ซูเจินวูบหมดสติ รู้สึกตัวอีกทีเธอก็ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในฐานะภรรยาเกษตรกรเสียแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าสตรีซุ่มซ่ามอย่างเธอจะเปลี่ยนชีวิตของบุรุษแสนเย็นชาให้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะจนในที่สุดความผูกพันก็เริ่มก่อตัวเป็นความรักอย่างไม่รู้ตัว
----------------
ซูเจินเบ้ปากแล้วคุกเข่าลงบ้าง ทว่าเธอคงไม่ชินกับความเฉอะแฉะของพื้นแปลง มือเล็กคว้าหญ้าต้นโตแล้วจับดึงออก ทันใดนั้นก็มีเสียง พรืด! หญ้าหลุดออกมาแต่เธอกลับเสียหลักล้มพรวด หัวไหล่กระแทกกับขอบร่องน้ำจนหมวกไม้ไผ่ปลิวกระจาย
"โอ๊ยทำไมเจ้าต้นหญ้านี่มันดื้อดึงนักเล่า"
จางเหว่ยหัวเราะลั่น รีบเดินมาแล้วยื่นมือให้ "เจ้าจะถอนหญ้าหรือถอนโชคชะตากันแน่ ดูท่าแปลงผักจะได้เจ้ามาทำลายล้างมากกว่านะ"
ซูเจินจับมือเขาแล้วลุกขึ้น ฝุ่นดินติดแก้มเนียนนิดหน่อย เธอปัดป่ายไปมาแล้วถอนหญ้าอีกครั้ง คราวนี้จับได้ตรงรากเสียที ทว่าพอออกแรงดึงเถ้าดินก็เด้งใส่หน้าอีกจนต้องหลับตาปี๋
"ไม่เป็นไร ข้าจะสอนเจ้าเอง" จางเหว่ยวางมือบนต้นหญ้า
"ดูนี่นะ เจ้าต้องจับตรงราก อย่าจับปลายใบ เพราะถ้าจับพลาดมันจะขาดกลางทาง พอดึงขึ้นมาก็ไม่สุด แล้วมันก็จะขึ้นใหม่เร็วกว่าปกติอีกด้วย"
เขาเอ่ยพร้อมแสดงให้ดู หญ้ารากยาวเส้นหนึ่งหลุดขึ้นมาทั้งราก "เห็นหรือไม่ ต้องให้ดินคลายตัวก่อนแล้วค่อยถอน อย่าหุนหันพลันแล่น"
"ที่ถอนง่ายเพราะดินชอบท่านใช่ไหมเจ้าคะ" เธอเอ่ยด้วยนํ้าเสียงขี้เล่น
"เปล่าหรอก ดินไม่ชอบใครทั้งนั้น ยกเว้นคนที่รู้วิธีเข้าใจมัน"
หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างตั้งใจ แล้วพยายามทำตามอย่างเงอะงะ แต่ครั้งนี้เริ่มมีท่าทางดีขึ้นเล็กน้อยจนจางเหว่ยต้องยกนิ้วให้
"เก่งขึ้นแล้วนี่ อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ถอนต้นผักขึ้นมาด้วย"
ชายหนุ่มหัวเราะอีกครั้งอย่างอดใจไม่อยู่ มือยังคงขุดร่องเล็กถอนหญ้าให้ดินโปร่ง ซูเจินเองเมื่อได้เรียนรู้ก็ค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับธรรมชาติ ความเปียกของดิน ความเหนียวของรากหญ้า แม้จะยังเงอะงะอยู่บ้างแต่รอยยิ้มก็เริ่มเกิดขึ้นเป็นระยะ
เวลาไหลผ่านไปพร้อมกับเหงื่อที่ไหลซึมตามขมับของทั้งคู่ ผ้าคลุมไหล่ของซูเจินเปื้อนดินนิดหน่อยแต่แววตากลับเปล่งประกาย
"ทำสวนมันสนุกกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก" เธอพึมพำแล้วหันไปยิ้มให้เขา
จางเหว่ยมองกลับด้วยแววตาอ่อนโยน "เมื่ออยู่กับสิ่งธรรมดา เจ้าก็จะเรียนรู้ว่าความสุขแท้จริงไม่จำเป็นต้องมีอะไรพิเศษเลย"