ตอน
ปรับแต่ง
สารบัญ
ตอนนิยาย ()

ปรับแต่งการอ่าน

พื้นหลังการอ่าน
รูปแบบตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ระยะห่างตัวอักษร

บทที่ 1

[บทที่ 1]

 

           “เฮ้อ...เสียงถอนหายใจดังขึ้นเป็นรอบที่ยี่สิบของวัน มันไม่ได้ดังมาจากผมหรอกครับ จากคนข้างๆผมต่างหาก

แจ็คสัน หวัง เพื่อนสนิทผมตั้งแต่มัธยม มหาลัย ยันวัยทำงาน กำลังนั่งเซื่องซึมเป็นหมาถูกเจ้าของเมิน สาเหตุก็มาจากตัวมันเองทำตัวเองทั้งนั้นแหละครับ ไปน้องยองแจแฟนเด็กมันถึงได้งอนไปเป็นอาทิตย์ 

จะมาถอนหายใจทิ้งให้คนที่ได้ยินหงุดหงิดเล่นทำไมวะ กูยืนฟังมึงมานานแล้วเนี่ยขอผมบ่นหน่อยเถอะ ขืนปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้อยู่ นานเข้าผมคงประสาทกินไปอีกคนแน่ ว่าแล้วก็อัดบุหรี่คลายเครียดซะหน่อย

มาร์ค มึงว่ากูควรจะไปง้อยองแจยังไงดีวะ กูโทรไปไม่รู้กี่สิบสายก็ไม่ยอมรับ ส่งข้อความไปก็ไม่ยอมตอบ เมื่อกี้ก็เพิ่งจะบล็อคไลน์กูสดๆร้อนๆ จนปัญญาแล้วว่ะ หรือน้องเค้าอยากจะเลิกกับกูแล้วจริงๆพูดจบไอ้แจ็คมันก็อัดบุหรี่ที่ถืออยู่ในมือเข้าปอด เห็นหน้าเครียดๆของมันแล้วบอกได้เลยว่าผมไม่ชิน ปกติแจ็คสันมักจะอารมณ์ดีเสมอ เฮฮาได้ทั้งวัน ผมซะอีกที่ชอบทำหน้าเครียดๆ วันๆไม่ค่อยคุยกับใคร กลายเป็นว่าตอนนี้เราต้องสลับบทกันบ้างแล้ว

 เรื่องครอบครัวนี้ ผมเองก็อาจจะมีส่วนผิดอยู่นิดหน่อย อาทิตย์ที่แล้วมีงานเลี้ยงส่งสายรหัส ผมกับไอ้แจ็คอยู่สายรหัสเดียวกันครับ ก็เลยไปด้วยกัน พวกเราก็ดื่มกันเหมือนปกติ อาจจะหนักไปหน่อยเพราะมีคนนู้นคนนี้มาชนแก้วตลอด พอตอนจะกลับพวกผมก็อาสาไปส่งน้องในสายสามคน ไปดื่มต่อที่คอนโดพวกมันนี่แหละครับ ซักพักก็มีพวกเพื่อนๆมันราวหกเจ็ดคนมาเพิ่ม นั่งยาวจนตีสามหลับคาห้องรับแขก ตื่นมาผมก็แยกกลับมาก่อนเพราะต้องรีบไปรับจ็อบขายหมูปิ้ง ^^

ดูเหมือนไม่มีอะไรใช่มั้ยครับ แต่หลังจากวันนั้นงานก็เข้าไอ้แจ็คเพราะว่ามีคนส่งรูปไปให้ยองแจ เป็นรูปแอบถ่ายของไอ้แจ็คกับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนอนกอดกันอยู่ ดูแล้วค่อนข้างจะติดเรทหน่อย ผมเห็นแล้วก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมยองแจถึงได้โกรธมากขนาดนั้น แต่คือผมก็สงสัยไงครับ ตอนตื่นมามันก็นอนอยู่ข้างๆผม คนที่มันควรจะนอนกอดในรูปน่าจะเป็นผมมากกว่ามั้ย? พาลโกรธน้องสายก็ไม่ได้เรื่องอะไร เพราะผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนอีกที และที่สำคัญเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนคนนั้นเป็นคู่อริกับยองแจมาตั้งแต่อนุบาลนี่แหละครับ ยองแจเลยโกรธมากไปอีก

 “มึงเคยไปง้อเขาต่อหน้ารึยังล่ะ แบบเปิดอกพูดกันตรงๆไปเลย

ไม่เคยอ่ะ กูกลัวทำใจไม่ได้ถ้ายองแจจะขอเลิกกู คนนี้กูรักจริงหวังแต่งนะเว้ย

ถ้ามึงยังไม่ได้อธิบายให้เค้าเข้าใจ กูว่าไม่เกินสองสามวันนี้หรอก มึงได้โทรชวนกูไปนั่งกินเหล้าเป็นเพื่อนแน่ๆนี่ผมไม่ได้จะขู่มันนะครับ แค่พูดถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องมา นี่ก็เกือบจะอาทิตย์นึงละที่มันกับยองแจยังไม่เข้าใจกัน ขืนปล่อยเอาไว้นานมากกว่านี้ เกรงว่าหวังอาจจะไม่ได้แต่ง

เอางี้ วันนี้มึงก็ลางานช่วงบ่ายแล้วไปหาน้องเค้าที่มหาลัยซะ คุยกันให้จบๆ

นี่มึงแช่งกู?”

เปล่า กูหมายถึงให้พวกมึงคุยกันให้เข้าใจ ไม่ใช่ให้เลิก ไปหาที่ดีๆคุยกันแค่สองคน บอกไปให้หมดเลยว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ที่สำคัญต่อให้เค้าแรงใส่เหวี่ยงใส่ มึงก็ต้องพูดดีๆ กูว่ายองแจคงเข้าใจมึงแหละ

แล้วถ้าเค้าไม่เข้าใจอ่ะ?”

โว๊ะ มึงเลิกกังวลก่อนได้มั้ยล่ะ ถ้ายังคิดว่าแฟนมึงจะขอเลิกเดี๋ยวเค้าก็เลิกให้จริงๆหรอก

มาร์ค

อะไรอีก

มึงไปมหาลัยเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ เผื่อกูต้องการพยานเห็นเหตุการณ์

มึงนี่นะ จะจีบกันใช้กู ขอคบกันก็ใช้กู ง้อกันทีก็กู จะมีลูกนี่กูต้องช่วยด้วยป่าววะ?”

สัด อยากตายหรอมึง

เออ เดี๋ยวกูไปลางานก่อนแล้วกัน เจอกันข้างล่าง

 

โรงอาหารกลาง  1 มหาวิทยาลัย KK

ตอนนี้ผมอยู่ที่โรงอาหารของมหาลัยครับ ซื้อข้าวมานั่งกินระหว่างรอไอ้แจ็คเคลียร์กับแฟนมัน นั่งกินข้าวไปซักพักก็รู้สึกเหมือนว่ามีใครจ้องผมอยู่ตลอดเวลา เงยหน้ามองดูก็พบว่าโต๊ะรอบๆแทบจะทั้งหมดเป็นเด็กมัธยม ผมคงแต่งตัวแปลกอยู่คนเดียวเลยเป็นจุดสนใจ มานั่งกินข้าวด้วยชุดที่ทำงานของบริษัท แต่มันก็ไม่ได้แปลกอะไรมากมั๊ย แค่ใส่เสื้อเชิ้ตผูกไทด์ กางเกงแสล็กรองเท้าหนัง เหมือนๆกับเด็กมหาลัยนั่นแหละ

ผมนั่งเหม่อมองโน่นนี่ไปเรื่อย ทุกที่เจอแต่เด็กมัธยมทั้งนั้น อย่างว่าช่วงนี้ใกล้ปิดเทอมแล้วครับ เด็กมอหกก็คงจะวุ่นวายกับการหาที่เรียนต่อกัน สมัยที่ผมเรียนมัธยมปลาย ตอนนั้นยังไม่รู้ตัวเองเลยครับว่าจะเรียนอะไรต่อดี ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ของเด็กมอปลายทุกคน ผมพยายามค้นหาตัวเองด้วยการหาแรงบันดาลใจโน่นนี่สารพัด แรกๆก็เห่อตามกระแส สมัครไปค่ายแพทย์ เภสัช ทันตะ วิศวะ และสายสุขภาพอีกสารพัด ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ทุกครั้งที่เข้าค่ายมา ผมตอบตัวเองได้ว่า ถ้าให้ผมทำงานแบบนั้นก็คงทำได้ แต่ถ้าจะให้ทำไปทั้งชีวิต ผมคงทำไม่ได้

หลังจากนั้นผมก็เปลี่ยนสาย ไม่เอาแม่งละสายวิทย์ ลองไปเรียนทำอาหาร เล่นดนตรี ศึกษาข้อมูลของพวกคณะที่รับเด็กสายศิลป์ แต่สุดท้ายผมก็ยังเลือกไม่ได้ ชีวิตช่วงนั้นจมดิ่งอยู่กับความเครียดมากเกินไป จนผมต้องคลายเครียดด้วยการออกไปเล่นเกมที่ร้านเกมหน้าปากซอย และในที่สุดแรงบันดาลใจก็บังเกิด ผมค้นพบเป้าหมายตัวเองพร้อมๆกับหัวใจตัวเองที่นั่น

อ่า นึกมาถึงตรงนี้ละก็เขิน ตอนนั้นผมเจอเด็กติดเกมคนนึงครับ ที่รู้ว่าติดเกมก็เพราะน้องสนิทกับเจ้าของร้านมาก นั่งแช่ทั้งวันจ่ายตังค์น้อยกว่าผมที่แวะมาเล่นแค่สี่ห้าชั่วโมงอีก ลูกค้าสำคัญของร้านเลยครับ เด็กคนนั้น ตัวเล็กๆ แก้มย้วย หน้าสวย โดยรวมแล้วในสายตาผมคือน่ารักน่าเอ็นดู เขานั่งเล่นเกมอยู่โต๊ะข้างๆผม สกิลการเล่นเกมห่วยมากครับ ดวลกับผมทีไรแพ้ตลอด เล่นสิบครั้งผมก็ชนะสิบครั้ง จนน้องมันไล่ให้ผมไปสร้างเกมเองแล้วเดินสะบัดออกจากร้านไป นั่นแหละครับจุดเปลี่ยนในชีวิตผมที่ทำให้ผมได้มาเรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ที่นี่

อย่าเพิ่งคิดว่าผมเป็นคนหูเบา เชื่อคำพูดเด็กม.ต้นนะครับ หลังจากวันนั้น ผมก็ลองพิจารณาหาข้อมูลการเรียนต่อด้านนี้เป็นอย่างดี แล้วผมก็พบว่าโปรแกรมเมอร์นี้แหละ เหมาะกับผมที่สุดแล้ว เฮ้อ... นึกย้อนไปแล้วก็คิดถึง ผมเป็นพวกชอบเล่าความหลังน่ะครับ ความทรงจำพวกนั้นสำหรับผมเป็นสิ่งที่มีค่า บางทีการที่นั่งว่างๆแล้วนึกถึงมันบ่อยๆ ผมก็มีความสุขแล้วล่ะ

พี่คะ ที่ตรงนี้มีใครนั่งรึเปล่าคะเสียงใสๆจากน้องชุดมัธยมคนหนึ่งปลุกผมจากความคิดของตัวเอง เธอชี้ไปที่เก้าอี้ว่างตัวข้างๆผม เลิกคิ้วรอคำตอบ

ไม่มีครับผมพูดพร้อมกับส่ายหน้าไปด้วย เด็กผู้หญิงคนนั้นจึงคว้าเก้าอี้เลื่อนไปนั่งรวมกับเพื่อนๆของเธอที่โต๊ะฝั่งตรงข้าม ผมมองดูนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เวลาบ่ายสอง แจ็คสันก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาสักที ผมตัดสินใจจะเดินไปหาที่นั่งรอมันที่คณะวิศวะ เผื่อได้เจออาจารย์ได้นั่งคุยกับเด็กรุ่นน้องบ้าง ขณะที่ผมกำลังจะลุกอยู่นั้น

ไอ้ยูค อีแบม ทางนี้”  เสียงน้องผู้หญิงคนเดิมตะโกนเรียกชื่อเพื่อนเสียงดังจนผมสะดุ้ง ผมหันหลังกลับไปมองเพราะรู้สึกสะดุดกับชื่อนั้น แบม จะใช่แบมแบมคนที่ผมอยากเจอรึเปล่านะ  

และแล้วผมก็คิดไม่ผิดครับ ร่างเล็กในชุดนักเรียนกับเพื่อนตัวสูงอีกคนกำลังเดินมาที่โต๊ะ ผมรีบหันหน้ากลับมาเพราะกลัวว่าน้องจะเห็นผม ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแต่ร่างกายมันเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ ผมนั่งสงบเสงี่ยมตั้งใจฟังบทสนทนาจากเด็กๆโต๊ะด้านหลังสุดความสามารถ ไม่ปงไม่ไปมันแล้วครับคณะ นั่งรออยู่ที่นี่นี่แหละ

มาช้าจังว่ะ อาจารย์ปล่อยตั้งนานละ

กูรอไอ้แบมมันรับรางวัลอยู่ อาจารย์ก็ชวนคุยเสียเยอะคงกะให้มันเข้าที่นี่

ไอ้เด็กเก่งๆนั่งข้างหน้าที่เหมาตอบคำถามได้ทุกข้อนี่คือมึงหรอแบม กูนั่งหมั่นไส้กะอีพวกนี้ตั้งนาน

ใครๆ มึงคนเดียวเลย อยากจะเฉาะเอาสมองมันมาต้มกินใช่มั๊ย นี่ไงแบมแบมนั่งอยู่นี่ละ กินสมองมันแทนก๋วยเตี๋ยวเลย

นี่กูนั่งข้างมันก็พลอยได้อานิสงค์คำตอบมาสองรางวัลด้วย

ไหนๆ ขอดูหน่อยจากที่ฟังมา ผมก็เข้าใจว่าการติวหนังสือกับเพื่อนที่น้าบัวบอกคือ มาค่ายติวหนังสือที่มหาลัยผมนี่เอง เท่าที่ฟังมาตัวเล็กคงต้องเรียนเก่งมากๆแน่เลยครับ น่าภูมิใจจริงๆ

โห ได้หนังสือตั้งหลายเล่มแน่ะ มีลายเซนกับคำอวยพรจากอ.ด้วย เจ๋งว่ะ

อ่านดิ๊มึง

ขอให้สอบผ่าน เป็นนิสิตวิศวะตามที่หวังไว้ อ.สมบัติ

ของเล่มนี้ ขอให้ประสบความสำเร็จ มาเป็นนิสิตม.นี้ด้วยกันนะคะ อ.นิชา

นี่สรุปมึงจะเรียนที่นี่แน่ๆใช่มั้ยแบม

มึงก็ถามแปลกๆ วิศวะคอมอันดับหนึ่งของประเทศมันก็ต้องที่นี่ป่าววะ

แต่แม่มันอยากให้เรียนหมอไม่ใช่หรอ แล้วนี่คุยกับแม่ดียังอ่ะ

"ยัง กูไม่อยากคุยว่ะ"  

"ให้พวกกูช่วยพูดมั้ยมึง"

"ไม่เป็นไร กูว่าพวกมึงเปลี่ยนเรื่องเหอะ เสียบรรยากาศว่ะ"

หลังจากนั้นบทสนทนาทั้งหมดก็เป็นหัวข้อสนทนาของคนอื่น ผมว่าผมเข้าใจตัวเล็กนะครับ ถึงแม้จะไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก แต่เพราะว่าผมผ่านจุดนั้นมาก่อน ผมจึงรู้ว่าหากต้องอยู่ในสถานการณ์นั้นอีกครั้ง ผมควรจะต้องทำยังไงถึงจะได้รับการยอมรับ และตอนนี้ผมก็คิดว่า ผมควรจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อตัวเล็กแล้วล่ะครับ

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั้งหมด ()

ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น