กายมาอาศัยอยู่คอนโดของเพื่อนรักอย่างพชรชั่วคราว
ในขณะที่พชรไปทำงานกายนั่งทำงานในห้องนั่งเล่นอย่างเคร่งเครียด สักพักได้ยินเสียงคนเดินจึงเงยหน้าขึ้น เห็นน้ำมนต์เดินออกจากห้องนอนในชุดนอนบางเบา ร่างกายโค้งเว้าของเธอยิ่งชัดในแสงสลัว เขากลืนน้ำลาย รู้สึกถึงความร้อนที่แล่นขึ้นมาถึงลำคอ
น้ำมนต์ยกมือปิดปากหาว ก่อนพูดเสียงงัวเงีย “ตื่นเช้าจังเลยนะคะ”
กายละสายตาจากเธอแล้วตอบ “นอนไม่ค่อยหลับน่ะ เปลี่ยนที่นอนแล้วมันแปลก ๆ”
น้ำมนต์พยักหน้าเข้าใจ เดินตรงไปที่โต๊ะรับแขกก่อนทิ้งตัวลงนั่งอย่างผ่อนคลาย “เดี๋ยวก็ชินนะคะ” เธอว่า พลางยกขาขึ้นกอดอย่างไม่ใส่ใจว่าท่านั่งของตัวเองจะเผยผิวเนียนให้เขาเห็นมากแค่ไหน
กายเห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเตือน “นั่งดี ๆ หน่อย น้ำมนต์… กางเกงในมันโผล่”
น้ำมนต์ชะงักไปนิด ก่อนจะก้มมองตัวเองแล้วหัวเราะเบา ๆ “แหม พี่กาย ทำเป็นเขิน” แต่ก็ขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งให้เรียบร้อยขึ้น
กายเบือนหน้าหนี ถอนหายใจเบา ๆ “ไม่ได้เขิน แค่เตือนเฉย ๆ”
น้ำมนต์ยิ้มมุมปาก มองเขาด้วยแววตาเจ้าเล่ห์เล็ก ๆ “อืม… งั้นก็ขอบใจนะคะที่เตือน”
กายชะงักไปนิดเมื่อเห็นน้ำมนต์ขยับเข้ามาใกล้จนไออุ่นจากร่างเธอแผ่ซ่านมาถึงตัวเขา
เธอยิ้มมุมปาก เอียงคอเล็กน้อยก่อนกระซิบเบา ๆ “หนูรู้นะว่าพี่คิดอะไรอยู่… พี่อยากได้หนูใช่ไหมล่ะ”
กายกลืนน้ำลาย รู้สึกถึงความร้อนที่แล่นขึ้นมาตามแนวลำคอ เขาพยายามข่มใจ เบี่ยงหน้าหลบสายตาเย้าแหย่นั้น “พูดอะไรของเรา…”
น้ำมนต์หัวเราะเบา ๆ ก่อนเอียงตัวเข้าไปใกล้อีก “ก็พี่มองหนูแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วนี่นา”
กายเม้มปากแน่น พยายามควบคุมตัวเอง แต่ยิ่งเธอขยับเข้าใกล้มากเท่าไหร่ หัวใจเขาก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ
น้ำมนต์ยิ้มมุมปาก ดวงตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์ขณะที่ปลายนิ้วของเธอลูบไล้ลงบนหน้าอกแกร่งของกายอย่างจงใจ
กายจับข้อมือเธอไว้ทันที พลางขมวดคิ้ว “น้ำมนต์… จะทำอะไรน่ะ”
เธอเอียงคอเล็กน้อย ยังคงจ้องตาเขาไม่หลบ “ก็แค่ลองดูว่าหัวใจพี่เต้นแรงหรือเปล่า”
กายกลืนน้ำลาย รู้สึกถึงความร้อนที่ค่อย ๆ แล่นไปทั่วร่าง เขาหลบตาเธอเล็กน้อยก่อนพูดเสียงต่ำ “อย่าล้อเล่นแบบนี้”
น้ำมนต์หัวเราะเบา ๆ แล้วกระซิบข้างหูเขา “ใครบอกว่าหนูล้อเล่นล่ะ”
น้ำมนต์ไม่รอให้กายได้พูดอะไรต่อ เธอขึ้นคร่อมตักเขาทันที ก่อนจะโน้มตัวลงมาประกบจูบอย่างร้อนแรง
กายเบิกตากว้าง รีบใช้มือดันไหล่เธอออก “น้ำมนต์! อย่าทำแบบนี้” เขาพยายามเบี่ยงหน้าหลบ แต่เธอกลับรั้งใบหน้าเขาไว้ ไม่ยอมปล่อย
“ทำไมล่ะพี่…” น้ำมนต์กระซิบเสียงพร่า “หรือว่าพี่ไม่ได้ต้องการหนูจริง ๆ”
กายจับแขนเธอแน่น พยายามดันเธอออกห่าง “ไม่ใช่แบบนั้น! น้ำมนต์… หยุดเถอะ”
เธอชะงักไปเล็กน้อย มองลึกเข้าไปในดวงตาของกาย ก่อนที่รอยยิ้มเล็ก ๆ จะจางหายไปจากใบหน้า
น้ำมนต์ยิ้มมุมปาก ดวงตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์ ขณะที่โน้มตัวเข้าไปใกล้กายมากขึ้น
“อย่าปฏิเสธหนูเลย…” เธอเอ่ยเสียงแผ่ว ปลายนิ้วไล้ไปตามแนวไหล่ของเขาช้า ๆ ก่อนจะกวาดสายตามองลงต่ำ
“เพราะร่างกายของพี่ตอนนี้มันแข็งไปหมด…” เธอเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะชายตามองตรงกลางกายของเขาด้วยแววตาสื่อความนัย
กายเม้มปากแน่น พยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้ตัวดีว่าร่างกายกำลังตอบสนองต่อสัมผัสและท่าทีของเธอ แต่สมองของเขายังคงต่อสู้กับความรู้สึกเหล่านั้น
“น้ำมนต์… พอเถอะ” เขาพูดเสียงแหบต่ำ มือที่วางบนสะโพกเธอกำแน่นขึ้น พยายามข่มอารมณ์ที่เริ่มเตลิดไปตามจังหวะยั่วยวนของเธอ
น้ำมนต์จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของกายก่อนจะยกยิ้มมุมปาก แล้วขยับสะโพกแนบชิดลงบนตักเขาโดยไม่ให้โอกาสหลบเลี่ยง
กายสูดลมหายใจเข้าแรง ปลายนิ้วจิกลงกับต้นแขนเธอโดยไม่รู้ตัว ความพยายามที่จะปฏิเสธเริ่มสั่นคลอนเมื่อสัมผัสอ่อนนุ่มแนบแน่นกับร่างกายเขา
เสียงลมหายใจของทั้งคู่เริ่มปะปนกัน กายกำหมัดแน่น ก่อนจะพูดเสียงแหบต่ำ ราวกับเตือนทั้งเธอและตัวเอง
“ถ้าพี่ได้เริ่มแล้ว… อย่าขอให้หยุดล่ะ” เขาเลื่อนมือจับสะโพกเธอแน่นขึ้น ดวงตาทอประกายแรงกล้า “อย่าหาว่าพี่ไม่เตือน”
**อ่านจบฝากกดใจ คอมเมนต์ กันด้วยนะจ๊ะ**