Prologue
เคยเห็นพล็อตเรื่องละครไทยที่พระเอก-นางเอกไม่ได้รักกันแล้วถูกบังคับให้แต่งงานกันไหม? ไม่ว่าจะมีข้อต่อรองใด ๆ ก็ได้ “แต่ว่าเธอกับฉันต้องมาแต่งงานกันนะ” หรือ “เอาไว้พอพ่อแม่ของฉันกับเธอรับได้แล้วเราค่อยหย่ากัน”
พล็อตแบบนี้โคตรน้ำเน่าและมีเกลื่อนเลย เวลามีละครหรือซีรี่ย์แนวนี้เมื่อไหร่ก็รู้สึกว่าจะเดาตอนจบได้ทุกที แต่ว่าก็ครองใจคนไทยเสมอมา เลยเห็นละครแนวนี้บ่อย ๆ
“พล็อตแนวติดตลาดที่ทุกค่ายต้องมีน่ะ”
แต่ตอนนี้ “จาณีน” รู้แล้วว่าละครมันก็เอามาจากชีวิตจริงนี่แหละ อาจารย์สาวฟุบหน้าลงไปบนโต๊ะทำงานจนหมดลุคอาจารย์สาวมาดเท่ของมหาวิทยาลัยชื่อดังไปแล้ว หญิงสาวอยากจะกรี๊ดแล้วกระทืบเท้าดัง ๆ แบบนางร้ายเวลาที่ขัดใจจริง ๆ แต่ก็เกรงใจนักศึกษาที่เดินไปเดินมาน่ะ
ย้อนหลังไปเมื่อสิบนาทีที่แล้ว คุณหญิงอมรา มารดาของเธอเพิ่งโทรมาร้องไห้ฟูมฟายเป็นวรรคเป็นเวรเรื่องที่ธุรกิจการส่งออกของเธอล้มพังไม่เป็นท่า ทำให้เป็นหนี้เกือบสองร้อยล้าน
“สองร้อยล้าน เลขศูนย์สิบตัว” ตอนนี้เลขดอลล่าร์มันวิ่งผ่านลูกตาของจาณีนเหมือนเครื่องปั่นสล็อตแล้ว ปัญหาว่าจะเอาเงินที่ไหนมาใช้คืนทางนั้น ข้อเสนอหนึ่งก็ถูกยื่นมาทันที
“แต่คุณหญิงป้าแพรวพรรณราย จะยกหนี้จำนวนนี้ให้และแถมเงินให้อีก 200 ล้าน ถ้าแกยอมแต่งงานกับตาเต” คำนี้ทำเอาจาณีนอ้าปากหวอ
“แม่คะ แม่ดูละครเยอะไปไหมนั่น”
“ไม่ใช่แน่นอนย่ะ เรื่องจริง จา แกต้องช่วยแม่นะ แม่มีแกคนเดียว คิดดูสิว่าแม่น่ะสุขภาพไม่แข็งแรง...แม่ยัง...” คุณหญิงอมราเริ่มรำพันพิลาปมาเป็นชุดยังกับบทสัลลาปังคพิไสย ที่เธอเริ่มจะสอนนักศึกษาไปเมื่อวาน
“พอค่ะ แม่ เดี๋ยวจาขอคุยกับพี่เตก่อนนะ” แล้วรีบกดตัดสายมารดาก่อนจะโทรหาบุคคลที่อยู่ในตกสถานการณ์เดียวกันอีกคนหนึ่ง
ภายในโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งของรัฐบาล “เตชิต” ที่กำลังถือแผ่นชาร์ตกลับลงมาจากห้องผ่าตัดทำตาปริบ ๆ เมื่อเห็นเบอร์โทรหนึ่งที่คุ้นตาปรากฏขึ้นอยู่ที่หน้าจอมือถือที่วางบนโต๊ะ ก่อนจะกดโทรกลับ
“พี่เต มันเกิดอารายขึ้น” เสียงต่ำเหมือนวิญญาณอาฆาต ทำให้เตชิตรีบเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูก่อนจะกรอกเสียงลงไปอย่างไม่แน่ใจ
“จาเหรอครับ ไม่สบายหรือเปล่า?” ชายหนุ่มนึกเป็นห่วงลูกสาวของเพื่อนมารดาที่ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก แล้วทำหน้าสงสัยเมื่ออีกฝ่ายบอกอีก
“แอดไลน์มาเบอร์นี้หน่อยค่ะ จาแอดพี่ไม่ได้”
“มันจะดีเหรอครับ?” คำตอบเหมือนหวงตัวทำเอาจาณีนแทบกรี๊ด หญิงสาวไม่อยากคุยผ่านมารดาและโทรหาคุณหญิงแม่ของเขา เพราะรู้สึกว่าตอนนี้มันควรเป็นเรื่องของเธอและเขาที่ต้องพูดกันเองแล้ว แต่พอมาเจอคำพูดแบบนี้เข้า หญิงสาวรู้แล้วว่าทำไมมารดาของเขาต้องลงมาหาภรรยาให้ลูกชายตัวเองทั้งที่อายุอานามจะปาเข้าไปเลขสี่แล้ว คนที่หลงตัวเองขนาดนี้ไม่มีทางที่จะจีบผู้หญิงก่อนหรอก
“แต่ผู้หญิงคนนั้นต้องไม่ใช่เธอสิ”
จาณีนนับหนึ่งถึงสิบในใจก่อนจะปรับเสียงเป็นปกติ และนัดหมายเวลาลงไปในทันที
“งั้นพี่เตเลิกงานกี่โมงคะ จามีธุระจะคุยด้วยค่ะ”
“นัดหมายผ่านทางโรงพยาบาลจะดีกว่านะครับ” เตชิตขมวดคิ้ว ก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ เขาน่าจะรับประทานข้าวกลางวันไม่ทันแล้ว มีนัดผ่าตัดสองเคสเลย
“พี่เต ฟังจานะคะ เรื่องวันนี้ถ้าเราคุยกันแล้วทุกอย่างจะเป็นความลับแล้วไม่แพร่งพรายออกไปเด็ดขาดค่ะ ถ้าเราตกลงกันได้” จาณีนกัดฟันพูดก่อนจะกลั้นใจฟังคำตอบของอีกฝ่าย แล้วก็โล่งใจเมื่อได้ยินอีกคนถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อ
“ครับ งั้นหกโมงเจอกันที่.............นะครับ”
หลังจากนั้นจาณีนก็ส่งรายละเอียดให้มารดาของเธอทางแชทก่อนจะเตรียมการสอนตามปกติ โดยไม่รู้เลยว่าหลังจากเห็นข้อความนั้นแล้ว ทั้งมารดาของเธอและมารดาของเขาแทบจะกรี๊ดลั่น
“ว้าย! ยายแพรว ยายจากับตาเตนัดกินข้าวกันแล้ว ลูกชายเธอรับนัดด้วย”
“อ๊าย! เดี๋ยวฉันไปเตรียมของแก้บนแป๊บนะแก เบา ๆ ไปก่อนสิบหัว” คุณหญิงแพรวพิลาศกรีดร้องดังลั่นจนคนสนิทเก่าแก่ถึงกับสะดุ้ง
เรื่องนี้อีโรติกไม่เยอะนะคะเน้นโบ๊ะบ๊ะ คลายเครียด ไร้ท์แต่งเวลาที่เจอฉากหนัก ๆ เยอะไปค่ะ อีโรติกเน้น ๆ จะมีสามเรื่องค่ะตอนนี้นะ