ผมเคยมีรักในวัยเรียน เป็นรักที่ฝังใจจวบจนทุกวันนี้ แม้ไม่ได้อยู่ในชีวิตจริง แต่เธอกลับอยู่ในใจผมเสมอมา เธอเหมาะสมกับป่าใหญ่ หาใช่ดอกไม้ริมทาง เธอเป็นดอกไม้ในใจผม...
…..
“พริม” เป็นเด็กสาวคนแรกในชีวิตที่บอกรักผมอย่างหน้าชื่นตาบาน แม้ผมรู้ดีว่าเธอไม่ได้หมายความตามที่พูด แต่ผมพอใจที่จะถือคำนั้นเป็นดั่งการบอกรัก “เธอรักผม” แค่เธออาจยังไม่รู้ตัว
ผมเคยได้ยินชื่อหญิงสาวคนนี้ครั้งแรก ก็ตอนที่แตงโมเพื่อนที่ติวด้วยกันบอกว่า ผมพูดมากเหมือนพริมเป๊ะ บอกว่าเราสองคนเหมาะจะเป็นแฟนกันเลยด้วยซ้ำไป
ผมไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น จนเปิดเทอมวันแรกของห้องม.4/3 ผมต้องเจอกับเพื่อนใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยจำนวนหนึ่ง หนึ่งในนั้นคือพริม ดูเหมือนเธอจะมาจากห้องเดียวกับแตงโมเมื่อตอนม.ต้น
เป็นเธอจริง ๆ ด้วย เธอยกมือตอบทุกคำถามที่มีโอกาส แถมยังตั้งคำถามให้การประชุมหน้าเสาธงยืดเยื้อออกไปไม่จบไม่สิ้น สมกับที่แตงโมบอกว่าเธอพูดมาก สมคำร่ำลือจริงๆ
เราเรียนห้องเดียวกัน ได้เรียนรู้จักกันผ่านการเรียนในแต่ละวิชา ต้องนั่งกันเป็นโต๊ะวงกลม ผมเป็นคนตลก ผมได้ยินคนอื่นพูดถึงผมแบบนี้อยู่บ่อย ๆ ผมถึงพูดอะไรออกไปโดยไม่ค่อยยั้งคิด แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีใครหลุดปากบอกผมว่า …
“ปันปัน ฉันรักแกจัง !”
หัวใจผมเต้นไปถึงตาตุ่มตอนที่ได้ยินคำนั้น ผมอยากจะให้เธอทวนซ้ำแต่ตอนนี้เธอเดินไปคุยกับโต๊ะอื่น ๆ แล้ว
ผมยังอึ้งอยู่เลย…
ตั้งแต่วันนั้น… ผมจำไม่ได้อีกเลยว่าพริมบอกรักผมอีกไหม หรือผมเคยได้บอกรักเธอไปแล้วหรือยัง ผมอาจลืมไปแล้วหรืออาจปฏิเสธที่จะจดจำมันไว้ก็ได้
เพราะผมตกหลุมรักเธอได้ทุกวัน ทุกวิชา ตั้งแต่ตื่นนอนจนสานต่อไปในความฝันอีกได้ทุกค่ำคืน เพื่อนในกลุ่มผู้ชายเห็นผมชอบปลีกตัวไปกับพริมบ่อย ๆ ถึงคอยกีดกัน หาว่าผมหลงผิด เป็นคนละเมอเพ้อพก
เพราะตลอดสามปีที่อยู่ในโรงเรียน ตลอดสี่ปีที่อยู่มหาวิทยาลัย และตลอดหลายปีจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ เราไม่เคยเป็นอะไรกันเลยนอกจากคำว่า ‘เพื่อน’ แต่เพื่อน ๆ อีกหลายคนก็คงรู้ดีว่าเราทั้งสองต่างก็มี “something wrong!”