คมราษฎร(1) ร้องอย่างไร ให้เป็นเรื่อง

ทั่วไป

คมราษฎร(1) ร้องอย่างไร ให้เป็นเรื่อง

คมราษฎร(1) ร้องอย่างไร ให้เป็นเรื่อง

ประธานบอย

ทั่วไป

16
ตอน
38
เข้าชม
0
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
1
เพิ่มลงคลัง
คู่มือตัวอย่างให้ผู้อ่าน ได้นำไปศึกษาเป็นแนวทางทำเอกสารหนังสือร้องเรียน ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ อัยการ ศาล ราชทัณฑ์ และ ทุกหน่วยงานภาครัฐ

คำนำ 

           หนังสือ “ คมราษฎร(1) ร้องอย่างไร ให้เป็นเรื่อง ” เป็นการบอกเล่าเรื่องราวและประสบการณ์จริงที่ผ่านมาของผู้เขียน พร้อมเป็นคู่มือตัวอย่างให้ผู้อ่าน ได้นำไปศึกษาเป็นแนวทางทำเอกสารหนังสือร้องเรียน ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ อัยการ ศาล ราชทัณฑ์ และ ทุกหน่วยงานภาครัฐ ตามวัตถุประสงค์ของผู้เขียน เพื่อให้ประชาชนพึงทราบถึงสิทธิขั้นพื้นฐานตามกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ เมื่อเกิดข้อพิพาททางคดีความ  

ในเบื้องต้นผู้อ่านสามารถนำไปเขียนเรื่องราวตามข้อเท็จจริงของตน ใช้ยื่นเป็นการร้องขอความเป็นธรรม เพื่อยุติข้อพิพาท หรือ โต้แย้ง เสมือนหนึ่งให้เจ้าหน้าที่รัฐฯรับทราบ ว่ากรณีที่เกิดขึ้นนั้นถูกสุ่มเสี่ยงให้ตกเป็นเครื่องมือในการใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางมิชอบ ร่วมกันกลั่นแกล้งผู้อื่นให้เป็นคดีความ หรือไม่ 

          ประการต่อมา ผู้เขียนตระหนักดีถึงสภาวะปัจจุบัน คดีความเกิดขึ้นมากมาย รกโรง รกศาล ทนายความคิดค่าใช้จ่ายการเขียนคำร้องคำขอในราคาเท่ากับค่าวิชาชีพในการว่าความเสมือนว่าความจบทั้งคดี ซึ่งเป็นเรื่องไม่เหมาะสมกับการที่ทำให้บุคคลคนหนึ่งถูกระบบกล่าวหา ทำร้ายจนสิ้นหนทาง หมดอนาคต หมดเงินจำนวนมากเพื่อหาความเป็นธรรมให้กับตนเอง แล้วหันมองอีกครั้งคดีความนั้นแพ้หรือชนะ ตนเองก็เป็นเหยื่อสูญเงินเกินกว่าเหตุ และหมดอนาคตทางการงาน การเงิน ชีวิตไปต่อไม่ได้ ดังคำเปรียบเปรยว่า “ เก็บเงินมาทั้งชีวิต หมดค่ารักษาไข้ไปกับหมอ หมดค่าว่าความ ไปกับทนาย ” จึงเป็นเรื่องเกินคำว่ายุติธรรมคือการต้อง ยุติ(โดย)ธรรมแล้ว จึงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ 

อีกทั้งผู้เขียนมีประสบการณ์หลากหลาย ขนาดเคยมีผู้ให้ฉายาผู้เขียนไว้ว่า “ มันคือนักรบผู้ติดยศ ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบนายร้อย ” โดยล้อเลียนมาจากกรณี พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ท่านเคยออกรบและติดยศร้อยโท ตั้งแต่ท่านยังเป็นนักเรียนนายร้อย จปร. เหตุเพราะต้องถูกเกณฑ์ออกไปรบก่อนเรียนจบโรงเรียนนายร้อยดังกล่าว เช่นว่านี้ คงไม่เกินจริง เพราะผู้เขียนทำงานด้านกฎหมายตั้งแต่ยังไม่เข้าเรียนคณะนิติศาสตร์ ก็เป็นเสมียนทนายความ เติบโตเป็นผู้บริหาร และดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานทนายความหลายแห่งตลอดนับสิบปี ทำงานภาคประชาสังคม และช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศให้กับองค์กรต่างๆ ทั้งในภาครัฐ และภาคประชาชน สู้รบกับระบบราชการที่ไม่เป็นธรรมทั้งในสภาวะบ้านเมืองปกติ และ ไม่ปกติ เช่นกรณีสภาวะบ้านเมืองเกิดการควบคุมโดยกฎอัยการศึก ควบคุมโดยรัฐบาลทหารยึดอำนาจ สมัยมาตรา 44 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ไม่รวมที่ผู้เขียนต้องเผชิญหน้ากับทนายความท่านอื่นๆที่จบแม้กระทั่งเนติบัณฑิต แต่ผู้เขียนไปรับงานทับเส้นขัดผลประโยชน์ ล้ำเส้นจนเกิดการกลั่นแกล้งให้เป็นคดีความ ดิสเครดิตการทำงานกันจนเสียหาย  

ทุกมิติที่กล่าวมาผู้เขียนก็ตกเป็นเหยื่อถูกกระทำให้ต้องสิ้นอิสรภาพ และเอาชีวิตรอดด้วยการใช้ความรู้ด้านกฎหมายที่มีติดตัวมา จึงรอดพ้นมาหลายครั้ง และทวงความยุติธรรมคืนมาได้ก็นับครั้งไม่ถ้วน  

            ปัจจุบันผู้เขียนเรียนจบปริญญาตรีใบแรกด้านบริหารทรัพยากรมนุษย์ และ ศึกษาต่อปริญญาตรีใบที่สองในคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ขณะจัดทำหนังสือนี้ผู้เขียนมีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านทุกท่าน จะเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความรู้ ทักษะ ด้านกฎหมายเบื้องต้นในการเอาไว้ใช้ในการพิทักษ์สิทธิของตน และช่วยเหลือบริวาร ญาติมิตร หากมีเพียงหนึ่งท่านในหนึ่งหมู่บ้านที่มีความรู้แบบศึกษาง่ายๆตามหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนมั่นใจดีว่า ท่านจะเป็นผู้เรียกร้องความยุติธรรม และยุติข้อพิพาทเบื้องต้นกับคู่กรณีที่จ้องกลั่นแกล้งโดยแอบใช้เจ้าหน้าที่รัฐ และระบบในกระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือ ทำร้ายทำลายท่านให้หมดสิ้นอนาคต เสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศ ก็จะร่วมกันกระทำได้ยากขึ้น และเจ้าหน้าที่ก็จะพิจารณาความได้เสียในตำแหน่งทันทีว่า รบกับคนอย่างผู้อ่าน และ ผู้เขียน เช่นนี้ “ มัน ไม่ หมู ”  

           ซึ่งเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้จะประกอบด้วยกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นจากกรณีพิพาทจริง มีข้อเท็จจริงประกอบข้อกฎหมายดำเนินการตามขั้นตอนในกระบวนการจนเป็นที่ยุติ ทั้งโดยเป็นธรรม และไม่เป็นธรรม ซึ่งจะแล้วแต่มุมมอง รวมถึงแบบฟอร์มร้องเรียนต่างๆ ลำดับต่อไปในทุกๆเล่มที่จะเขียนไปจนครบทุกเล่มในภาคหน้า ให้ครบกระบวนการในกรณีพิพาทนั้นๆ ให้ท่านได้นำไปศึกษา และนำไปใช้ในกรณีของท่านได้ ต่อไป 

           หากแต่ผู้เขียนมีเรื่องราวรอถ่ายทอดมากมาย การที่บรรจุให้ครบถ้วนทุกกรณีที่นำเสนอไว้หน้าปกเพียงเล่มเดียวนั้น อาจจะใช้การลงบรรจุในเล่มลักษณะภาคต่อ ต่อไป โปรดติดตาม 

          ท้ายที่สุด บ้านเมืองจะแข็งแกร่ง ทุกพื้นที่จะมีผู้นำความคิด รู้กฎหมายในเบื้องต้น ก็เพื่อลดสถิติคดีความที่ขึ้นสู่โรง สู่ศาล ทั้งราษฎรกับราษฎร ราษฎรกับรัฐ หรือ เจ้าหน้าที่รัฐถูกดำเนินคดีเพราะเป็นผู้ร่วมปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ได้ลดน้อยลงด้วยฝีมือประชาชนที่มีส่วนร่วมได้อย่างแท้จริงในการสนับสนุนกระบวนการยุติธรรม ที่ควรต้องยุติได้โดยธรรมแล้ว ในส่วนของอานิสงค์ผลบุญจากการที่ผู้เขียนได้เขียนหนังสือเล่มนี้ ยกความดีและบุญกุศล ให้ครูบาอาจารย์ เหล่ากัลยาณมิตร และผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือทุกท่าน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำ จัดจำหน่ายหนังสือเล่มนี้จนมาถึงมือผู้อ่าน ด้วยประการนี้ด้วย                   

                                                           

ด้วยความรัก และปรารถนาดี 

ในนาม   ผู้เขียน 

(13 เมษายน 2568 ) 

ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (1)

5.0