ครืดๆ ครืดๆ
เสียงโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุด ได้ปลุกมาริสาที่นอนอยู่บนเตียงให้ตื่นขึ้นอย่างหัวเสีย เพราะกว่าเธอจะกลับมาถึงที่คอนโดก็ปาไปตีสามกว่าแล้ว แล้วนี่เธอพึ่งจะได้นอนไปแค่สามชั่วโมง ก็ต้องตื่นขึ้นมารับสายใครก็ไม่รู้ที่กระหน่ำโทรหาเธอตั้งแต่เช้า ประหนึ่งบ้านของปลายสายไฟไหม้
“สาพูดค่ะ” มาริสากรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงงัวเงียขั้นสุด
“ยัยสา แกต้องกลับมาที่บ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!” เสียงของสาวสูงวัยเรียกให้ลูกสาวของตนกลับบ้านด้วยน้ำเสียงรีบร้อน จนมาริสาถึงกลับต้องขมวดคิ้วสงสัย และงุนงงกับน้ำเสียงรีบร้อนของมารดา
“มีอะไรคะแม่ สาพึ่งจะนอนไปได้ไม่เท่าไหร่เองนะคะ แล้วตอนบ่ายสาก็มีงานต่อด้วยค่ะ เอาไว้ตอนเย็นค่อยคุยกันนะคะ”
“ยัยสา นี่แกยังไม่รู้ใช่ไหมว่าแกไปก่อเรื่องอะไรไว้น่ะ”
“สาไปทำอะไรอีกคะ ช่วงนี้สาสงบเสงี่ยมจะตายไปนะคะ”
“เอาเป็นว่าแกต้องกลับบ้านตอนนี้ ส่วนเรื่องงานตอนบ่ายเดี๋ยวฉันส่งคนไปทำแทนให้ เพราะตอนนี้แกต้องมารับผิดชอบเรื่องที่แกทำก่อน อ้อ แล้วก็ภายในสองชั่วโมงฉันต้องได้เห็นหน้าแกไม่งั้นแกเตรียมตัวหาที่อยู่ใหม่ได้เลย” หญิงสูงวัยพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดก่อนที่เธอจะตัดสายไปทันที โดยที่ไม่ให้โอกาสลูกสาวของเธอได้พูดแก้ตัวอะไรทั้งนั้น
.
.
“ที่ฉันเรียกแกมาวันนี้ก็เพราะ…ฉันต้องการให้แกแต่งงานกับตาภพซะ แกจะได้ไม่ไปก่อเรื่องงามหน้าให้ฉันปวดหัวอีก”
มาริสาถึงกับขมวดคิ้วงุนงงกับคำสั่งของมารดา ที่จะให้เธอแต่งงานกับคนที่เธอพึ่งจะเคยเห็นหน้าไม่เกินชั่วโมงเนี่ยนะ ตลกไปกันใหญ่แล้ว
“ว่าไงนะคะ!!! คุณหญิงจะให้สาแต่งงานกับใครก็ไม่รู้เนี่ยนะคะ แล้วอีกอย่างสาไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย คุณหญิงทำไมต้องบังคับสาแบบนี้ด้วยคะ สาไม่ยอมหรอกค่ะ” มาริสาเถียงคุณหญิงวิไลเสร็จ ก็รีบหันไปพึ่งคนเป็นพ่อทันที