วันนี้หลังจากที่เฉิงอี้คอนเฟิร์มร่วมงานที่มาเก๊าแล้ว เขาก็กลับก็กลับมาเปิดมือถือเพื่อเช็คข่าวคราวของใครบางคน แต่ก็ต้องหน้าหงอยเพราะไม่เห็นความเคลื่อนไหวอะไรเลยนอกจากจะเข้ากองถ่าย "เสี่ยวซียังไม่คอนเฟิร์มงานเลยอ่ะ" เขาบ่นพึมพำกับตัวเองหน้ากระจก ผู้จัดการสาวเดินเข้ามาพอดี
"เฉิงอี้เสร็จหรือยังด้านนอกเขารอแล้วนะ" สาวเจ้าทักขึ้นเสียงดังเมื่อเห็นอีดฝ่ายยังคงนั่งเหม่อ จนคนถูกทักสะดุ้งเล็กน้อยแล้วหันกลับไปมอง "เหม่ออะไรเรา ปกติไม่เห็นเหม่อ"
"เปล่าครับ" พูดสั้นๆแล้วก็ลุกเดินออกไป
"แปลกแฮะ" ผู้จัดการสาวพึมพำ
ตอนนี้เฉิงอี้ทำงานอีเว้นท์อยู่ที่เซี่ยงไฮ้ เพราะช่วงนี้เขายังไม่ได้ถ่ายละครเรื่องใหม่ แต่ก็มีคุยไว้อยู่ตอนนี้เขามีเพียงงานอีเว้นท์หลายงานจนจะปลีกตัวไปไหนไม่ได้เลย โชคดีที่เฉิงอี้เป็นคนจริงจัง มีความรับผิดชอบในการทำงานและเต็มที่กับการทำงานที่ได้รับมอบหมายเป็นอย่างดีเยี่ยมจนทางเจ้าของงานต่างก็เอ่ยชมไม่ขาดปาก จนกระทั่งกลับมาถึงที่พักในตอนเย็น
"เฉิงอี้พี่ถามจริงๆวันนี้เราเป็นอะไร เหม่อตั้งแต่เช้าแล้วนะ" ผู้จัดการสาวถามขึ้นหลังจากวางข้าวของไว้บนโต๊ะ วันนี้ถึงเฉิงอี้จะทำงานไม่มีที่ติ แต่ในสายตาของผู้จัดการอย่างหล่อนแล้วนั้นผิดปกติ
"..." เฉิงอี้ยังคงเงียบ
"นายรอเสี่ยวซีคอนเฟิร์มงานช่องวันที่เจ็ดใช่ไหม" คำถามของผู้จัดการสาวช่างตรงใจเขาจริงๆ เฉิงอี้พยักหน้ารับ "แล้วทำไมไม่ถามเขาไปล่ะ"
"ก็ช่วงนี้ได้ข่าวว่าน้องต้องเข้ากองถ่าย ท่าทางจะยุ่งเลยยังไม่ได้ถาม" เฉิงอี้ตอบเสียงอ่อน ผู้จัดสาวก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา
"ไม่ถามแล้วจะรู้ได้ยังไง" ผู้จัดการสาวพูดขึ้นก่อนจะเดินเอาของไปเก็บ ปล่อยให้เฉิงอี้นั่งคิดเองอยู่คนเดียว แล้วเขาก็ตัดสินใจที่จะส่งข้อความไปถามเจิ้งซุ่นซี เป็นครั้งแรกที่เขาตัดสินใจส่งข้อความถามอีกฝ่ายเพราะก่อนหน้านั้นมีแต่อีกฝ่ายส่งข้อความมาถามไถตลอด
'เสี่ยวซีนายเป็นยังไงบ้าง กลับบ้านหรือยังหรือยังถ่ายละครอยู่ งานช่องวันที่เจ็ดนี้นายจะไปไหม'
เฉิงอี้สูดลมหายใจเข้าแล้วกดส่งออกไป ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ยี่สิบนาทีต่อมาเขาจึงเดินมาหยิบมือถือดูแต่อีกคนยังไม่อ่านพอเหลือบมองนาฬิกาตอนนี้เกือบสองทุ่มแล้วส่งสัยยังไม่เลิกกอง เขาจึงวางมือถือไว้ที่เดิมแล้วออกไปทานข้าวกลับเข้ามาอีกทีก็เกือบสามทุ่มครึ่ง พอกลับเข้ามาก็ง่วงเต็มที่หัวถึงหมอนแล้วก็หลับไปเลยไม่มีเวลาดูมือถือจนถึงเช้า
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตอนหกโมงเช้า เฉิงอี้จึงสะดุ้งตื่นพอเขาเอื้อมมือไปปิดสายตาก็เหลือบไปเห็นข้อความที่ยังไม่ได้อ่านพอเปิดเข้าไปดูก็เป็นข้อความของคนที่เข้าส่งไปถามเมื่อวานนี้ อีกฝ่ายตอบกลับมาหลังจากที่เขาออกไปทานข้าวข้างนอก
'พี่อี้ พี่เป็นยังไงบ้าง งานยุ่งล่ะสิพักผ่อนบ้างนะ ผมเป็นห่วง ผมสบายดีครับ'
'เอาะ งานวันที่เจ็ดผมคอนเฟิร์มไปแล้วว่าจะเข้าร่วมงาน'
'จริงสิ วันนั้นผมมีขึ้นแสดงด้วยนะ'
'สงสัยพี่จะหลับแล้ว ฝันดีนะครับ'
เฉิงอี้ไถอ่านข้อความอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจที่อีกฝ่ายยังเสมอต้นเสมอปลายถามไถเขาก่อนเสมอ เขาจึงพิมพ์ข้อความตอบกลับ
'ยังคงเป็นห่วงคนอื่นก่อนเสมอนะนาย'
'ไม่เลย ผมเป็นห่วงพี่คนเดียว' ข้อความถูกส่งกลับมาอย่างไวทำให้เฉิงอี้สะดุ้งดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างไว เขากำังจะพิมพ์ข้อความตอบกลับ แต่ก็ต้องพิมพ์แล้วลบอยู่หลายรอบจนกระทั่งข้อความของอีกฝ่ายส่งกลับมา
'ใจเย็นๆ ค่อยๆพิมพ์ก็ได้'
'....' เฉิงอี้ยังคิดหาคำพูดไม่ออก
'เอาเงียบเฉยเลย วันนี้พี่มีงานอีเว้นท์ต่อใช่ไหมสู้ๆนะครับ ผมต้องไปเตรียมตัวเข้ากองแล้วนะครับไว้เจอกันนะครับ' เป็นข้อความสุดท้ายของอีกฝ่ายที่ส่งเข้ามา
'นายก็สู้ๆนะ' ข้อความของเฉิงอี้ถูกส่งออกไปแต่ไม่ขึ้นอ่านอีกฝ่ายคงจะเตรียมตัวเข้ากองอย่างที่บอก ว่าแล้วเฉิงอี้ก็ลุกออกจากเตียงตรงไปอาบน้ำเพื่อออกไปทำงานต่อ
"ถามเขาแล้วล่ะสิ อารมณ์ดีมาเชียวนะ" ผู้จัดการเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นเฉิงอี้เดินอารมณ์ออกมา
"ครับ ถามแล้ว น้องคอนเฟิร์มไปแล้ว" เฉิงอี้ตอบกลับเดินยิ้มมานั่งทานอาหารที่โต๊ะ
"ดีใจล่ะสิ จะได้เจอเขาสักที" เฉิงอี้ไม่ตอบ แน่นอนว่าผู้จัดการสาวดูออกว่าเฉิงอี้ใส่ใจเจิงซุ่นซีมาก มากกว่าทุกคนที่เขารู้จัก
ทางฝั่งของเจิงซุ่นซีตอนที่เฉิงอี้ส่งข้อความไปเขาพึ่งเลิกกองแลักำลังเดินทางกลับบ้านเช่าที่เหิงเตี้ยน พอเห็นข้อความของอีกฝ่ายเข้าเขาก็รีบเปิดดูและตอบกลับทันที เพราะเขารู้ว่าเฉิงอี้เป็นคนงานยุ่ง ไม่ติดโทรศัพท์โอกาสที่จะทักหาใครนั่นยากมาก พอเปิดอ่านข้อความก็ต้องยิ้มออก
"ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้ ถ้าให้พี่เดาเป็นข้อความของเฉิงอี้ล่ะสิ" ผู้จัดการสาวที่นั่งข้างๆเอ่ยแซว เธอรู้ว่าเฉิงอี้คือดาราในดวงใจของเจิงซุ่นซีและตอนนี้ก็กลายเป็นคนสำคัญของเจ้าเด็กนี่ไปแล้ว
"ครับ พี่อี้ส่งข้อความมาถามเรื่องงานวันที่เจ็ด" เจิงซุ่นซีส่งข้อความเสร็จหันไปฉีกยิ้มก่อนตอบ
"เอาะ พี่ก็ลืมคอนเฟิร์มนายกับแฟนคลับเลย" ผู้จัดการสาวพึ่งนึกได้ว่าต้องคอนเฟิร์มงานบนอินเตอร์เน็ต
"ไม่ต้องครับเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมลงเอง" เจ้าตัวตอบกลับอย่างอารมณ์ดี
"จ่ะ" จบบทสนทนารถก็แล่นเข้าบ้านเช่าของเจิงซุ่นซีที่เหิงเตี้ยน ความจริงก็ไม่ใช่บ้านหลังใหม่เป็นบ้านที่เขาเคยอยู่กับเฉิงอี้ตอนที่เริ่มถ่ายทำหอดอกบัวลายมงคล เขาตั้งใจจัดบ้านให้เป็นโทนสีเขียวทั้งหมดเพราะใครบางคน พอถึงบ้านเขาก็ก้กดดูข้อความ ไม่ขึ้นอ่าน สงสัยอีกฝ่ายคงหลับแล้ว เขาจึงเลือกที่จะเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและเข้านอนพรุ่งนี้เข้าต้องลุกขึ้นมาเตรียมตัวเข้ากองแต่เช้า
เจิงซุ่นซีตื่นขึ้นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ตีห้าจนหกโมงเขาก็ได้ยินเสียงข้อความเข้า พอเปิดดูก็เป็นข้อความของเฉิงอี้เขาไม่ลังเลที่จะตอบกลับทันที แต่อีกฝ่ายคงตกใจพิมพ์ผิดพิมพ์ถูก เจิงซุ่นซีนั่งอมยิ้มให้กับโทรศัพท์ก่อนจะได้ยินเสียงผู้จัดการดังขึ้นเรียก เขาจึงรีบส่งข้อความบอกอีกฝ่ายก่อนจะเดินออกไป ที่กองถ่ายของเจิงซุ่นซีวันนี้เขาพึ่งได้พักกองตอนสิบโมงก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโพสต์บนweiboในการเข้าร่วมงานช่องในวันที่เจ็ดที่จะถึงนี้
"เสี่ยวซี พรุ่งนี้เตรียมตัวเดินทางไปมาเก๊านะ นายต้องไม่รันเวทีเตรียมตัวในการแสดงในคืนวันที่เจ็ดด้วย" ผู้จัดการสาวเดินเข้ามาบอกกำหนดการให้เจ้าตัวทราบ
"รับทราบครับ แล้วทางฝั่งของพี่อี้..."
"เฉิงอี้จะเดินทางถึงมาเก๊าพรุ่งนี้ตอนเย็น" เธอไม่รอช้าตอบกลับทันที เพราะเธอรู้ว่ายังไงเจ้าเด็กในความดูแลของเขาต้องถามหาเฉิงอี้แน่นอน จึงโทรไปสอบทางผู้จัดการของเฉิงอี้
"พี่รู้ใจผมจริง"
"แน่นอน แต่เวลาของนายกับเฉิงอี้ไม่ตรงกันนะ วันนั้นนายต้องเข้างานก่อนส่วนเฉิงอี้เข้างานตอนห้าโมงเย็น"เธอพูดต่อคำบอกเล่าของผู้จัดการสาวทำให้เจิงซุ่นซีพยักหน้าเข้าใจ "ส่วนเรื่องที่นั่ง เดี๋ยวทางช่องจะแจ้งอีกทีตอนเข้างาน" เธอพูดต่อ
"ครับ" โอกาสที่จะได้เจอกันตรงๆมันอาจจะมีน้อยหรือไม่มีเลยก็ได้ เจิงซุ่นซีกำลังเผื่อใจ เป็นจังหวะกับที่ผู้กำกับเรียกเข้าฉากพอดีเขาจึงกลับมาทำสมาธิทบทวนบทอีกครั้งแล้วก่อนจะไปเข้าฉาก
วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่เจิงซุ่นซีต้องเดินทางไปมาเก๊าเพื่อรันเวทีที่จะแสดงในคืนวันที่เจ็ดซึ่งคิวการแสดงของเขาเป็นคิวที่สอง เดินพรมแดงเข้างานตอนสี่โมงเย็น ในวันที่หกเขาเดินทางถึงสนามบินมาเก๊าในช่วงสายๆ เดินทางเข้าที่พักที่ทางช่องจัดเตรียมไว้ให้และเข้ารันเวทีในตอนค่ำของวันนั้น ตลอดทั้งวันนั้นเขาไม่ได้จับโทรศัพท์เลยจนกระทั่งรันเวทีเสร็จเดินทางกลับที่พักเขาจึงมีโอกาสได้เข้าweibo
"เสี่ยวซี!" เสียงผู้จัดการสาวดังขึ้นจากด้านหลังเขาจึงหันไปมอง "เฉิงอี้ถึงสนามบินแล้วแต่ยังออกมาไม่ได้ โดนแฟนคลับรุมอยู่" เธอบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เจิงซุ่นซีได้ยินแล้วก็อดเป็นห่วงอีกฝ่ายไม่ได้เพราะเขารู้ว่าเฉิงอี้ใจดีจนทำให้แฟนคลับบางกลุ่มได้ใจจึงเกิดเหตุการขึ้นเหมือนตอนนี้ ไวเท่าความคิดเขาหยิบกระเป๋าและโทรศัพท์มือถือ "นายจะไปไหน"
"ไปสนามบิน พี่โทรบอกผู้จัดการของพี่อี้ให้พาอ้อมไปด้านหลัง" เจิงซุ่นซีหันไปบอกก่อนเดินออกไปขึ้นรถ ผู้จัดการสาววิ่งตามออกไปแทบไม่ทัน เขาทั้งวิ่งทั้งโทรมาทางผู้จัดการของเฉิงอี้แต่กว่าจะคุยกันรู้เรื่องก็นานมากเพราะอีกฝั่งไม่ค่อยได้ยินเพราะเสียงแฟนคลับดังกลบ เขาจึงใช้วิธีพิมพ์ข้อความไปแทน
ทางด้านของเฉิงอี้ที่ตอนนี้โดนรุมอยู่ที่สนามบินสีหน้าของอีกฝ่ายดูเหนื่อยแต่ก็ยังมีรอยยิ้มส่งให้กับแฟนคลับอยู่ตลอดไม่แปลกใจที่จะมีคนรักเขามากขนาดนี้
"เฉิงอี้! ด้านหลัง" ผู้จัดการสาวเข้ากระซิบบอกก่อนจะลากอีกฝ่ายไปออกทางด้านหลังของสนามบิน คนถูกดึงไปก็ยังงงๆแต่ก็ยังดีเพราะตอนนี้เขาเหนื่อยเต็มที่แล้ว พอมาถึงก็เห็นรถตู้คันสีดำจอดรออยู่ก่อนแล้ว "เร็วเหมือนกันนะเนี่ย" เฉิงอี้หันไปมองผู้จัดการสาวงงๆ แล้วเขาก็เข้าใจเมื่อคนในรถเปิดประตูออกมา
"เสี่ยวซี!" เฉิงอี้เอ่ยชื่อคนตรงหน้าออกมาเบาๆ เจิงซุ่นซีที่เปิดประตูรถออกยิ้มแฉ่ง
"ครับ ผมเอง รีบขึ้นมาเถอะครับพี่จะได้พักผ่อนด้วย" เจิงซุ่นซีก็ยังเหมือนเดิมเป็นห่วงเขาก่อนเสมอ
"..." เฉิงอี้มองหน้าอีกฝ่ายค้างอยู่อย่างนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเสี่ยวซีของเขาจริงๆ
"เฉิงอี้รีบขึ้นรถเร็ว แฟนคลับตามมาแล้ว" ผู้จัดการสาวพูดขึ้นอแล้วดันหลังเฉิงอี้ขึ้นไปบนรถ แต่ด้วยความที่เขายังไม่ทันตั้งตัวจึงทิ้งตัวหาคนที่อยู่ข้างหน้าเต็มๆ เจิงซุ่นซีเองก็ไม่ได้หลบกลับกันเขาอ้างแขนรับอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ล้ม "แฟนคลับกลุ่มนี้ไม่น่ารักเลย เกือบแย่ ดีนะเสี่ยวซีมาทัน" ผู้จัดการสาวยังบ่นอุบอิบ
"พี่...ดูผอมลงนะ" เจิงซุ่นซีทักขึ้นหลังจากที่ปล่อยเฉิงอี้ให้เป็นอิสระ
"พึ่งได้พักอ่ะ นายเองก็ดูเหนื่อยๆนะ" เฉิงอี้หันไปตอบ พร้อมกับถามคนตรงข้ามต่อ
"ผมเองก็พึ่งได้พักเหมือนกัน แต่ตอนนี้ผมหายเหนื่อยแล้ว"
"หือ นายได้พักแล้วเหรอ นายบินมาถึงก็ต้องขึ้นรันเวทีต่อ ได้พักแค่แป๊บเดียวหายแล้ว"
เจิงซุ่นซีฉีกยิ้มก่อนตอบ "เห็นหน้าพี่ผมก็หายเหนื่อยแล้วล่ะ"
เฉิงอี้รีบหันหน้าหนีซ้อนความเขินเอาไว้ ก่อนจะหันมาถาม "จริงสิพรุ่งนี้นายเข้างานกี่โมง"
"สี่โมงเย็นครับ" เจิงซุ่นซีตอบกลับ หลังจากนั้นพวกเขาก็ไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกันตลอดทาง ผู้จัดการทั้งสองได้ยินเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของทั้งคู่พวกเธอก็ยิ้มออก กว่าครึ่งปีที่เด็กทั้งสองไม่เจอกัน แต่ความสัมพันธ์กลับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งคู่คุยกันจนรถแล่นเข้ามาจอดในโรงแรมที่พัก ที่ทางช่องจัดไว้ให้ในส่วนของนักแสดงที่เดียวกัน แต่เฉิงอี้กับเจิงซุ่นซีพักคนชั้น ทั้งคู่เดินเข้าไปในโรงแรมก็ทักทายเพื่อนนักแสดงด้วยกันเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ไม่ปกติคือนักแสดงคนอื่นสงสัยว่าทำไม่เฉิงอี้กับเจิงซุ่นซีถึงได้มาพร้อมกันได้ ความสงสัยนั้นถูกเก็บไว้ภายใน จนกระทั่งลิฟมาทั้งคู่จึงขอตัวลา ความบังเอิญมีอยู่จริงทั้งคู่พักที่ชั้นเดียวกันแถมห้องยังตรงข้ามกันอีก ส่วนผู้จัดการก็พักห้องข้างๆกัน เจิงซุ่นซีกับเฉิงอี้เดินมาหยุดที่หน้าห้องของตัวเองก่อนที่จะหันมามองหน้ากัน
คร็อกกกๆๆๆ
เสียงท้องของเฉิงอี้ร้องดังจนเจิงซุ่นซีขำออกมาแล้วพูดขึ้น
"พี่ยังไม่ได้กินข้าวมาใช่ไหม" เฉิงอี้พยักหน้า "งั้นไปกินข้าวกันผมสั่งอาหารที่พี่ชอบไว้แล้ว" เจิงซุ่นซีพูดจบก็เข้ามาโอบไหล่เฉิงอี้ให้เดินลงไปข้างล่างพร้อมกัน นี่คืออีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เจิงซุ่นซีเป็นคนพิเศษของเฉิงอี้เพราะเวลาเจอกันเขาแทบไม่ต้องร้องขออะไร อีกฝ่ายรู้ใจเขาทั้งหมด ทั้งคู่นั่งกินข้าวไปคุยกันไปทั้งคู่มีเรื่องมากมายที่คุยกันไม่รู้จบ การได้พูดคุยกับคนที่รู้ใจมันทำให้ทั้งคู่หายเหนื่อยไปในทันที ทั้งคู่นั่งคุยกันเกือบหนึ่งชั้วโมงก่อนจะพากันขึ้นมายังห้องพัก
ในขณะที่เจิงซุ่นซีกำลังจะเข้าห้อง "เสี่ยวซี..." เจิงซุ่นซีหันมาทางเสียงเอียงคอรอฟังจากอีกฝ่าย เฉิงอี้ไม่พูดอะไรแต่ดึงเจิงซุ่นซีเข้าห้องไปด้วยคนถูกดึงเข้าห้องยังยืนอึ้งนิ่ง
แล้วยิ่งอึ้งเข้าไปอีกเมื่อเฉิงอี้โผเข้ากอดตน "นายผอมลงจริงๆนะ"
เจิงซุ่นซีฉีกยิ้มแล้วกอดตอบ "พี่เองก็ผอมลงนะ"
เฉิงอี้เอ่ยสั้นๆ "คิดถึงนะ" แค่ประโยคคิดถึงของอีกฝ่ายก็ทำให้เจิงซุ่นซีดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้
"ผมก็คิดถึงพี่ คิดถึงมากด้วย" เจิงซุ่นซีลูบท้ายทอยของเฉิงอี้เบาๆอย่างเอ็นดู คนทั่วไปจะมองว่าเฉิงอี้เป็นคนเข้มแข็งแต่ใครจะเห็นอีกมุมของผู้ชายคนนี้นอกจากเจิงซุ่นซี พวกเขากอดกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทั้งคู่จึงผลักออกจากกัน เฉิงอี้จึงเดินไปเปิดประตู
"เฉิงอี้ อ่าว เสี่ยวซีก็อยู่นี่เหรอ ผู้จัดการเรากำลังตามหาอยู่" ผู้จัดการของเฉิงอี้บอก เจิงซุ่นซีจึงหันไปส่งยิ้มและพยักหน้าให้เฉิงอี้ก่อนตอบกลับแล้วเดินออกไป
วันงาน iQIYI Scream Night 2024 ในวันที่ 7 ธันวาคม 2567 วันนี้จะมีไลฟ์สดผ่านทางแอพและเว็บไซต์ ซึ่งงานจะเริ่มตอนบ่ายโมงสามสิบนาทีมีนักแสดง ผู้กำกับ ผู้จัดและแขกรับเชิญมากมายเข้าร่วมเดินพรมแดงเข้างานและคิวของเจิงซุ่นซีเดินพรมแดงเวลาสี่โมงเย็นซึ่งเข้างานก่อนเฉิงอี้ ซึ่งคิวเฉิงอี้เดินพรมแดงเป็นคนเกือบสุดท้ายของงาน ก่อนเข้าไปในงานทางทีมงานก็นำป้ายข้อมือที่นั่งมาให้ ซึ่งเฉิงอี้ได้นั่งที่โต๊ะวีไอพีสามเขาเดินเข้าไปในงานเดินตรงไปยังโต๊ะที่นั่งซึ่งโต๊ะของเขายังไม่มีใครมาเลย เฉิงอี้นั่งลงบนเก้าอี้แล้วมองไปรอบๆก็ยังไม่เจอเจิงซุ่นซี เขาจึงหันมาสนใจกับสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะแทน
ทางด้านของเจิงซุ่นซีหลังจากที่เดินพรมเสร็จเขาต้องเข้าไปเปลี่ยนชุดเพื่อขึ้นทำการแสดงต่อ หกโมงครึ่งเขาจึงเดินเข้าไปในงาน ในขณะที่เดินเข้างานสายตาของเขาก็เจอกับเฉิงอี้ที่กำลังจับจ้องอยู่กับแจกันดอกไม้บนโต๊ะเหมือนเด็กน้อย เจิงซุ่นเดินฉีกยิ้มเข้ามาหาเฉิงอี้พร้อมกับดึงอีกฝ่ายเข้ามากอด เฉิงอี้เองก็แอบตกตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆมีคนเข้ามาจับมือและดึงตนเข้าไปกอดท่ามกลางหล่าแฟนคลับและและทีมงานมากมาย คนที่ทำแบบนี้กับเขาได้โดยที่เขาไม่รู้สึกโกรธ กลับกันเขากลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เขาคนนั้นก็คือเจิงซุ่นซี คนที่เขามองหาตั้งแต่เดินเข้ามาในงาน สิ่งที่ทำให้เฉิงอี้เปิดใจให้กับเจิงซุ่นซีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ก็เพราะอีกฝ่ายเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย คอยดูแลและให้กำลังใจเขาตลอดแม้ว่าเราสองคนจะไม่ค่อยได้เจอกันก็ตาม "พี่มาถึงนานหรือยัง" เฉิงอี้ในตอนนี้เขาไม่อยากจะละสายตาจากคนตรงหน้าไปเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะตอบเพราะอีกฝ่ายเข้าบีบที่มือของเขาเบาๆ
"มาได้สักพักแล้วล่ะ นายนั่งตรงไหน" เอิงอี้ตอบคนตรงหน้าออกไปพร้อมถามกลับ
เจิงซุ่นซีจึงชี้ไปที่โต๊ะข้างกัน เขามองตามมือพร้อมกับอมยิ้มออกมา ทั้งคู่ยืนคุยกันอยู่กลางงานด้วยเสียงที่ดังจนต้องกระซิบคุยกัน จนกระทั่งทีมงานวิ่งเข้ามาสะกิดให้เจิงซุ่นซีไปที่โต๊ะของตัวเองเพราะแขกคนอื่นเริ่มทยอยเดินเข้างานกันมามากแล้ว ก่อนไปเจิงซุ่นซีลูบที่ต้นแขนของเฉิงอี้เบาๆ "วันนี้ผมจะอยู่กับพี่ในวันสำคัญของพี่" เจิงซุ่นซีบอกพร้อมกับยักคิ้วส่งให้ เฉิงอี้อมยิ้มพยักหน้ารับ
วันสำคัญของเฉิงอี้คือในงานนี้เขาได้รับรางวัลใหญ่ที่สุดของงานคือ รางวัลนักแสดงชายแห่งปี 2024 iQIYI Scream Night แต่รางวัลสำคัญย่อมอยู่เกือบสุดท้ายของงาน สำหรับงานในค่ำคืนนี้เจิงซุ่นซีขึ้นแสดงเป็นคิวที่สอง เขาต้องไปเตรียมตัวที่หลังเวทีเวลาสองทุ่ม การเคลื่อนไหวของเจิงซุ่นซีอยู่ในสายตาของเฉิงอี้ตลอด ตั้งแต่ที่เขาได้รู้จักและคบหากับเจิงซุ่นซีมันทำให้เขาเห็นภาพสะท้อนกลับของตัวเขาในช่วงที่อายุเท่ากับอีกฝ่าย คือความอดทน ความพยายามที่จะไปให้ถึงฝันและประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเอง จากที่เขารู้ครอบครัวของเจิงซุ่นซีก็ไม่ธรรมดาถือได้ว่าเป็นครอบครัวที่มีฐานะมากพอสมควร แต่ครอบครัวไม่ได้สนับสนุนให้เจิงซุ่นซีเป็นนักแสดงแต่อย่างไร เจ้าตัวอยากทำให้ครอบครัวรู้ว่าตัวเขาเองก็ประสบความสำเร็จจากอาชีพนักแสดงได้ และปีที่แล้วเขาก็ประสบความสำเร็จ กับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่แห่งปี 2023 จากงาน weibo night 2023 ซึ่งถือเป็นรางวัลที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวเขารวมถึงครอบครัวที่ก่อนนั้นไม่สนับสนุน แต่ปัจจุบันครอบครัวได้ยอมรับและสนับสนุนทางที่เจิงซุ่นซีเลือกอย่างเต็มที่ นับจากนั้นเป็นต้นมากระแสของเจิงซุ่นซีก็ไม่เคยตก มีทั้งงานซีรีส์ งานพรีเซนเตอร์ งานถ่ายแบบ งานอีเว้นท์ แทบไม่ได้พัก
กลับเข้าไปในงาน iQIYI Scream Night 2024 ถึงคิวที่เจิงซุ่นซีต้องขึ้นแสดงบนเวทีแล้ว แฟนคลับต่างก็โห่ร้องให้กำลังใจอย่างล้นหลาม เพลงที่เขาเลือกขึ้นมาร้องเป็นเพลงของเขาเองที่ดัดแปลงเป็นเวอร์ชั่นภาษากวางตุ้ง ในระหว่างที่ทำการแสดงกล้องก็แพลนไปหาแฟนคลับและสุดท้ายก่อนที่การแสดงจะจบลง กล้องในงานได้แพลนไปหาเฉิงอี้ราวกับรู้ว่าเป็นคนสำคัญที่สุดของเขา ซึ่งเจ้าตัวเองก็สะดุ้งเล็กน้อยเพราะกำลังตั้งใจฟัง แฟนคลับจึงได้เห็นภาพน่ารักๆของเฉิงอี้
พอการแสดงของเจิงซุ่นซีจบลงเขาก็กลับลงมานั่งที่เดิมแต่ก็ไม่ลืมที่จะเหลือบมองเฉิงอี้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม หลังจากนั้นก็เป็นพิธีรับมอบรางวัลนักแสดงชายผู้ทรงเสน่ห์แห่งปี 2024 iQIYI Scream Night ในค่ำคืนนี้ ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลนี้ไปคือ เจิงซุ่นซี หลังจากที่พิธีมอบรางวัลเสร็จก็ตัดกลับไปที่การแสดงบนเวทีแล้ก็ตัดสลับไปมอบรางวัลซึ่งงานวันนี้กินเวลาไปเกือบเที่ยงคืน นักแสดงและแขกรับเชิญท่านอื่นที่รับรางวัลเสร็จแล้วก็พากันทยอยกลับ จนเวลาเกือบสี่ทุ่มก็ได้เวลามอบรางวัลที่ใหญ่ที่สุดของงานนี้ก็คือ รางวัลนักแสดงชายแห่งปี 2024 iQIYI Scream Night คนที่ได้รับรางวัลก็หนีไม่พ้น เฉิงอี้
จังหวะที่พิธีกรประกาศชื่อคนที่ได้รับรางวัลก็มีเสียงโฮ่ร้องแสดงความยินอย่างล้นหลาม นั่นแสดงให้เห็นว่าคนที่ได้รับรางวัลนี้เหมาะสมกับรางวัลอันยิ่งใหญ่ในค่ำคืนนี้อย่างแท้จริง ช่วงที่เฉิงอี้กล่าวความรู้สึกที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียตินี้ สิ่งที่เขาได้เตรียมมาลืมไปหมดแล้ว ด้วยความตื้นตันใจจนเขาต้องก้มหน้าซ่อนน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาเอาไว้ แฟนคลับในงานต่างก็โฮ่งร้องปรบมือให้กำลังใจ กล้องในงานก็แพลนไปหาเจิงซุ่นซีที่นั่งปรบมือเป็นกำลังใจให้คนบนเวทีอยู่หน้าเวที ก่อนลงจากเวทีเฉิงอี้ก็ถ่ายรูปร่วมกับแฟนคลับบนเวที
หลังจากรับรางวัลเสร็จเฉิงอี้ก็เดินลงมานั่งที่โต๊ะที่นั่งของตัวเอง แต่ด้วยภายในงานกินเวลานานเกือบเที่ยงคืนคนที่นั่งโต๊ะเดี๋ยวกันกับเขาก็กลับกันหมดแล้ว เจิงซุ่นซีที่นั่งอยู่โต๊ะฝั่งตรงข้ามก็ขยับมานั่งอีกฝั่งของโต๊ะซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังของเฉิงอี้ การแสดงสุดท้ายได้เริ่มต้นขึ้น ซึ่งเป็นการแสดงโชว์ของหลิวอวี่หนิง และมีการประมวลผมงานเพลงของหลิวอวี่หนิง เจ้าพ่อเพลงประกอบซีรีส์หนึ่งในนั้นคือซีรีส์หอดอกบัวลายมงคลที่ออนแอร์ในปี 2023 แต่กระแสก็ไม่เคยตกจนลากยาวมาถึงปัจจุบัน ทันทีที่ทีเซอร์เพลงและภาพประกอบซีรีส์ขึ้นจอก็ได้รับเสียงกรี้ดร้องดังขึ้นกระหึ่ม ส่วนเฉิงอี้ก็หันไปหาเจิงซุ่นซีทำมือเป็นสัญลักษณ์ที่เข้าใจกันแค่สองคน
หลังจากที่การแสดงสุดท้ายของงานจบลง เจิงซุ่นซีก็ต้องกลับก่อน เพราะเขาต้องเตรียมตัวบินกลับไปถ่ายทำซีรีส์ต่อพรุ่งนี้เช้าเลย เจิงซุ่นซีเข้าไปบอกเฉิงอี้ว่าตนต้องกลับออกไป ส่วนเฉิงอี้ก็อมยิ้มพยักตอบกลับสายตาของเจิงซุ่นซีในตอนนั้นมันทำให้เฉิงอี้รู้สึกเขินขึ้นมาในที ทั้งที่อีกฝ่ายก็ชอบทำให้เขาเขินตลอดเวลาเจอกัน แต่เฉิงอี้ก็ยังไม่ชินอยู่ดี
โรงแรมที่พัก
กว่าที่เฉิงอี้จะกลับเข้ามาในที่พักก็เกือบเที่ยงคืน โชคดีที่พรุ่งนี้เขาไม่มีงานที่ต้องบินไปเมืองอีก เลยไม่ต้องรีบร้อนเก็บของ แต่สำหรับเจิงซุ่นซี ทันทีที่เฉิงอี้คิดได้เขาก็เดินตรงไปที่ห้องของอีกฝ่ายทันที
ก๊อกๆ... เฉิงอี้ตัดสินใจเคาะประตู ทันทีที่เขาเคาะประตูรอไม่นานคนด้านในก็มาเปิดประตู
"พี่อี้..." เจิงซุ่นซีฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร ส่วนเฉิงอี้ก็เดินสวนกลับเข้าไปข้างใน เจิงซุ่นซีปิดประตูแล้วถามต่อ "พี่พึ่งกลับมาเหรอ เหนื่อยไหมทำไมไม่พักล่ะ"
"นายจะบินกลับพรุ่งนี้เช้าเลยเหรอ" ไม่ได้เป็นคำตอบ แต่เป็นคำถามที่เฉิงอี้เองก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว
เจิงซุ่นซีอมยิ้มพร้อมกับเดินเข้าไปยืนตรงหน้าของเฉิงอี้ "ครับ ผมกลับไปรอพี่ที่บ้านของเราไง..." เฉิงอี้เงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาซาบซึ้งและปนเศร้าเล็กน้อย เพราะเวลาที่ได้เจอกัน ได้พูดคุยกันมันช่างน้อยจริงๆ เจิงซุ่นซีเอื้อมมือไปลูบที่แก้มนวลเบาๆ "พี่อย่าทำหน้าเศร้าแบบนี้สิ เดี๋ยวเราก็ได้เจอกันอีก" เจิงซุ่นซีเชื่อแบบนั้น เฉิงอี้จึงยิ้มออก "อืม เดี๋ยวเราก็ได้เจอกัน" เฉิงอี้ตอบกลับแล้วมองเลยไปยังกระเป๋าเดินทาง "เก็บของเสร็จแล้วเหรอ" ก่อนจะพูดขึ้นเสียงอ่อน เจิงซุ่นซีอมยิ้มแล้วพยักหน้า เจิงซุ่นซีเอียงคอมองหน้าเฉิงอี้ สายตามีคำขอ
"นาย...อยากได้อะไร" เฉิงอี้เอ่ยถาม
"ผมขอกอดพี่อีกครั้งได้ไหม"
"สำหรับนายไม่ต้องขอพี่ก็ให้"
สิ้นคำตอบของเฉิงอี้ เจิงซุ่นซีก็คว้าเอวคนตรงหน้าดึงสู่อ้อมกอดทันที กอดนี้ไม่เหมือนกอดในงาน แต่กอดนี้มันทำให้คนทั้งคู่รู้สึกอบอุ่นหัวใจมากเป็นพิเศษเหมือนได้ชาร์ตพลังก็ไม่ปาน เจิงซุ่นซีผลักเฉิงอี้ออกแล้วมองลึกลงไปนัยน์ตาโศก ก่อนจะบรรจงจูบเบาๆที่ริมฝีปากอวบอิ่มของอีกฝ่ายเบาๆ เฉิงอี้ไม่ได้ขืนตัวหนีแต่อย่างใด กลับกันเขากลับหลับตาพริ้มยอมรับจูบนั้นอย่างเต็มใจ การจูบของทั้งคู่ในตอนนี้ไม่ใช่เพื่อบอกลา แต่มันเป็นบอกว่าเราจะกลับมาเจอกันอีกครั้ง
.........................จบ.........................
โมเม้นท์พระราชทาน งานวิวามากค๊าาา ฟิคเฉพาะกิจนี้เกิดขึ้นเมื่อน้องซีกับพี่อี้ได้โคจรมาเจอกันอีกครั้งในงาน iQIYI Scream Night 2024 เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา (มาช้าแต่มานะคะ งานนี้น้องซีพระราชทานโมเม้นท์ชุดใหญ่มากค๊าาาา ฟินเว่อร์
1.น้องซีกับพี่อี้เจอกันตอนเข้างาน
https://youtube.com/shorts/6LXHAZATG7Y?si=ox42SfRIozUDbC-L
2. ช่วงที่น้องซีขึ้นทำการแสดง
https://vt.tiktok.com/ZS6YyAAFo/
3. ช่วงที่พี่อี้รับรางวัล
https://vt.tiktok.com/ZS6Yykco6/
4. น้องซีเดินมาลาพี่อี้ช่วงสุดท้ายของงาน https://vt.tiktok.com/ZS6YydqEC/
เขาสองคนสัญญาว่าจะทำงานหนักไปด้วยกัน และกลับมาพบกันที่จุดสูงสุด
https://vt.tiktok.com/ZS6Yy7vNB/