ปราสาทหลังนั้นตั้งตระหง่านอยู่ชายเมืองแสตทฟอร์ด
เจ้าของปราสาทหลังนั้นคือ แอเรียสคิมเบอร์ หญิงสาวร่างท้วม อายุนับร้อยปี นัยน์ตาคมกริบราวกับตาเหยี่ยว เต็มไปด้วยอำนาจอันมหัศจรรย์เร้นลับ สามารถสะกดจิตใจคนให้อ่อนไหว เคลิบเคลิ้ม
ตอนสายวันนั้น
เสียงระฆังหน้าปราสาทดังเหง่งหง่างเป็นสัญญาณว่าได้มีแขกมาเยี่ยมเยียนแม่มดวิเศษอีกแล้ว
คาลสัน เจ้าหนุ่มร่างผอมสูงผมสีฟาง ผู้เป็นสาวกคนสนิทของแม่มดวิเศษเปิดประตูปราสาทออกกว้าง แล้วนัยน์ตาสีเหลืองของมันก็เบิกโพลงเมื่อมองเห็นอาคันตุกะในยามสายได้อย่างถนัดตา
สองหญิงยืนเคียงคู่กัน แต่งกายด้วยเสื้อผ้าอย่างดีและสวมเครื่องประดับเต็มตัว บอกฐานะว่าเป็นคนชั้นสูงและร่ำรวย หญิงคนหนึ่งเป็นสาวใหญ่อายุประมาณ 35 ปี รูปร่างอวบท้วม ผมสีเงินยวง ใบหน้าอ่อนราวกับสาวรุ่น ๆ นัยน์ตาสีฟ้าสด แต่งหน้าแต่พองาม ปากเอิบอิ่มนั้นทาด้วยลิปสติกสีส้มแก่เป็นมันเยิ้ม สวมเสื้อคอกว้าง อวดเต้าอกอวบสล้างอย่างยั่วยวนและท้าทาย
ส่วนสะโพกของสาวใหญ่รูปสวยนั้น ค่อนข้างแผ่กว้าง และหนั่นหนาบอกว่าเป็นสาวที่มีลำขาแต่ละข้างใหญ่โต เนินเนื้อใต้ซับในที่เธอซุกซ่อนเอาไว้ในกระโปรงสีเขียวเข้มนั้นก็คงจะโคกนูนมหาศาลเช่นเดียวกัน
อีกคนหนึ่งเป็นดรุณีวัยกำดัด อายุคงไม่เกิน 18 ปีไปเป็นแน่ เจ้าหล่อนมีใบหน้ารูปไข่อย่างงดงาม ผมสีแดงเพลิงยาวประบ่า รับกับแก้มสีเชอรี่อันเปล่งปลั่ง และนัยน์ตากลมโตสีอ่อน ๆ ใสแจ๋วราวกับนัยน์ตาของนางกวาง
ปากจิ้มลิ้มนั้นเผยอน้อย ๆ ราวกับจะยิ้มแย้มอยู่เสมอ ทรวงอกน้อย ๆ นั้นซุกซ่อนเป็นรูปเป็นร่างอยู่ในเสื้อแพรสีฟ้า คอปกยกสูง สะเอวคอดกิ่วรับกับสะโพกผายกลมกลึง กระโปรงกว้างถูกลมพัดจนมันรัดกับท้องน้อยและเนินสวรรค์เห็นเป็นรูปเป็นรอยอย่างถนัด
"คุณนายท่าจะมาหาท่านแม่มด"
คาลสันถามเสียงหวาน นัยน์ตาเบือนมาจับที่ใบหน้าอันงามคมของสาวใหญ่เขม็ง
เจ้าหล่อนยิ้มน้อย ๆ เพราะสะเทิ้นต่อสายตาอันร้อนแรงนั้น
"ค่ะ...ท่านอยู่ไหมคะ คุณ..."
"ผมชื่อคาลสันครับ" เจ้าหนุ่มร่างโย่งแนะนำตัวเอง
"ผมเป็นผู้ช่วยของท่านแม่มดอยู่ที่นี่"
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันชื่อจูลี่ แม๊คลอยค่ะ" หล่อนกล่าวแนะนำตัวเอง
"นี่ แอนนา บุตรสาวของดิฉัน"
เจ้าหนุ่มโค้งหัวให้อย่างนอบน้อม
"เชิญคุณนายก่อนซิครับ ผมจะได้เรียนท่านแม่มดว่า คุณนายกับบุตรสาวมาหา เชิญซิครับ"
เจ้าหนุ่มว่าแล้วก็ออกเดินนำหน้าสองสาวเข้าไปในปราสาทอันกว้างและเงียบสงัดนั้น จนกระทั่งไปหยุดที่ห้องโถงด้านใน
เจ้าหนุ่มเชิญให้สองสาวนั่งลงบนเก้าอี้นวมแล้วตัวเองก็หายเข้าไปในห้องติด ๆ กันนั่นเอง สักครู่หนึ่ง ร่างของท่านแม่มดคิมเบอร์ก็โผล่ออกมาอย่างแช่มช้า
สองสาวเบิกตาค้าง ใจเต้นระทึก เมื่อมองเห็นร่างสูง ในชุดเสื้อคลุมสีดำ ใบหน้าที่ดูงดงามและแสนอันตรายนั้นมันช่าง ดูน่าเคารพและหวาดกลัวยิ่งนัก
อะไรก็ไม่ร้ายเท่านัยน์ตาอันวาววามอยู่ใต้คิ้วดกหนาของท่านแม่มด มันช่างเป็นดวงตาที่มีประกายกล้าแข็ง เต็มไปด้วยอำนาจอันเร้นลับ สามารถสะกดให้สองหญิงอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปอย่างง่ายดาย
"เจ้ามีธุระอะไรกับเรา"
เสียง หวานเป็นกังวานดังขึ้น เล่นเอาสองแม่ลูกถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย
"อ้า...ดิฉันพาลูกสาวมาหาท่านแม่มดเจ้าคะ" มิสซิสจูลี่เอ่ยตอบด้วยเสียงสั่น ๆ พร้อมกับหลบนัยน์ตาอันจ้องเขม็งของท่านแม่มด
"อ้า...ลูกสาวของดิฉันชื่อ แอนนา แกกำลังจะเข้าสู่พิธีแต่งงานในอาทิตย์หน้านี้"
"แต่งกับใครรึ"
ท่านแม่มดเอ่ยถามขึ้นอีก พร้อมกับเบนสายตาไปจับอยู่ที่ใบหน้าของสาวน้อยผู้ก้มหน้านิ่ง เห็นแต่ผิวแก้มอันแดงปลั่งเท่านั้น
"แต่งกับท่านลอร์ดสตีเฟ่นเจ้าค่ะ"
"อ้อ ข้ารู้จักเขาดี แล้วเจ้ามาหาข้าทำไม มีอะไรจะให้ข้าช่วยรึ"
"ดิฉันได้รับทราบว่า หากผู้หญิงในเมืองนี้จะแต่งงาน ควรจะให้ท่านแม่มดตรวจดูเสียก่อนว่า มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องพอหรือเปล่า ถ้าหากว่าเคยมีบาปอะไรที่พระเจ้าไม่โปรดแล้ว ท่านแม่มดจะได้ช่วยกรุณาล้างบาปให้ เพื่อว่าจะได้แต่งงานอยู่กินกับสามีอย่างผาสุกไปตลอดชีวิต"
แม่มดวิเศษแห่งแสตทฟอร์ดพยักหน้าช้า ๆ
"ถ้าเช่นนั้น เราก็จะจัดการให้ตามความประสงค์ของเจ้า เจ้าจงรออยู่ตรงนี้ ข้าจะนำลูกสาวเจ้าไปเข้าสู่พิธีการตรวจร่างกายและล้างบาปภายในห้อง"
มิสซิสจูลี่ยิ้มอย่างดีอกดีใจ
"โอ้ เป็นพระคุณอย่างยิ่งเชียวค่ะ" หล่อนกล่าวแล้วหันมาทางลูกสาว
"ไปซิ แอนนา ถ้าลูกมีบาปอะไรมั่งก็ไปให้ท่านแม่มดจัดการล้างบาปเสีย แล้วลูกจะได้มีความสุขต่อไป"
สาวน้อยอิดเอื้อนอยู่ครู่หนึ่งแล้วลุกขึ้นเดินตามท่านแม่มดเข้าไปในห้องใหญ่ตรงหน้านั้น
พอร่างของเด็กสาวก้าวเข้ามาอยู่ในห้องแล้ว ท่านแม่มดคิมเบอร์ก็จัดการลั่นดาลประตูลง เด็กสาวยืนตัวสั่นอยู่ด้วยความหวาดกลัวที่ตกอยู่ในห้องนอนอันเงียบและกว้างใหญ่เพียงสองต่อสองกับท่านแม่มดผู้มีดวงตาอันน่ากลัว
ท่านแม่มดกวาดสายตาดูเรือนร่างอันเปล่งปลั่งของสาววัยแรกผลิด้วยความหื่นกระหาย ใบหน้านั้นงามผ่องโดยปราศจากเครื่องสำอาง แก้มเปล่งแดงโดยธรรมชาติ ลำคอชูระหง เต้าอกเป็นกระเปาะเหลาะ สะโพกงอนกลมกลึงอย่างยั่วตายั่วใจให้น้ำลายหกยิ่งนัก
"เจ้าจงขึ้นไปนอนบนเตียงนั้น"
ท่านแม่มดสั่งสั้น ๆ พร้อมกับเคลื่อนกายเข้าไปใกล้ เด็กสาวรีบเดินขึ้นไปทรุดลงนอนหงายเหยียดยาว หลับตาพริ้มด้วยใจอันเต้นระทึก
ท่านแม่มดยิ่งเบิกตากว้างยิ่งขึ้น เมื่อเห็นเต้าอกแผ่ขยายเต็มอกพร้อมกับสั่นกระเพื่อมตามแรงหายใจ หัวนมเม็ดน้อยดุนดันเสื้อแพรเห็นเป็นรอยอย่างชัดเจน ทางเบื้องล่างเล่า เนินโคกของสาวน้อยก็ลอยเด่น สัณฐานสามเหลี่ยมนูนโคกของมันเด่นชัดอยู่ใต้กระโปรงเนื้อบาง
"เอาละ นอนนิ่ง ๆ ข้าจะทำการตรวจดูว่า เจ้ามีความบริสุทธิ์ผุดผ่องหรือว่ามีบาปราคีใด ๆ บ้าง"
ท่านแม่มดสั่งด้วยเสียงแหบพลางเคลื่อนร่างเข้าไปยืนที่ริมเตียงนั้น มองกวาดดูร่างของเด็กสาวนั้นไปมาสองสามตลบ แล้วมืออันหยาบใหญ่ก็ค่อย ๆ เลิกกระโปรงขึ้นช้า ๆ จนพ้นหัวเข่าอันกลมมน สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนผ่านลอนท้องอันขาวผ่อง เบียดเสียดกันเคียงข้าง กระทั่งขายกระโปรงขึ้นไปขยุ้มกองอยู่บนท้องน้อยอันขาวจั๊วะ
นัยน์ตาของท่านแม่มดเบิกกว้างเมื่อมองเห็นท่อนล่างอันเปลือยเปล่าของเด็กสาวแสนสวยได้อย่างถนัดตา บา...สะโพกของแอนนาช่างแผ่ผายกลมกลึงเกลี้ยงเกลาอะไรเช่นนั้นหนอ มันช่างขาวผ่อง สะอาดไร้ไฝฝ้าราคีใด ๆ โดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะที่เนินโคกตรงหว่างขานั้น มันทำให้ท่านแม่มดต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
เพราะว่ามันเป็นเนินโยนีของแม่เด็กสาวแสนสวยที่เจ้าของหวงแหน ซุกซ่อนเอาไว้ในกระโปรงอย่างลี้ลับ มิได้ถูกแดดโดนลม ไม่เคยแม้แต่จะพบผ่านสายตาของใครใดมาก่อน
มันเป็นโคกโยนีอันขาวเกลี้ยง นูนโคกเหมือนหลังเต่า กว้างใหญ่ขนาดฝ่ามือ รอยผ่านที่กลางแคมนั้นแดงระเรื่อ ประกบกันมิดชิด วกเว้าหายเข้าไปใต้ง่ามตูดอันหนีบแน่น เหนือเนินและริมแคมเกลี้ยงเกลาขาวผ่อง มิได้มีเส้นขนขึ้นมาทำความรกรุงรังให้กับโคกสวรรค์ของสาวงามเลยแม้แต่เส้นเดียว
ท่านแม่มดวางมืออันร้อนผ่าวลงบนโคกโยนีสวรรค์นั้น อา...มันช่างก่อความเสียวสะท้านให้กับมือยิ่งนัก ด้วยว่ามันแสนจะอบอุ่นและนุ่มมือยิ่งนัก ซึ่งเป็นของธรรมดาของเด็กสาวพรหมจารีย์ทั่ว ๆ ไป
"แอนนา ต่อไปนี้เจ้าจงตอบคำถามของข้าอย่างตรงไปตรงมา และอย่าอำพรางความจริงอย่างเด็ดขาด"
เด็กสาวหลับตาพริ้ม หน้าร้อนผ่าวไปด้วยสายเลือดแห่งความอาย และความเสียวซ่านเพราะเพิ่งถูกมือ คนอื่น ลูบคลำเอาเต็มที่เป็นครั้งแรกในชีวิตสาว
"เจ้ารักกับคู่หมั้นของเจ้าหรือเปล่า"
ท่านแม่มดถาม พร้อมกับลูบคลำโยนีไปมาอย่างแผ่วเบา
"อ้า...รักเจ้าค่ะ"
"เจ้าเคยร่วมสวาทกับเขาหรือเปล่า"
"ร่วมสวาท..."
เด็กสาวทวนคำอย่างงง ๆ ทำให้คิมเบอร์ยิ้มแสยะ