เพียงเพราะมีรูปร่างอ้วนท้วนในวัยแตกเนื้อสาวได้ตัดสินใจสารภาพความรู้สึกกับชายหนุ่มผู้มีรูปหน้าทรงเสน่ห์ แต่กลับถูกเขาปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยจนเป็นสาเหตุให้เธอตุยดวงจิตย้อนเวลาเพื่อทำภารกิจสำคัญ

#แคว้นซู# 

 

เมื่ออดีตฮ่องเต้ผู้โง่เขลาไร้คุณธรรมหมกมุ่นราคะละเลยงานเมืองราษฎรทุกข์เข็ญเกิดปัญหาเหล่าขุนนางแย่งชิงอำนาจจนแว่นแคว้นวุ่นวาย รัชทายาทไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป เหล่าขุนนางต่างพร้อมสนับสนุนฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ รัชทายาทหวางต้าเจิงอยู่ในวัยรุ่งโรจน์ผลงานประจักษ์เป็นที่ศรัทธาของผู้คนโอรสองค์รองของอดีตฮ่องเต้โหดเหี้ยม อำมหิต มักใหญ่ใฝ่สูงวางแผนช่วงชิงบัลลังก์ หลังรัชทายาทสืบบัลลังก์ถอดถอนยศเป็นสามัญชนเนรเทศให้พ้นแคว้น 

 

“ช่วยด้วย” 

 

เสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือดังขึ้น บ่าวรับใช้ภายในจวนต่างตกอกตกใจเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ในอาการโศกเศร้าจากการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของตระกูลหยางอย่างกะทันหันบรรยากาศภายในจวนเปล่าเปลี่ยว แม้กระทั่งต้นไม้ที่เคยเบ่งบานทั่วทั้งจวนกลับเหี่ยวเฉาผลัดใบร่วงเต็มพื้นใต้เท้าหยางมีคำสั่งให้บ่าวทุกคนแต่งกายด้วยชุดสีขาวเป็นเวลาสามวันสามคืน และด้านหน้าจวนให้ประดับผ้าสีขาวแสดงถึงการไว้อาลัย 

 

“สงสัยเราคงหูฝาดอย่างแน่นอน”สาวรับใช้คนหนึ่งกำลังจัดเตรียมสิ่งของเพื่อเคลื่อนขบวนร่างของคุณหนูไปยังสุสานถือเป็นธรรมเนียมที่ถือกันมาช้านานของแซ่หยาง โดยสุสานบรรพบุรุษของตระกูลหยางอยู่บนภูเขาทึบถูกล้อมรอบไปด้วยป่าสนสามหมื่นต้น 

 

“พวกเจ้าช่วยกันเร่งมือเร็วกว่านี้”เสียงกล่าวของพ่อบ้านห่าวอี้แห่งตระกูลหยางเอ่ยเร่งให้บ่าวทุกคนต่างพากันเร่งมือให้เร็วขึ้น เพราะตอนนี้ใกล้ถึงเวลาเคลื่อนขบวนร่างของคุณหนูไปยังสุสานในอีกไม่กี่ชั่วยาม น้ำเสียงของเขาสั่นเครือเต็มไปด้วยความทุกข์โศกเสียใจอาลัยอาวรณ์เป็นอย่างมากเมื่อหันไปเห็นสถานที่จัดพิธีกรรม 

 

เสียงสะอื้นในใจของสาวใช้คนสนิทข้างกายที่ยืนอยู่ทางด้านหน้าพิธีกรรมเขาไม่สามารถหักห้ามหยาดน้ำตาไม่ให้ไหลรินออกจากดวงตาพยายามเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมกะพริบตาถี่ขึ้นเพื่อไล่ระดับน้ำตากลับคืนในความเจ็บช้ำเสียใจที่ตนกำลังเผชิญมันยากเหลือเกินที่จะยอมรับได้ 

 

“โธ่ คุณหนูบ่าวขอโทษเจ้าค่ะ” 

 

ด้านใต้เท้าหยาง และฮูหยินอู๋เยี่ยนหลิงทั้งสองอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจไม่ต่างจากบ่าวทุกคนภายในห้อง ทั้งสองไม่คิดไม่ฝันว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่ตนไม่มีโอกาสได้เตรียมใจไว้สักนิด 

 

“ฮูหยินอย่าเสียใจไปเลย” 

 

“ท่านพี่ลูกทำเวรทำกรรมอันใดไว้หรือเจ้าคะ ทำไมทุกอย่างต้องเป็นเช่นนี้ด้วย ครั้งหนึ่งข้าเคยคิดไว้ว่าจะได้มีโอกาสเห็นนางมีอนาคตที่สดใสอย่างที่นางได้หวังไว้ตั้งแต่แรกหากไม่มีเรื่องการคัดเลือกพระชายานางคงไม่ต้องมีจุดจบเช่นนี้” 

 

“ฮูหยินพี่รู้ว่าเจ้าเสียใจมากเพียงใด พี่เองก็เสียใจไม่ต่างกันแต่จะให้พี่ปรักปรำผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐานไม่ได้” 

 

“แล้วคนร้ายต้องลอยนวลหรือเจ้าคะ นี่ลูกของเราตายทั้งคนท่านพี่จะเพิกเฉยไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อยได้จริงหรือ เช่นนั้นขอถามท่านเพียงหนึ่งประโยคลูกผิดหรือเจ้าคะที่องค์รัชทายาททรงหมายปองนางไว้ตั้งแต่วัยเด็กใครๆ ก็รับรู้มาช้านาน” 

 

“ฮูหยินอู๋เยี่ยนหลิงมีสติหน่อยขอร้องอย่าพูดถึงอดีตที่มันผ่านมาแล้วอีกเลย อีกอย่างลืมเรื่องเลวร้ายเหล่านั้นเสียเถอะ หากมีใครรู้เข้า มีหวังถูกลงโทษสถานหนักเชียว ทั้งนี้ขอร้องให้เรื่องทั้งหมดจบสิ้นที่เราความลับควรเป็นความลับตลอดกาลได้หรือไม่” 

 

“หากไม่เป็นเพราะตระกูลหลิวลูกก็คงไม่ต้องจากเราไปเร็วถึงเพียงนี้” 

 

“ฮูหยินอย่าพูดเช่นนี้ หากมีใครผ่านมาได้ยินจะทำให้ตระกูลหยางลำบาก”เสียงสะอื้นภายในใจของฮูหยินทำให้ใต้เท้าหยางกะพริบตาช้าๆ ลงราวกับถูกถ่วงด้วยน้ำหนักแห่งความโศกเศร้าพยายามปิดกั้นความระทมเอาไว้ และตอนนี้ใกล้ถึงเวลาเตรียมตัวออกเดินทางไปยังสุสานหลุมฝังศพบรรพบุรุษที่ตนได้จัดเตรียมไว้ให้บุตรสาวจวบจนวาระสุดท้าย 

 

ในขณะที่ฮูหยินไม่สามารถหักห้ามใจยอมรับในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดวงตาแดงก่ำด้วยความปวดร้าวที่อยู่ๆ ถูกพรากบุตรสาวผู้เป็นที่รักดั่งดวงใจอีกดวงไปอย่างไม่มีวันหวนกลับความเยือกเย็นเกาะกินร่างกายจนสั่นเครือฝ่ามือซีดเผือดด้วยความอาลัยอาวรณ์อย่างสิ้นหวัง 

 

“ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยด้วย ไป๋หลันช่วยฉันด้วย” 

 

ร่างที่ทุกคนคิดว่าไร้ลมหายใจพยายามดันฝาหีบบรรจุร่างของตนให้เปิดออก เพราะเธอไม่สามารถทนอยู่ในสถานที่อากาศหนักอึ้งและอบอ้าวได้อีก! เขาพยายามเคาะบริเวณด้านข้างให้มีเสียงดังเผื่อมีใครบังเอิญผ่านมาได้ยินในตอนนี้เธอก็ไม่แน่ใจถูกขังไว้ที่ใดกันแน่ 

 

ปั้ง ปั้ง ปั้ง..........“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย ช่วยด้วยค่ะ” 

 

ปั้ง ปั้ง ปั้ง.........ใครกันกล้าเล่นพิเรนทร์แบบนี้! 

 

“ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยด้วยมีคนติดอยู่ในนี้ค่ะ ปั้ง” ไม่ว่าเธอจะพยายามส่งเสียงให้ดังเพียงใดก็ไม่มีใครเปิดประตูเข้ามาช่วยอยู่ดี! อากาศเริ่มร้อนอบอ้าวจนแทบหายใจไม่ออก เม็ดเหงื่อค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้า เธอยังคงพยายามใช้ฝ่ามือผลักประตูตรงหน้าให้เปิดออก 

 

“ช่วยด้วย มีคนติดอยู่นี้ค่ะ ช่วยด้วย” 

 

บนความพยายามคิดหาวิธีที่จะออกไปให้ได้ ฉะนั้นลมหายใจครั้งสุดท้ายที่เหลืออยู่จึงตัดสินใจกรีดร้องขอความช่วยเหลือ พร้อมใช้เท้าและฝ่ามือผลักไปด้านหน้าอย่างสุดกำลัง เมื่อฝาหีบเปิดออกบ่าวรับใช้ต่างพากันตื่นตระหนกวิ่งหนีไปคนละทิศคนละทาง เหลือเพียงพ่อบ้านห่าวอี้ที่ยังยืนอยู่เพราะเขาไม่สามารถเคลื่อนตัวอย่างว่องไวได้เหมือนบ่าวคนอื่นๆ! ด้วยอายุที่เริ่มแก่ชรา 

 

“เดี๋ยวก่อนสิ พวกเจ้ารอข้าด้วย ขอร้องละรอข้าด้วยเดี๋ยว เดี๋ยวอย่าพึ่งไปได้โปรดรอข้าด้วย” 

 

อู๋โย่วหลินลืมตาขึ้นเพราะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของผู้คนมากมายพร้อมกวาดตามองไปทางซ้ายที ขวาที ในความรู้สึกสับสนว่าที่นี่คือที่ไหนแล้วทำไมตนถึงถูกขังไว้ในกล่องไม้สี่เหลี่ยมเล็กๆ ได้อย่างไรหญิงสาวตัดสินใจขยับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว 

 

“ผีหลอก ช่วยด้วย คุณหนูหลอกผีเฮ้ยผีคุณหนูหลอก” 

 

“ใต้เท้าช่วยด้วยขอรับ” 

 

“ช่วยด้วยเจ้าค่ะ ช่วยด้วย ผีหลอก” 

 

“ผิ ผิ ผีหลอก” 

 

บนความตกอกตกใจกลัวของบ่าวทุกคน รวมถึงสาวใช้คนสนิทเย่โยวต่างพากันวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัวเข้าไปภายในห้องของฮูหยินความสั่นกลัวของพวกเขาเกินจุดที่จะสามารถควบคุมได้ 

 

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเจ้าถึงมีสภาพ” ผู้เป็นนายมองบ่าวรับใช้แต่ละคนที่ยืนเกาะกลุ่มอยู่ตรงหน้าของตน และสภาพของแต่ละคนช่างผิดแปลกไปจากทุกๆ วันบางคนเส้นผมชี้ฟูราวกับถูกผีหลอก! ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วผีที่ไหนกันจะกล้ามาหลอกพวกเขาในเวลาแบบนี้ 

 

“ผีหลอกเจ้าค่ะ ฮูหยิน” 

 

“ผีที่ไหนกัน พวกเจ้าช่างเลอะเลือนไปกันใหญ่” 

 

“ผีจริงๆ เจ้าค่ะ ผีคุณหนูลั่วหยาง” 

 

“ใช่เจ้าค่ะ ผีจริงๆ เจ้าค่ะ” 

 

“บังอาจเกินไปแล้ว พวกเจ้ากล้าเอาเรื่องพวกนี้มาพูดล้อเล่นได้อย่างใดกัน” 

 

“ฮูหยินเจ้าคะ บ่าวมิกล้า” 

 

“แต่พวกบ่าวเห็นชัดเต็มสองตาจริงๆ นะเจ้าค่ะ” 

 

“ใช่เจ้าค่ะ บ่าวสาบาน” 

 

“ใช่ๆ” 

 

ในด้านของอู๋โย่วหลินที่กำลังกวาดตามองรายละเอียดต่างๆ ในบริเวณนั้นบนความสับสน สายลมพัดธงสีขาวที่ประดับด้านข้างผ่านหน้าของเธอไปมา “ไว้อาลัยคุณหนูลั่วหยาง” ก่อนจะตัดสินใจพยายามขยับตัวลุกขึ้นมองดูบรรยากาศรอบๆ อีกครั้ง 

 

“ที่นี่ที่ไหนกัน แล้วทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ได้ ใครกันช่างกล้ากลั่นแกล้งเราได้ลง” 

 

“คุณ……คุณ……คุณหนู……คุณหนูขอรับ…..นะโมตรัสสะ…..ภะคะวะโต……” เสียงกล่าวของพ่อบ้านห่าวอี้กำลังยืนพนมมือด้วยความสั่นกลัวกับสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า เขาไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากยืนหลับตาเอาไว้เพราะไม่กล้าลืมตามองสิ่งใดทั้งนั้น 

 

เมื่ออู๋โย่วหลินหันไปเห็นเขาเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้นก็รีบเดินเข้าไปเพื่อสอบถาม ทว่าบนความกลัวของพ่อบ้านห่าวอี้ที่ได้เผชิญหน้ากับคุณหนูครั้งแรก ในภาวะตื่นตระหนกตกใจจนสุดขีดอยู่ๆ บนพื้นมีน้ำไหลนองเป็นสายธาร เธอรู้สึกแปลกใจที่น้ำเหล่านี้มาจากที่ใดในเมื่ออากาศไม่มีทีท่าฝนตกสักนิดในความสงสัยหญิงสาวรีบกวาดตาขึ้นเพื่อสำรวจ 

 

“คุณลุงทำไมถึงฉี่ราดกางเกงแบบนั้นละคะ หรืออาจเป็นเพราะอายุที่ชราจึงไม่สามารถกลั้นฉี่ไว้ได้นาน แต่ยุคนี้มีผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้สูงอายุขายแล้วไม่ใช่หรอ แล้วนี่ลูกหลานคุณลุงไปไหนถึงปล่อยให้คุณลุงอยู่ลำพังแบบนี้” 

 

“คุณ…..คุณ……คุณหนูอย่าหลอกบ่าวเลยขอรับกลัวแล้วบ่าวสัญญาจะทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ทุกวันอีกอย่างจะให้ห้องครัวทำอาหารที่คุณหนูชอบใส่บาตรไปให้ด้วยขอรับ นะโมตรัสสะ……” ชายชรากล่าวรำพึงรำพันกับตัวเองอยู่นาน ในขณะที่อู๋โย่วหลินพยายามตั้งใจฟังในสิ่งที่คุณลุงกล่าวกับตน แต่ไม่ว่าจะพยายามฟังให้เข้าใจเพียงใดสุดท้ายเธอก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากล่าวมาตั้งแต่ต้นอยู่ดี 

 

“อ๋อ จริงสิ แล้วที่นี่คือที่ไหนทำไมคุณลุงถึงแต่งตัวแบบนี้ล่ะคะ” 

 

เธอเอ่ยถามคุณลุงอยู่พักใหญ่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังไม่ได้คำตอบจากเขาอยู่ดี จึงตัดสินใจยื่นมือไปจับมือของเขาที่กำลังพนมไหว้ราวกับว่าเธอเป็นศาลเจ้า อีกอย่างเขาก็เอาแต่หลับตาราวกับกำลังหวาดกลัวสิ่งใด 

 

“คุณลุง หนูไม่ใช่ผีนะคะ คุณลุงกำลังกลัวสิ่งใดหรือเปล่า” 

 

เธอยืนพูดคุยกับคุณลุงพร้อมหันกลับไปมองบรรยากาศรอบๆ อีกครั้ง บนความแปลกใจทำไมช่างเหมือนในซีรีส์ที่กำลังติดตาม นั่นมันหีบใส่ศพไม่ใช่หรอ! แล้วทำไมเราถึงไปนอนอยู่ในนั้นได้กัน 

 

ทางด้านพ่อบ้านห่าวอี้ค่อยๆ หันหลัง กำลังจะก้าวเท้าจากไป ทว่าขาทั้งสองข้างของเขากับแข็งจนไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้บนความสงสัยของอู๋โย่วหลินรีบหันไปเกาะแขนของเขาเอาไว้ 

 

“คุณลุงกำลังถ่ายละครกันอยู่ใช่ไหม แล้วนี่ละครเรื่องอะไรหรอทำไมหนูถึงมาอยู่ที่นี่ได้กันล่ะ” 

 

พ่อบ้านห่าวอี้ค่อยๆ หันมาทางคุณหนูดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ปากอ้าหวอแต่ไร้เสียงก่อนจะเป็นลมล้ม เพราะเขาไม่สามารถทนอยู่กับสิ่งที่หวาดกลัวได้อีกต่อไป 

 

“อ้าวคุณลุงช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยคุณลุงทีคุณลุงคะ” 

 

ระหว่างที่เธอพยายามปลุกคุณลุงให้ฟื้นอยู่นั้นได้มีลมพายุพัดแรงจนต้นไม้โอนเอนไปมาผ่านร่างของเธอทำให้สิ่งของที่ใช้สำหรับประดับในพิธีไว้อาลัยพังทลายลงด้านอู๋โย่วหลินรีบขยับกายลุกขึ้นยืนมองข้าวของที่ปลิวกระจัดกระจายตามแรงลม 

 

นี่มันเกิดอะไรขึ้น! พร้อมหันกลับมาดูอาการของคุณลุงด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง! จริงสิต้องสั่งผู้กำกับคัทฉากก่อน “คัทค่ะ ช่วยด้วยคุณลุงเป็นลม” แต่ดูเมื่อทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่มีใครเข้ามาช่วยคุณลุงสักคนเดียว 

 

เกิดอะไรขึ้นก็สั่งคัทแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมทุกคนยังนิ่งเฉยไม่มีใครเข้ามาดูแลคุณลุงอีกกัน “คุณลุงคะ” ทำอย่างไรดีจริงสิโทรศัพท์ต้องโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน 1669 เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือติดต่อขอความช่วยเหลือทันที 

 

“สายด่วน 1669 ยินดีให้บริการค่ะ ไม่ทราบเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรขึ้นคะ” 

 

“มีคนสูงอายุเป็นลมค่ะ ช่วยส่งทีมแพทย์ฉุกเฉินมาด่วนค่ะ” 

 

“ขอทราบพิกัดค่ะ” 

 

“ฉันก็ไม่ทราบพิกัด แต่ว่ารอบๆ มีกองถ่าย” ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด “ฮัลโหล ฮัลโหลได้ยินไหมคะ ฮัลโหล” เธอรีบกดเบอร์เพื่อต่อใหม่อีกครั้ง! เอ้าแบตหมดมาหมดอะไรตอนนี้ทำอย่างไรดีปล่อยไว้แบบนี้คุณลุงอาจตายได้ 

 

ในด้านฮูหยินก้าวเดินอย่างเร่งรีบพร้อมบ่าวรับใช้ พวกเขาต่างพากันเอ่ยห้ามเพราะรู้สึกกลัวในสิ่งที่พวกตนได้พบเจอ แต่ไม่ว่าอย่างไรฮูหยินก็ไม่เชื่อในคำกล่าวเตือนของพวกเขาอยู่ดีกลับแอบคิดอยู่ภายในใจไม่ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ตนก็ต้องเห็นทุกอย่างกับตาเท่านั้น 

 

“ฮูหยินระวังเจ้าค่ะ” 

 

“ใช่เจ้าค่ะ” 

 

“ผีคุณหนูลั่วหยางจริงๆ นะเจ้าคะ บ่าวเห็นกับตา” 

 

“ใช่เจ้าค่ะ ฮูหยิน” 

 

“ทำอย่างไรดี ฮูหยินไม่ยอมเชื่อพวกเราสักนิด” 

 

“เช่นนั้นเจ้ารีบไปตามใต้เท้ามาเร็ว” 

 

“อื้ม” 

 

ณ สถานที่จัดพิธีไว้อาลัยคุณหนูลั่วหยาง ความเร่งรีบของคนเป็นแม่ต้องหยุดชะงักลงทันที เมื่อเขาพบหญิงสาวผู้หนึ่งยืนหันหลังอยู่ด้านหน้าทางเข้า และด้านขวามีพ่อบ้านห่าวอี้นอนหมดสติ สาวใช้ต่างพากันวิ่งเข้าไปประคองท่านผู้เฒ่าบนความตกตะลึงภาพที่ปรากฏตรงหน้าของทุกคน ฮูหยินรีบวิ่งเข้าไปโอบกอดบุตรีด้วยความปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก 

 

“ลั่วหยาง ลูกแม่ แม่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน” 

 

ด้านของใต้เท้าหยาง เมื่อทราบข่าวจากบ่าวคนสนิทก็รีบวิ่งมาอย่างรวดเร็ว และได้พบภรรยากำลังโอบกอดบุตรี “ฮูหยิน ลั่วหยาง” ความรู้สึกดีอกดีใจทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝันร้าย ทั้งสามโอบกอดกันอย่างมีความสุข เหล่าบรรดาบ่าวรับใช้ต่างพากันดีใจที่คุณหนูปลอดภัย แต่ภายในลึกๆ ก็แอบรู้สึกกลัวอยู่บ้าง 

 

“คุณลุง คุณป้า ปล่อยหนูก่อนค่ะหายใจไม่ออกแล้ว” เสียงกล่าวของอู๋โย่วหลินทำให้ท่านทั้งสองรู้สึกตัว 

 

“แม่ขอโทษ เจ้าเจ็บตรงไหนหรือไม่ท่านพ่อกับแม่ดีใจอย่างยิ่งที่เห็นเจ้าปลอดภัยดี” 

 

“ลั่วหยาง” เสียงกล่าวด้วยความสงสัยของอู๋โย่วหลินที่ท่านทั้งสองเอ่ยเรียกตน ก่อนจะหันไปมองผู้คนมากมายที่ยืนอยู่ด้านหลังอีกครั้ง 

 

“คุณลุง คุณป้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ หนูชื่ออู๋โย่วหลินค่ะไม่ใช่ลั่วหยางสงสัยคุณลุง คุณป้าจำคนผิดอย่างแน่นอน” 

 

“โธ่ ลั่วหยางลูกแม่” 

 

“ไม่ใช่ๆ นะคะ หนูอู๋โย่วหลิน แล้วทุกคนกำลังทำอะไรกันอยู่หรอถึงพากันแต่งตัวแบบนี้ นี่ทุกคนซ้อมบทละครกันอยู่ใช่หรือไม่คะ” 

 

“ท่านพี่ ลูกของเรา” น้ำเสียงของฮูหยินสั่นเครือด้วยความวิตกกังวล 

 

“ลูกพึ่งฟื้นหลังจากหลับใหลไปหลายวันคงต้องใช้เวลาสักระยะในการปรับตัว” 

 

“จริงสิข้าลืมเรื่องนั้นไปเลยมัวแต่ดีใจเช่นนั้นท่านพี่ให้ลูกกลับห้องเพื่อเปลี่ยนชุดและพักผ่อนก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” 

 

“อื้ม เย่โยวพาคุณหนูกลับห้องเดี๋ยวนี้” 

 

“แต่ว่า.....เอ่อคือว่า......เอ่อ....เจ้าค่ะใต้เท้า” 

 

“ไม่ใช่ๆ หนูไม่ใช่พวกท่านกำลังเข้าใจผิด” 

 

“ไปเถอะลูก เย่โยวดูแลคุณหนูให้ดี ถ้าคุณหนูเป็นอันใดขึ้นมาอีกเจ้าต้องรับผิดชอบ” 

 

“เจ้าค่ะ” 

 

“ไม่ๆ หนูไม่ใช่” 

 

ใต้เท้าหยางรีบสั่งการให้บ่าวทุกคนไปเปลี่ยนชุดและเก็บกวาดภายในจวนให้เรียบร้อย ต่อไปนี้ห้ามทุกคนพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นอันขาด นับแต่นี้ไปจวนตระกูลหยางไม่เคยเกิดเรื่องใดขึ้น ส่วนเรื่องคุณหนูลั่วหยางเป็นเพียงการเข้าใจผิดเท่านั้น 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว