ตอน
ปรับแต่ง
สารบัญ
ตอนนิยาย ()

ปรับแต่งการอ่าน

พื้นหลังการอ่าน
รูปแบบตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ระยะห่างตัวอักษร

ตอนที่1 การกลับมา

  

อุ่นรักยืนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง สายตาจดจ้องอยู่กับทิวทัศน์ที่แสนคุ้นเคย ครั้งนั้นที่เขาจากบ้านหลังนี้ไป เมื่อห้าปีที่แล้ว เขาจากไปโดยไม่เอ่ยคำลาใดๆกับเธอสักคำ หากว่าคุณพ่อไม่บอกว่าเขาจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เธอก็คงจะไม่รู้เรื่องนี้  ในวันนั้นเธอทำได้เพียงยืนมองส่งเขาขึ้นรถจากหน้าต่างบานนี้ ไม่กล้าลงไปเผชิญหน้า คิดว่าเขาคงไม่อยากเจอหน้าเธอหรือเห็นว่าเธอไปยืนส่งเขาที่สนามบินเสียเท่าไหร่ เพราะในสายตาเขา เธอก็คงเป็นเหมือนกับเงาที่ไม่เคยมีตัวตน  ขณะที่กำลังจมอยู่กับห้วงความคิดในอดีต  เสียงเรียกทำให้เธอ ตื่นขึ้นจากภวังค์

  

 

 “รัก ไปรับพี่ที่สนามบินได้ไหมลูก วันนี้พ่อมีประชุมเกือบทั้งวัน

  ประโยคสั้นๆจากผู้เป็นพ่อ ที่ทำให้เธอมีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจอย่างเห็นได้ชัด เมื่อชั่วครู่เธอเพิ่งจะกำลังนึกถึงเรื่องราวในวันวานวันที่เขาจากบ้านหลังนี้ไปเพื่อเรียนต่อ แต่ขณะนี้เธอกลับได้รับรู้ว่าเขากำลังจะกลับมา มันช่างยากที่จะตั้งรับได้ทันเสียจริง สมองยังคงประมวลผลคำพูดเมื่อครู่อยู่นาน ก่อนที่จะหาเสียงของตัวเองเจอ

 

 

อะไรนะคะคุณพ่อ พะ...พี่...พี่ซันเขากลับมาวันนี้เหรอคะ รักไม่เห็นรู้เรื่องมาก่อน

 

หญิงสาวสบตาชายวัยกลางคนอย่างจริงจัง ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง ที่หวังเพียงแค่คำว่า ล้อเล่น แค่เพียงคำนี้หลุดออกจากปากคุณพ่อ เธอจะรู้สึกโล่งใจยิ่งนัก ขอให้ประโยคเมื่อครู่ที่เธอได้ยินเป็นเพียงแค่การอำเธอเล่นอย่างทุกทีด้วยเทิด เวลานี้เธอยังไม่พร้อมที่จะต้องเผชิญหน้ากับเขา ผู้ชายที่เขาเกลียดชังเธอ สายตาว่างเปล่าระคนเจ็บปวดที่ทอดมองตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันและมันเป็นสายตาที่มักถูกส่งมาให้เธออยู่ทุกครั้งที่ได้สบตากัน แม้ว่าวันเวลาจะผ่านไปจนถึงทุกวันนี้แต่มันกลับยังคงฝังลึก ตราตรึงสร้างบาดแผลไว้อยู่ในหัวใจดวงน้อยของเธอไม่ยอมเปลี่ยนแปลง การกระทำทุกอย่างของผู้ชายคนนั้นทำให้เธอรู้สึกราวกับไม่ใช่ตัวเอง ทำให้เธอต้องคอยหลบเลี่ยงการเจอหน้ากันตรงๆอยู่ตลอดเวลา ต้องคอยรูัสึกผิดทั้งๆที่ไม่ได้เป็นฝ่ายที่ทำอะไรผิด

 

 

 ตาซันก็เพิ่งโทรมาบอกพ่อเมื่อวานนี้ มันก็เป็นซะอย่างนี้แหละ อยากทำอะไรก็ทำไม่บอกไม่กล่าว นิสัยเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน เด็กเอาแต่ใจ

 ชายวัยกลางคนที่มีผมขาวกระจายแซมอยู่ท่ามกลางผมดำ แต่บุคลิกเขากลับดูยังไม่แก่สมวัย ยังคงดูหนุ่มกว่าอายุ หุ่นฟิตเฟิร์มกว่าคนในวัยเดียวกัน วันนี้เขาอยู่ในชุดมาดนัก    ธุรกิจ กล่าวกับเธออย่างยิ้มๆเหมือนกับพวกคนแก่ใจดีส่งยิ้มมาให้เด็กน้อย ก่อนที่จะกลับหลังหันทำท่าจะก้าวเดินออกไปจากบ้านหลังใหญ่โตหลังนี้ ซึ่งความจริงแล้วมันควรถูกเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่าบ้านเสียด้วยซ้ำ แต่ผู้อาศัย ณ ขณะนี้กลับมีเพียง เธอ คุณพ่อ และแม่บ้านอีกเพียงหนึ่งคนเท่านั้น ปริมาณคนถือว่าน้อยมากนักเมื่อเทียบกับปริมาณพื้นที่ทั้งหมดของบ้านหลังนี้ แล้วไหนจะยังมีสวนภายในรั้วบ้านไว้ให้เดินเล่น ชมนกชมไม้ ยามที่เบื่อหรือต้องการหาที่เงียบสงบเธอก็มักไปนั่งเล่นที่สวนกว้าง สนามหญ้าที่ถูกตกแต่งด้วยหินและมีดอกไม้ ต้นไม้หลากหลายชนิด ที่ให้ความร่มเงา ทำให้จิตใจของผู้มาเยือนสงบและรู้สึกสดชื่นได้ทุกครั้ง

 

 “อีกประมาณสองชั่วโมง พี่เขาก็จะมาถึง ฝากด้วยนะ รัก

 แต่ก่อนที่ชายวัยกลางคนจะก้าวพ้นประตูบ้านไปถึงบันไดที่มีเพียงไม่กี่ขั้นที่บริเวณหน้าบ้านซึ่งมีรถยนต์ส่วนตัวจอดรออยู่แล้ว ก็ไม่วาย หันมากำชับกับเธออีกครั้งพร้อมกับยิ้มอย่างใจดีที่ส่งมอบมาให้ ถ้าเป็นปกติเธอคงจะยิ้มตอบกลับด้วยท่าทีเบิกบาน แต่ในครั้งนี้เธอแย้มยิ้มไม่ออกแม้แต่น้อย สมองยังคงวนเวียนอยู่กับคำพูดที่ได้รับฟังมาเมื่อไม่นาน ซ้ำไปซ้ำมา

 

 

ยังไม่ทันได้กล่าวตกลง ตอบรับ หรือปฏิเสธใดๆทั้งสิ้น  ชายสูงวัยก็ขึ้นรถไปเสียแล้ว ซ้ำยังออกรถไปแล้วด้วย สังเกตได้จากเสียงรถที่ค่อยๆห่างไกลออกไป จนเหลือแต่เพียงความเงียบภายในบ้าน ทิ้งให้หญิงสาวยืนนิ่งงันอยู่ที่ตำแหน่งเดิมไม่มีเปลี่ยน แม้ท่าทางจากภายนอกจะดูนิ่งเหมือนกับว่าภายในจิตใจนั้นสงบ แต่แท้จริงแล้วภายในใจเธอกำลัง สับสน กระวนกระวาย ร้อนรน เกี่ยวกับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ หากสังเกตดีๆจะพบว่าแววตานี้เต็มไปด้วยความกังวลอยู่เต็มเปี่ยม

 

เป็นเพราะเรื่องราวในอดีตระหว่างเธอกับเขาที่มีความสัมพันธ์ในทางที่ไม่ค่อยราบรื่นดีนัก เป็นผลมายังป้จจุบัน ทำให้เธอต้องมากังวลใจอยู่เช่นนี้ เรื่องราวมันเกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ก้าวเข้ามาเหยียบบ้านหลังนี้ เมื่อเจ็ดปีก่อน  ในตอนนั้นที่เธอยังคงเป็นเด็กที่อายุเพียงเก้าปี

 

 

ซัน มารู้จักกับน้องสิ นี่รัก อุ่นรัก ต่อไปนี้จะมาเป็นลูกพ่ออีกคน และเป็นน้องสาวของแก

 

ตะวัน เด็กหนุ่มในวัยมัธยมปลายชายตามองเด็กหญิงตัวเล็ก หน้าตามอมแมม ผมยาวที่พันกันยุ่งราวกับไม่ได้ถูกหวีสางมาก่อน เธอเงยหน้าขึ้นดวงตากลมโตน่ารักสบเข้ากับนับน์ตาดำคมของบุคคลตรงหน้า เด็กหนุ่มร่างผอมสูงที่ยืนนิ่ง ส่งสายตาราบเรียบเฉยเมย ภาพนี้สะท้อนอยู่ในนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของเธอ ก่อนที่เขาปั้นหน้าบึ้งตึงจงใจส่งมอบมาให้เธอโดยตรง พร้อมกับไอบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวเขา เป็นความรู้สึกที่เธอสามารถรับรู้ได้ว่ามันคือแววตาที่ฉายชัดถึงความไม่พอใจบางอย่างได้อย่างชัดเจน สิ่งที่สัมผัสได้ทำให้เด็กหญิงต้องรีบก้มหน้างุดหลีกเลี่ยงจากสายตาคมจ้องมองจนแทบทะลุราวกับโกรธเคืองกันมาแรมปีนั่นแทบจะทันที ไม่นานนักเขาก็เดินหันหลังขึ้นบันได้ไปอย่างที่ไม่อยากจะสนใจการมาเยือนของเธอนัก

 

และหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นเป็นต้นมา แม้เธอจะอยากเข้าไปทำความรู้จักกับพี่ชายคนใหม่ที่เคยคิดว่าจะสามารถเล่นหรือพูดคุยกับเขาได้ แต่เธอกลับแทบไม่ได้พูดคุยกับเขาเลยแม้แต่น้อย คงเพราะด้วยความที่ยังเป็นเด็ก จึงรู้สึกกลัวและไม่กล้าพอที่จะฝ่ารัศมีบางอย่างที่พร้อมจะพุ่งทะลุทิ่มแทงเธอเสมอแทบทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ ตัวเธอเองก็ไม่อาจแน่ใจนักว่ารัศมีที่ว่านั่นคืออะไรกันแน่ ความแค้นเคือง ความไม่พอใจ ความโกรธ ความเกลียดชัง หรือมันอาจจะคือทั้งหมดทั้งมวลดังที่กล่าวมารวมกัน

 

หลังจากนั้นสามปีเขาก็เรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลายและขอไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ต่างประเทศ เมื่อตอนที่เขาไม่อยู่ที่นี่แล้ว เธอก็ค่อยๆเติบโตขึ้น เริ่มรู้ว่าอะไรเป็นอะไร จึงเลิกสงสัยในการกระทำของเขาที่มีต่อเธอ  ในวัยเด็ก เธอเสียใจ น้อยใจบ้าง ที่ถูกเกลียด แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น  มันก็ไม่น่าแปลกเลยที่เขาจะรู้สึกและแสดงท่าทีเช่นนั้นกับเธอ

 

 

 อุ่นรักครุ่นคิดอยู่กับตัวเองเสียนาน เมื่อรู้สึกตัว ก็หันมองนาฬิกาที่ผนังเล็กน้อย เพียงชั่วครู่เดียวก็รีบวิ่งขึ้นบันได มุ่งหน้าเข้าห้องตนเองอย่างรีบเร่ง เพื่ออาบน้ำแต่งตัวไปรับพี่ชาย พี่ชายที่ไม่เคยต้องการน้องสาวอย่างเธอ คิดมากไปก็เปล่าประโยชน์ เธอรู้ดีว่าไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องมาถึง วันที่เขากลับมา วันที่เธอและเขาต้องเผชิญหน้ากันอีกครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้คาดคิดมาก่อนว่ามันจะมาถึงได้เร็วขนาดนี้ เนื่องจากเขาแทบไม่เคยติดต่อกลับมาเลย นานปีทีหนถึงจะโทรมาคุยกับผู้เป็นพ่อบ้าง เขาไม่เคยบอกข่าวคราวหรือความเป็นอยู่ใดๆ รวมถึงระยะเวลาตั้งใจว่าจะอยู่ที่นู่น ว่าเขาจะอยู่อีกกี่ปี จะกลับมาเมื่อไหร่ กลับมาทันทีที่เรียนจบเลยไหม่ จนบางเวลาเธอแทบเกือบจะลืมลบเลือนเขาออกไปจากความทรงจำเสียแล้วด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าเขาเคยทำอะไรต่างๆนาๆกับเธอไว้ให้ จนไม่อาจจะลืมได้ลงและเมื่อหลายครั้งที่ลองนึกย้อนดูถึงสาเหตุที่เขายอมจากบ้านไปเรียนต่อถึงที่ประเทศอังกฤษ มันอาจเป็นเพราะตัวเธอเองก็ได้ ที่เป็นเหตุของเรื่องนี้ เขาคงจะไม่อยากอยู่บ้านหลังเดียวกันกับเธอ ไม่อยากที่จะต้องมาทนเห็นหน้าน้องสาวที่จู่ๆที่โผล่มาจากไหนไม่รู้อย่างเธอ แต่กลับต้องมาคอยวนเวียนอยู่ในชีวิตของเขาในแต่ละวันนักกระมัง จึงได้หนีไปเช่นนี้

 

 

เวลาชั่วขณะที่เธอกำลังอาบน้ำนั้นทำให้คิดอะไรได้ตั้งมากมายหลายอย่างและมันก็ไม่อาจเป็นเรื่องของใครไปได้ นอกจากเขา คนที่เธอจำเป็นจะต้องรีบไปรับในขณะนี้ เมื่ออาบน้ำเสร็จก็รีบแต่งตัวและลงไปข้างล่าง เห็นลุงชัยที่มีหน้าที่ขับรถรับส่งบุคคลในบ้านหลังนี้มายาวนาน เขาจอดรถรออยู่ที่หน้าบ้าน จึงรีบเข้าไปสวัสดีทักทายและเปิดประตูขึ้นรถ ปกติลุงชัยจะต้องขับรถให้คุณพ่อ แต่วันนี้คุณพ่อกลับโทรเรียกให้คนขับรถอีกคนมารับ ราวกับว่าจงใจจะให้ลุงชัยรอรับเธอ เพื่อไปที่สนามบินตั้งแต่แรก อุ่นรักครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ คนที่เธอหลีกหนีมาตลอด วันนี้เธอหนีไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เช่นนี้แล้วเธอควรทำหน้าตาเช่นไรเมื่อได้พบกับเขา

 

 

    เสียงผู้คนดังขึ้นอยู่รอบตัว คนที่มาจากไหนไม่รู้ตั้งมากมาย ทั้งมารับ มาส่งผู้คน รวมถึงคนที่กลับมายังประเทศตนเอง หรือจะเป็นชาวต่างชาติที่ประสงค์เข้าประเทศ ไม่ว่าจะจุดประสงค์ใด ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญสำหรับอุ่นรัก ปัญหาใหญ่ในตอนนี้คือเธอจะหาพี่ชาย เจอได้อย่างไร คนตั้งมากมายขนาดนี้ หน้าตาก็ไม่ได้พบเจอกันมาตั้งห้าปี หนำซ้ำตอนนั้นเธอยังเด็กแล้วก็ไม่เคยที่จะกล้าจ้องหน้าเขาตรงๆชัดๆเสียที  จำได้แค่เพียงรางๆเท่านั้น แต่สิ่งที่ยังคงจำได้อย่างแม่นยำมีเพียงอย่างเดียวคือ ดวงตาสีนิลคู่นั้นจ้องมองมาที่เธอราวกับทะลุผ่านไม่มีตัวตนหรือไม่ก็จะเป็นแววตาที่แสดงถึงความเกลียดชัง ที่มักจะถูกส่งมอบมาให้เธออยู่เสมอ

 

 

อุ่นรักพยายามกวาดสายตามอง ฝ่าฝูงชนที่มากมาย เพ่งมองหาเขาหวังให้พบและจบๆเรื่องกันไปเสียที แต่ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะพบเลยแม้แต่น้อย คิ้วที่เริ่มขมวดเป็นปม  ในใจก็ได้แต่คิดได้แต่คำบ่นไปฝากส่งไปถึงคุณพ่อ เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าคุณพ่อจะให้เธอมารับเขาทำไม ในเมื่อลุงชัยซึ่งขณะนี้รออยู่ที่รถ บริเวณที่จอดรถ ก็สามารถมารับเขาเพียงคนเดียวได้ การที่เธอมาด้วยนั้นเกรงว่าอาจจะทำให้เขาต้องอารมณ์เสียตั้งแต่กลับมาถึงที่นี่เลยเสียเปล่าๆ

 

 

ยังไม่ทันที่จะได้บ่นอะไรในใจนานมากไปกว่านี้ สายตาก็พลันไปเห็น ชายหนุ่ม สูงโปร่ง ขายาวผิวค่อนข้างขาว ผมสีน้ำตาลเข้ม รวมทุกอย่างแล้วดูดีจนสะดุดตาเธอ เขาสวมเสื้อยืดสีดำสกรีนลายเท่ๆกับกางเกงยีนขายาว  เธอก็ไม่อาจทราบได้เหมือนกันว่าเพราะเหตุใด เขาจึงมีบางอย่างที่ทำให้เธอหันไปสนใจได้ เมื่อลองสังเกตอย่างถี่ถ้วนก็พบว่าดวงตาคมที่มีเพียงความนิ่งเฉยเช่นนี้ มันทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก โดยที่ยังไม่ทันได้รู้ตัว อะไรบางอย่างก็ดึงดูดทำให้ขาของเธอเดินก้าวเข้าไปหาเขาช้าๆ จนขณะนี้ก็ได้มายืนอยู่หน้าเขาเสียแล้ว

 

ชายหนุ่มคนดังกล่าวจ้องหน้าเธอเหมือนกับจะแทนคำพูดที่สื่อความประมาณว่าเธอมายืนขวางหน้าเขาทำไม แต่เธอยังคงยืนนิ่งจ้องหน้าเขาราวกับกำลังตกอยู่ในพวังค์ ไม่มีท่าทีว่าจะขยับเขยื้อนไปไหน แม้แต่น้อย เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้ เขาจึงขยับไปทางซ้ายเพื่อจะเลี่ยง หลบออกไปทางอื่น แต่เธอยังคงก้าวขาตามมาขวาง ครั้นเมื่อขยับไปทางขวา เธอก็ยังคงขยับตามมาอีก เป็นเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา จนต้องมีใครคนใดคนหนึ่งที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหวอีกต่อไป

 

 

 

มาขวางฉันทำไม ยัยทอม!”

 

 

 

ป.ล.อัพใหม่นะคะ อย่างที่มีคอมเม้นบอกว่า เรื่องอารมณ์ความรู้สึกบรรยายสั้นไป เปลี่ยนเรื่องเร็ว เราว่ามันก็จริง เลยพยายามปรับปรุงนะคะ ไม่รู้แตกต่างจะจากเดิมหรือเปล่า จะไล่อัพตอนที่แต่งไปแล้วแต่เอามารีไรต์ให้เข้าถึงอารมณ์(ไม่รู้ว่าถึงหรือเปล่านะ55)กับจะพยายามแต่งตอนใหม่ ขอบคุณมากนะคะที่บอกกัน มาเตือนกันอีกนะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามจ้า^^ ไงก็คอมเม้นกันมั่งเนอะ

 

 

 

สวัสดีจ้า

 

นามปากกา: eternal ที่ใช้คำนี้เป็นนามปากกาก็เพราะรู้สึกชอบ อยากให้ผลงานนิยายถูกติดตามไปชั่วนิรันดร์เหมือนนามปากกา(เว่อไปล่ะ55)

 

อายุปีนี้จะ21ปีแล้ว ตอนนี้ก็กำลังเรียนอยู่นะคะ อาจจะมาอัพบ่อยๆไม่ได้ เพราะปีนี้เรียนเริ่มหนักแล้วค่ะ แต่จะพยายามมาบ่อยๆน้า อย่าทิ้งกันนะรีดเดอร์

 

มีอะไรก็มาติชม แนะนำได้เสมอ ไรต์เตอร์จะได้รู้ตัวและแก้ไข  มาเม้นกันบ่อยๆนะชอบอ่านคอมเม้นอิอิ ถ้าชอบกันก็กดให้คะแนน กดชอบนิยาย รวมถึงกดไลค์เพจใน  เฟซบุ๊คด้วยนะคะ ที่จริงไรต์เตอร์เองก็กลัวรีดเดอร์รำคาญเหมือนกันที่พูดแบบนี้อยู่บ่อยๆหลายๆคนอาจจะสงสัยว่าอิไรต์เตอร์คนนี้จะอะไรนักหนาจะเอาไลค์เอาคะแนนไปแลกเงินรึไง แลกได้ก็ดีอะจิ555 มันแค่เป็นกำลังใจเล็กๆน้อยๆที่ทำให้ไรท์มีแรงค่ะ^^

 

 

ย้อนความเดิมเลยนะเป็นคนชอบอ่านนิยายอ่านมันทุกแนวทุกประเภท อาจจะยกเว้นแนวผีเพราะกลัวอ่า ส่วนแนวดราม่าแบบร้องไห้ปวดหัวทั้งเรื่องก็ไม่ไหว เพราะเป็นคนร้องไห้ง่ายไงเลยอ่านจบทีนี่ตึบเลย5555 นอกนั้นอ่านหมด เมื่ออ่านมามากๆแล้วก็มีความรู้สึกอยากจะเขียนเองมั่งตอนมัธยมเลยแต่งขึ้นในเวปหนึ่งแต่เป็นแนวแฟนตาซีนะ ปรากฎไม่รู้ว่าไรต์เตอร์กากหรือพล็อตมันไม่น่าสนใจคนอ่านก็มีไม่มาก แถมไม่มีใครเม้นอะไรเลย ไม่ว่าจะอัพไปเท่าไหร่ สุดท้ายมันก็หมดแรง มันก็เหมือนกับเวลาที่เราพูดอะไรกับใครไปแล้วเขาไม่สนใจเรา ฟังนะแต่ไม่ตอบ อ่านนะแต่ไม่ตอบ รับรู้นะแต่ไม่ตอบ ประมาณนั้นเลย เหตุการณ์ก็เลยฝังใจมาถึงทุกวันนี้ กลัวๆว่าจะต้องเลิกไปอีก ครั้งนี้ตอนแรกๆเงียบกันก็หวั่นๆอยู่ ขอบคุณมากนะคะที่ติดตาม ขอบคุณจริงๆ เห็นบางคนก็มาเม้นบ่อย หรือบางคนก็มาใหม่ ไรต์เตอร์ดีใจมาก ยิ้มทุกทีเลยตอนนี้คิดพล็อตออกสามเรื่องแล้วเนี่ย ปั่นยังไม่จบสักเรื่อง555 มาตามมาทวงมาจิกได้นะ ไรต์เตอร์ใจดีมากๆ(คนอะไรชมตัวเองฟะ)

 

 

แสดงเพิ่มเติม
แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั้งหมด ()

ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น