เพื่อเธอจะได้ถ่ายภาพนกน้อยสีสวยแปลกตา
ยิ่งเดินนานเท่าไร ก็ดูเหมือนเธอจะหาทางออกจากป่าไม่พบ น้ำตาเริ่มไหลริน คิดหวาดกลัวสารพัด กลางคืนในป่าทึบเพียงลำพัง แล้วสัตว์ร้าย ความเงียบที่ได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้น ความมืดค่อยๆ เข้ามาแทนที่
เธอรีบวิ่งอย่างสุดฝีเท้า วิ่งๆ เสื้อคลุมเชิ้ตตัวหลวมที่คลุมทับบนเสื้อยืดเกาะเกี่ยวกับกิ่งไม้จนมีรูขาด ขาที่สวมเพียงกางเกงขาสั้นเต็มไปด้วยร่องรอยของกิ่งไม้กับแง่งหินแหลมขูดข่วน รองเท้าผ้าใบสีขาวที่เริ่มมีสีอื่นๆ เข้ามาแทนที่ เธอหวาดกลัวจนต้องกรี๊ดร้องออกมา ในความมืดมิดของป่า