SO FXXK 46
ผ่านมาเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว...
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผมกับเขา...เราสองคนไม่ได้ติดต่ออะไรกันอีกตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา โอเค ว่าผมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เขาหายไปแบบนี้ ทั้งๆที่ผมเอง...ผมเป็นคนตัดสินใจทำให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นมาเอง
พี่เขาคงเจ็บกับคำพูดและการกระทำสุดท้ายของผมอย่างสาหัสด์ เขาคงทรมานมากจนเกลียดขี้หน้าผมไปแล้ว เขาคงไม่อยากจะเจอหน้าผมอีกแล้วล่ะ ดีแล้ว...
ดีแล้วจริงๆที่มันเป็นแบบนั้น
ชีวิตของผมตั้งแต่วันนั้นมาเป็นอะไรที่ว่างเปล่า ไม่มีอะไรสักอย่างที่ดูน่าสนใจ ทุกครั้งที่นั่งเหม่อลอยอยู่คนเดียวเหตุการณ์วันนั้นในห้องสี่เหลี่ยมมันฉายขึ้นมาซ้ำๆ น้ำตาของเขา คำขอร้องของเขามันทั้งอ้อนวอนและเสียใจอย่างสุดแสนเจ็บปวด ไม่รู้ทำไมพอผมเริ่มนึกถึงมัน...หัวใจของผมก็เจ็บปวด บีบอัดกันอย่างหนักหน่วงรุนแรง ความเจ็บปวดของเขาโจมตีผมอย่างโหดร้ายราวกับว่าในวันนั้น ผมเป็นคนโดนกระทำเอง ผมเจ็บเองและสุดท้ายคนที่สารรูปดูทุเรศสิ้นดี
มันก็คือผมเอง...
" เฮอะๆ " พูดแล้วก็อยากจะแค่นหัวเราะสมเพชตัวเองให้มันรู้แล้วรู้รอด...
" มานั่งทำไรตรงนี้ " ผมลืมตาขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินเสียงคนคุ้นเคย
จากนั้นก็หันมาระบายยิ้มให้ฟีฟ่าเหมือนเดิม ที่บอกว่าเหมือนเดิมคือทุกๆวัน ฟี่มาหาผมที่บ้านและคอยดูแลผมในทุกๆอย่าง ผมรู้สึกผิดกับมัน อย่างที่บอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับฟี่มันคลุมเคลือ บางครั้งมันก็คือเพื่อนแต่ในบางครั้งมันก็มีมากกว่านั้น...ฟีฟ่าดีกับผมมากจริงๆ ดีจนผมใจหาย ได้แต่ถามตัวเองทุกครั้งว่าทำไมผมถึงไม่คิดที่จะมองมันบ้าง ฟีฟ่าเป็นคนที่ดีแต่ทำไมความดีของมันไม่เคยซึบซาบเข้าสู่ความรู้สึกของผมแม้แต่เศษเสี้ยว เกิดอะไรขึ้นกับผม ผมไม่เข้าใจหรือเพราะว่าทุกๆอย่างของผมกำลังจมปรักอยู่กับใครอีกคน...
คนที่ผมทำร้ายเขาอย่างเลือดเย็นในวันนั้น ถึงจะเป็นแบบนั้นก็คงไม่มีอีกแล้ว...
ไม่มีผม ไม่มีพี่พอส ระหว่างเราไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป...
" อยากเห็นตอนพระอาทิตย์ขึ้นน่ะ " ผมตอบแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง ข้างบ้านผมตอนนี้มีกระถางดอกทานตะวันอยู่เกือบสิบกระถาง ผมซื้อมันมาเมื่อสองวันก่อนเพราะความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างมันฉายขึ้นมาในหัวสมอง เวลาที่ผมมองเห็นดอกทานตะวัน ผมจะนึกถึง...สวนทานตะวันที่อยู่หลังบ้านของพี่พอส นั่นแหละ นึกไปก็เท่านั้น...
" ไม่เคยเห็นเหรอ? "
" กวนตีน " ผมแยกเขี้ยวใส่ฟี่ หลังจากที่มันมานั่งข้างๆกัน มันหัวเราะออกมาเบาๆแล้วเอื้อมมือมายีเส้นผมของผมจนฟูฟ่อง ผมโวยวายเล็กน้อยแล้วปัดมือมันออก ผมเลือกที่จะไม่สนใจการกระทำของฟีฟ่าแล้วหันไปยิ้มให้ดอกทานตะวันตรงหน้า
" เขาว่ากันว่าดอกทานตะวัน มักจะหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์เสมอ มึงว่าจริงไหม? " ฟี่ฟ่าหันมาถามพร้อมกับหยิบกระถางดอกทานตะวันขึ้นมาดูอย่างพิจารณา
" อืม "
" มันเป็นดอกไม้ที่ภักดี ซื่อตรงต่อดวงอาทิตย์ดีนะ..มันไม่เคยหันหน้าหนีพระอาทิตย์เลยว่ะ "
" ... "
" แต่พระอาทิตย์แม่งก็ไม่เคยสนใจ ไม่เคยมองเห็นแถมแสงของพระอาทิตย์ยังทำร้ายดอกทานตะวันอีก "
" ... " ผมกลืนน้ำลายแล้วหันหน้าหนี ไม่รู้เหมือนกันว่าฟีฟ่ามันต้องการจะสื่อถึงอะไรแต่ผมอยากให้มันหยุดพูดอะไรแบบนั้นสักที...
" กัส! พระอาทิตย์ขึ้นแล้วๆ "
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแต่ว่าก็นานมากพอที่จะทำให้ผมรู้สึกย่ำแย่มากที่สุดในรุ่งเช้าของวันนี้ แน่นอนว่าผมไม่ได้รู้สึกโอเคหรอกที่ทำแบบนั้นกับเขา ทั้งใบหน้าของผมสายตาและท่าทางไร้เยื่อใยแบบนั้น...
ใช่ แสงของพระอาทิตย์น่ะ...มันก็แผดเผา ทำร้ายทุกอย่างบนโลกใบนี้นั่นแหละ
[ END SUGUS PART ]
ลูกชายคนเล็กของบ้าน อัครภัส กำลังจะตาย
พอสไม่ทำอะไรสักอย่าง เขาเอาแต่นิ่งเงียบซึ่งปกติมันก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ยิ่งเขาทำตัวแบบนี้คนรอบข้างยิ่งอึดอัดและหายใจไม่ออกกันทั้งหมด เวลาแบบนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงกับชีวิตดี เขาจัดการกับมันด้วยตัวเองไม่ได้จนศรัณญ์ทนมองสภาพดูไม่จืดของพอสอีกต่อไม่ไหวแล้ว...
พรึ่บ! ปึก!!
" กันต์ ปืน หอบกระเป๋าพวกนี้ของนายน้อยพวกมึงไปยัดใส่หลังรถพี่ที " เจ้าตัวโยนกระเป๋าเดินทางหลายใบของพอสลงพื้นบ้าน พอสหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า เขาวางหนังสือที่กำลังทำเป็นอ่านอยู่ลงที่โซฟาข้างตัวจากนั้นก็เอนหลังไปพิงโซฟาด้วยสภาพปางตายแบบนั้น
" มึงทำตัวแบบนี้ตลอดไป มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก "
" ... "
" มึงเลิกหลอกตัวเองได้แล้ว...เขาไม่ได้รักมึงพอส "
" อึก " พอสหลับตาอยู่ ใบหูเขาได้ยินที่ศรัณญ์พูดทุกอย่าง ศรัณญ์พูดแบบนี้ทุกครั้งตลอดเวลาที่เจอหน้ากัน พอสไม่ถือว่าเป็นการตอกย้ำหรอก เขาน้อบรับทุกอย่างที่ซูกัสมอบให้เพราะการกระทำที่ผ่านมาของเขาก็โหดร้ายกับคนๆนั้นเกินกว่าใครสักคนจะทนรับไหว ถ้าหากว่าเขาเป็นซูกัส เขาก็คงเลือกที่จะรักเพียงแค่ตัวเอง...
" ก่อนหน้านี้มึงไม่มีเขา มึงยังอยู่ได้เลย "
" เหรอวะ "
" ... "
" แต่ทำไมกูจำเวลาแบบนั้นไม่ได้เลยสักนิด อึก กะ กู...รักมันว่ะ รักจนจะบ้าแล้วพี่รัน " ศรัณญ์ถอนหายใจแล้วดึงทิชชู่ในกล่องมาซับน้ำตาของพอสที่มันไหลออกมาไม่เหลือคราบลูกผู้ชาย ความเจ็บปวดของพอสมันมีมากจนแทบจะระเบิดออกมา
พอสรักซูกัสมาก...เขารักมากแค่ไหน ซูกัสคิดจะรับรู้มันบ้างไหม?
เขาอดทนกับมัน แม้กระทั่งจะกินอะไรสักคำ พอสยังทำไม่ได้... หัวใจของเขาแทบสลายตอนที่ซูกัสเลือกที่จะเดินจากไปไม่คิดแม้จะหันกลับมามอง แต่ถึงอย่างนั้นทำไม...ทำไมหัวใจของเขาถึงยังเรียกแต่ชื่อของซูกัสอยู่ได้ล่ะ...
ไม่ว่าจะเจอกับอะไรเขาก็ยังพูดได้เต็มปากว่าเขายังรักซูกัสเสมอมา...
ห้าชั่วโมงต่อมา...
พอสโดนศรัณญ์ลากคอมาพักผ่อนที่ภูเก็ต เขาก็อยากจะขัดแต่ความเจ้าเล่ห์ เจ้ากลของศรัณญ์ดันเหนือชั้นกว่า รู้ตัวอีกทีคือมาโผล่อยู่ที่นี้แล้วโดยมีปืนกับกันต์ให้ความร่วมมือกับศรัณญ์เป็นอย่างดี
" มึงนอนห้องนี้แล้วกัน ถัดไปห้องกู อีกสองห้องที่เหลือมึงสองตัวก็เลือกเอาเองแล้วกัน "
ทายาทเจ้าของรีสอร์ทยืนชี้นิ้วสั่งๆตามฉบับคนเอาแต่ใจ พอสเดินเป็นร่างไร้วิญญาณเข้าห้องไปพร้อมกับปืนและกันต์ที่ถือกระเป๋าเดินทางตามเข้ามาหวังจะจัดเสื้อผ้าให้นายน้อยแต่ตอนนี้พอสไม่มีอารมณ์จะหายใจร่วมกับใครเพราะงั้นลูกน้องของพ่อเขาทั้งสองคนจึงจำเป็นต้องเดินคอตกออกมา...
" ป๋าครับ ช่วยนายน้อยผมด้วย!!! " กันต์วิ่งหน้าตาทะเลิ่กทะลั่กเข้ามาหาศรัณญ์ จนเจ้าตัวต้องยกเท้าขึ้นมายันหน้าท้องมันหงายหลังโครม ยังดีที่มีปืนเดินตามหลังมารับไว้ทันไม่อย่างนั้นได้เป็นดาวเด่นกลางล็อบบี้รีสอร์ทแน่ๆ
" ช่วยอะไรอีก " ศรัณญ์พูดโดยไม่มองหน้าทั้งคู่เพราะสนใจคนในโทรศัพท์มากกว่าแถมตอนนี้ไอ้เด็ก(หัว)หมอมันยังเอางานเอาการมาอ้างเพื่อที่จะเบี่ยงเบนไม่ตามเขามาซะด้วย...ถ้าหากว่าปุณญ์คิดว่าตัวเองโกหกเก่งแล้วล่ะก็...ศรัณญ์จะเป็นคนไปบอกต่อหน้าเองว่ามันไม่เนียน!
" นายน้อยของผม โธ่~ นายน้อยไล่พวกผมออกมาแล้วยังทำหน้าตาอยากตายอีกแล้วครับป๋า " กันต์ทำเสียงง้องแง้งใส่ ไม่เข้ากับหน้าตาดุดันของตัวเองสักนิดต่างจากปืนที่หน้าสาวหวานหยดแต่ดุอย่างกับหมา
" โว๊ย! ก็เรื่องของนายน้อยมึงเถอะ!! เดี๋ยวกูกลับมาอีกทีดึกๆแล้วกัน พวกมึงก็เข้าไปดูมันด้วย ไม่ใช่กูกลับมาเจอมันผูกคอตายนะไอ้เหี้ย ขี้เกียจจัดงานศพ! "
พูดจบศรัณญ์ก็หยิบแว่นดำตรงคอเสื้อเชิ้ตมาสวมใส่จากนั้นก็เดินออกไปเลย กันต์โหยหวนเพราะคลุ้มคลั่งแทนพอสอย่างหนัก พวกเขามีหน้าที่เฝ้าดูแลพอสมาตลอด...นายน้อยเสียศูนย์ในการใช้ชีวิตแล้วพวกเขาล่ะ จะไปเหลือซากอะไร!!
" สลับกันเข้าไปทีละคนแล้วกันนะ เผื่อนายน้อยฆ่ามึง กูจะได้รู้ว่ากูไม่ควรเข้าไป... "
" ไอ้สัสปืน!! "
[ PAUSE PART ]
ดวงอาทิตย์เริ่มตกดินล่ะ...
แต่ผมยังนอนอยู่บนเตียงท่าเดิม ไม่รู้จะทำอะไร ไม่มีอะไรสักอย่างที่อยากทำ ช่วงสามอาทิตย์ที่ผ่านมามันไม่มีอะไรดีสักอย่าง ผมเอาแต่คิดถึงซูกัส ความทรงจำทุกอย่างและเรื่องระหว่างเรามันไม่เคยจางหายไป ถึงผมจะไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงได้รักเด็กคนนั้นมากมายได้ขนาดนี้ คำตอบก็เหมือนเดิม ซูกัสเป็นอะไรหลายอย่างสำหรับผม ความรู้สึกรักใครสักคนมันเป็นยังไง ซูกัสก็เป็นคนทำให้ผมเข้าใจและความรู้สึกที่โดยคนที่เรารักทำร้ายจนสาหัสด์เป็นยังไงก็ซูกัสคนเดียวที่นำมันมาให้ผมได้รู้สึก...
ผมเจ็บมากแต่ผมก็ยังรักเขา...
อะไรจะมั่นคงได้ขนาดนี้วะ...
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นในรอบที่สามหรือสี่นี่แหละ ไม่ได้สนใจแต่ครั้งนี้ผมส่งเสียงตอบรับไปพวกมันสองตัวถึงได้ค่อยๆยื่นหน้าเข้ามาในห้อง
" นายน้อยครับ...ลุกขึ้นมาทานอะไรหน่อยเถอะนะครับ " เสียงไอ้ปืนพูดขึ้น
" กูไม่หิว "
" ถ้านายยังเอาแต่ขังตัวเองไว้แบบนี้ ป๋ากลับมาเจอ ผมต้องโดนป๋าเชือดคอแน่ๆเลย " ป๋าที่ว่า...ไอ้กันต์มันคงหมายถึงพี่รัน ไอ้เหี้ยนั่นมันรวยล้นฟ้า ไม่ว่าอะไรที่ผมอยากได้ ไอ้พี่รันก็หามาได้ง่ายๆเหมือนเสกข์ขึ้นมางั้น
" งั้นก่อนที่ไอ้ป๋ามึงจะกลับมา กูสงเคราะห์ฆ่ามึงทิ้งก่อนแล้วกัน "
" โธ่~ นายน้อยคร้าบ... "
" ไปไกลๆตีนไป ไอ้กันต์ " ผมลุกขึ้นมานั่งปลายเตียงก่อนจะตวัดหางตาไปมองพวกมันสองตัวที่ยังไม่ยอมไสหัวไปอีก พวกมันเป็นคนของพ่อผมน่าจะโดนพ่อสั่งให้ตามดูผมมานานแล้วซึ่งผมก็รู้ดีจนตอนนี้พวกมันแทบจะกลายมาเป็นคนของผมแทนพ่อแล้ว เพราะงั้นมันก็เลยสนิทกับผมมากกว่าคนอื่นๆแล้วก็เสือกกล้าหือกล้าอือกับผมอยู่แบบนี้ไงวะ...
" พวกมึงนี่แม่ง น่ารำคาญ "
ผมพูดแล้วลุกขึ้นติดกระดุมเสื้อที่ปลดออกตอนแรกให้เรียบร้อยจากนั้นก็กระแทกตัวพวกมันสองตัวเดินออกมาจากห้อง ได้ยินเสียงพวกมันกลั้วหัวเราะเล็กน้อยที่เห็นผมยอมเดินไปห้องอาหารของทางรีสอร์ทจัดเตรียมให้ ถึงผมไม่ยอมไอ้สองตัวแต่ถ้าไอ้เหี้ยพี่รันกลับมามันก็ต้องตามไปตอแยผมที่ห้องอยู่ดี...มันน่ารำคาญน่ะ
ไอ้ปืนอาสาเป็นคนไปตักอาหารให้ผมแล้วมันก็เอามาวางไว้บนโต๊ะที่ผมนั่งรออยู่หลายอย่าง ส่วนไอ้กันต์เป็นคนไปหาเครื่องดื่มจนตอนนี้พวกมันยืนอยู่ด้านหลังของผมและผมก็มองอาหารบนโต๊ะด้วยอารมณ์เหนื่อยหน่าย...ไม่หิว ไม่อยากแดก ทำไมต้องบังคับกูด้วยวะ!
" ย๊า! ไอ้บ้าฟี่ อันนั้นของกูน๊า~ "
แต่แล้ว...
เสียงใสที่ดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลถัดไปอีกสี่ห้าโต๊ะข้างหน้าก็ทำให้ช้อนในมือผมร่วงกระทบพื้นพรมข้างล่าง ความคิดที่กำลังจะหันไปด่าไอ้สองตัวข้างหลังก็หายไปหมดเหมือนมีมือมากระชากเส้นผมบนหัวให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองตามเส้นเสียงที่คุ้นเคยทันที
" อยากกินเหรอ? อยากกินก็อ้าปากดิ "
" ไม่เอา~ ฟีฟ่า เอาคืนมา "
" อ้าปากเร็ว กูอยากป้อนมึงอ่ะกัส... "
สิ่งที่เห็นตอนนี้แม่งชัดยิ่งกว่าระบบฟลูเอชดี คนที่ผมรักเขามากสุดหัวใจกำลังทานอาหารโดยที่มีอีกคนกำลังป้อนให้ถึงปาก ผมมองมันอยู่แบบนั้นทั้งๆที่ตอนนี้หัวใจมันใกล้จะแหลกลาญเต็มทน ซูกัสสามารถฆ่าผมให้ตายได้ง่ายๆโดยไม่ต้องทำอะไรมากมายทั้งนั้น...
" นายครับ! คลายมือเถอะครับ...เศษแก้วมันบาดมือ จะลึกกว่านี้ไม่ได้นะครับ "
" นายน้อย ผมขอล่ะครับ " ผมได้สติตอนนี้ที่ไอ้สองตัวมันกำลังพยายามจับมือผมออกจากเศษแก้วที่แตกละเอียดคามือของผม เลือดกำลังไหลออกมาจำนวนมากแต่ผมไม่รู้สึกเจ็บมือสักนิด...
ถ้าเทียบกับหัวใจตอนนี้น่ะ แผลที่มือแม่งสู้ไม่ได้เลยว่ะ...
อยากให้พี่พอสองค์ลงเหรอครับน้องกัส อยากให้พี่พอสองค์ลงใช่มั๊ย! (กัดฟันถาม)
#พอสอย่าตีกัส