“นี่ตื่น ๆ"
"..."
ยังคงไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว... ใบหน้าสลบไสลที่ถูกเช็ดคราบดินโคลนและโลหิตออกจนเกลี้ยงเกลาแลสุกใสอ่อนวัย ...
.....รูปร่างหน้าตาแบบนี้ มือคงแบกไม่ไหว บ่าคงหามไม่อยู่ หามีประโยชน์อันใดไม่ แต่ใบหน้ากลับหล่อเหลาไม่เลว ดีไม่ดีขายให้กับสถานที่อย่างว่าอาจได้กลายเป็นอันดับหนึ่ง...
ขณะที่ความคิดกำลังฟุ้งซ่าน ร่างนั้นก็พลันขยับตัว
"เจ้าตื่นได้แล้ว ถ้ายังนอนต่อไปคงได้หิวตายแน่”
“เจ็บก็ร้องออกมา เสแสร้งไปทำไม สู้ตายเป็นวีรบุรุษ หิวตายเป็นชายชาตรี ที่นี้มีข้าวมีกับ แน่จริงก็อย่ากิน จะได้ไม่ต้องเสื่อมเสียศักดิ์ศรีของเจ้า!”
เสียงเคาะชามดังกุ๊งกิ๊งเบา ๆ กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วสี่ทิศ
"อยากกินไหม"
.................................
“ขาข้าเป็นอะไร"
“กระดูกหัก หมอช่วยจัดให้เข้าที่แล้ว"
"จะหายไหม”
"ถ้ากระดูกเชื่อมต่อกันได้ดีและเจ้าพักฟื้นเต็มที่ คิดว่าคงไม่พิการ"
...........................................
"เจ้าชื่อว่าอะไร บ้านอยู่ที่ไหน เป็นคนสกุลใด มีเงินไม่มีเงิน เรียกคนที่บ้านมาไถ่ตัว”
เขาปิดตาลงพลางกล่าว “ไม่มีบ้าน ไม่มีครอบครัว เงินยิ่งไม่มี”
"แม้แต่ชื่อก็ไม่มี!"
"ไม่มี"
.......................................
ครานั้นพบหน้าประจักษ์รักแท้ กลับไม่เคยเอื้อยเอ่ยเผยความนัย
ร้อยรักสิบปีผันผ่าน...ยังคงซาบซ่านไม่เสื่อมคลาย