"ตะวันฉายอีกสองวันเป็นงานประกาศรางวัลของช่อง ทางช่องติดต่อเชิญเรามาแล้ว คิวงานของเธอว่างพอดีพี่ตอบรับไปแล้วนะ" เปิ้ลผู้จัดการสาวเดินเข้ามาหาเจ้าของชื่อที่นั่งแต่งหน้าอยู่กระจก วันนี้เขามีงานอีเวนท์เปิดตัวสินค้าใหม่ของแบรนด์น้ำหอม แต่เจ้าตัวมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด "ยังมีคนส่งจดหมายขู่มาอีกเหรอ" ผู้จัดการสาวถามขึ้นอย่างเป็นห่วง คนถูกถามพยักหน้าส่งให้ผ่านกระจก ผู้จัดการส่วถอนหายใจกังวลเช่นกัน ปีนี้เป็นปีทองของตะวันฉายก็จริง ตั้งแต่ที่ตะวันฉายเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากมาย ก็มีผู้ไม่หวังดีส่งจดหมายขู่มาเกือบทุกวัน จนคนที่นั่งอยู่หน้ากระจกเริ่มกลัวและเป็นวังวลอย่างเห็นได้ชัด
"พี่เปิ้ล จบงานประรางวัลของทางช่องผมจะพักสักหน่อยนะครับ" ตะวันฉายพูดขึ้น ผู้จัดการสาวพยักหน้ารับ
"ได้สิ พี่ก็ว่าเธอควรพักผ่อนปรับสภาพจิตใจก่อนเผื่ออะไรจะดีขึ้น" สตาฟในงานวิ่งเข้ามาบอกว่าหน้างานพร้อมแล้ว ตะวันฉายจึงปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ยิ้มรับทราบอย่างเป็นกันเอง ด้วยนิสัยที่เป็นกันเองไม่ถือตัว มีความรับผิดชอบของตะวันฉายนี่แหละ ที่ทำให้เป็นที่รักของผู้ใหญ่ในวงการบันเทิงและเป็นที่รักของทีมงานนักแสดงที่ได้ร่วมงานด้วย
วันนี้งานอีเวนท์ผ่านไปด้วยความราบรื่น มีแฟนคลับมาให้กำลังใจตะวันฉายอย่างล้นหลาม ก่อนกลับเขาไม่ลืมที่จะถ่ายรูปร่วมกับแฟนคลับของเขา จนขึ้นรถกลับก็ยังเปิดกระจกโบกมือส่งยิ้มให้แฟนคลับจนสุดทาง
"พรุ่งนี้เดินทางไปเตรียมตัวร่วมงานของช่องนะ วันนี้ก็รีบพักผ่อน อย่าคิดมากล่ะ" ผู้จัดการสาวหันไปพูดกับตะวันฉาย
"ครับ พี่ไม่ต้องห่วง" โชคดีที่ตะวันฉายเป็นคนคิดบวกอยู่ตลอดเวลา ถึงจะมีเรื่องเข้ามาแต่เข้าก็สามารถตัดการความคิดของตัวเองได้ตลอด
งานประกาศรางวัลของช่องในวันนี้ มีดารา นักแสดง ผู้กำกับ มากมายเข้าร่วมงานด้วย วันนี้มีการประกาศรางวัลในหลายๆสาขา ซึ่งคนที่ทางสื่อจับตามองมากที่สุดในปีนี้คือ ตะวันฉาย ทันทีที่เขาก้าวลงจากรถแสงแฟลชจากกล้องของสื่อต่างๆ รัวเข้ามาหาเขาจนแสบตา แต่เจ้าตัวก็ยังคงฉีกยิ้มส่งให้อย่างยินดี รอยยิ้มอันมีเสน่ห์ของจะวันฉาย ทำให้สื่อไม่สามารถละสายตาได้เลย จนกระทั่งเขาเดินเข้าไปในงาน
วันนี้ตะวันฉายได้รับรางวัลสามรางวัลใหญ่ของช่องมาครอบครอง ซึ่งแต่ละรางวัลต่างก็เหมาะสมทุกประการ ความสำเร็จของเขาไม่ใช่ทุกคนที่จะยินดีด้วย หลังจากจบงาน ผู้จัดการสาวก็เดินทางมาส่งตะวันฉายที่คอนโดตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ มีจดหมายขู่มาพร้อมนิ้วคนห้อยอยู่หน้าประตูห้องของเขา
"พี่เปิ้ล!!! มันมาอีกแล้ว คราวนี้มีนิ้วมือปลอมเปื้อนเลือดมาด้วย" ตะวันฉายโทรกลับไปหาผู้จัดการสาวทันทีหลังจากที่เห็นจดหมายขู่
"เราโอเคใช่ไหม ให้พี่แจ้งตำรวจให้ไหม"
"ไม่ต้องแจ้งครับ ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ พรุ่งนี้รบกวนพี่จองเครื่องให้ผมด้วยนะครับ ผมจะไปภูเก็ต พี่ห้ามยอกใครนะ ผมอยากพักผ่อนคนเดียว"
"ได้สิ พี่จัดการให้ ว่าแต่เราไม่เป็นไรจริงๆใช่ไหม"
"ครับ ผมไม่เป็นไรจริงๆ"
เช้าวันต่อมาผู้จัดการสาวมารับตะวันฉายไปส่งที่สนามบิน ตอนแรกเธอจะไปด้วยเพราะรู้สึกเป็นห่วง แต่ตะวันฉายก็ยังยืนยันคำเดิมว่าต้องการอยู่คนเดียวสักพัก เธอจึงตามใจอีกฝ่าย
ตอนนี้ตะวันฉายมาถึงสนามบินพอดีกับที่เครื่องกำลังจะออก เขาจึงรีบเดินขึ้นเครื่องไป แต่ใครจะรู้ว่ามีคนติดตามตะวันฉายมาตั้งแต่อยู่ที่คอนโดจนถึงสนามบิน และตามไปที่ภูเก็ต
ผู้จัดการสาวจองที่พักที่เกาะให้ และมันต้องนั่งเรือเข้าไป ในขณะที่ลงเรือตัวเขารู้สึกว่ามีคนจ้องมองอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ จนกระทั่งมีชายฉกรรจ์สี่คนเดินเข้ามาหาเขา
"เฮ้ย ดาราดังนี่หว่า" ชายฉกรรจ์คนหนึ่งดึงหมวกเขาออกจนเห็นหน้าชัดเจน ตะวันฉายตกใจแต่ก็ยังใจดีสู้เสือ
"ครับ พวกคุณมีอะไรหรือเปล่า"
"พูดเพราะซะด้วย...แต่ว่า หน้าตาก็ดี แต่เสียดายที่แกจะไม่มีโอกาสได้กลับไปจากที่นี่!" หลังจากพูดจบชายฉกรรจ์อีกสองคนก็เข้าล๊อคตัวตะวันฉาย แต่เขาสู้กลับ ถีบทั้งคู่จนล้มก่อนจะวิ่งลงไปขอความช่วยเหลือจากคนขับเรือ แต่คงเป็นความโชคร้ายของเขาแม้แต่คนขับเรือก็เป็นคนร้าย ตอนนี้ตะวันฉายคงไม่มีทางรอด แต่ก่อนตายเขาขอรู้ก่อนว่าใครเป็นคิดทำร้ายเขา
"ใครเป็นคนส่งพวกแกมา"
"อยากรู้เหรอ !" หมัดหนักๆซัดลงไปยนใบหน้าของตะวันฉายจนล้มลงไปกองกับพื้นเรือ สองคนจึงหิ้วปีกขึ้นมา "ไหนๆแกก็จะตายแล้ว ฉันบอกให้ก็ได้"
"ใคร" ตะวันฉายถามขึ้นเสียงแหบ
"คนที่แกแย่งผลงานไปหมดยังไงล่ะ!" เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง เขาจึงหันไปมองพร้อมกับขมวดคิ้วเป็นปม ภูผา
"ภูผา !" ตะวันฉายเอ่ยชื่อคนตรงหน้าออกมา
"ใช่ ฉันเองคิดไม่ถึงล่ะสิ"
"ทำไมเป็นนาย เรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่างเป็นฝีมือนายอย่างนั้นเหรอ"
"ฉลาดขึ้นแล้วนิ ใช่! แล้วใครใช้ให้แกเป็นที่รักของทุกคนละ แกแย่งชื่อเสียงไปจากฉัน ถ้าไม่มีแกทุกอย่างก็ต้องเป็นของฉัน" ภูผาชี้หน้าด่ากราดพร้อมกับต่อยลงไปบนหน้าของตะวันฉายอีกครั้งจนคอพับ ก่อนที่ชายฉกรรจ์อีกคนจะใช้ไม้ฟาดเข้าที่ท้ายทอยของตะวันฉายจนสลบแล้วก็โยนลงทะเลไป