อินทรีหิมาลัย ตอนที่ ๗
82
ตอน
7.3K
เข้าชม
120
ถูกใจ
5
ความคิดเห็น
24
เพิ่มลงคลัง

อินทรีหิมาลัย

ยอด เดชา

 

3.  ล้างเผ่าพันธุ์

“ ยังงั้น ท่านจะปล่อยให้โลลุกะ ลูกสาวของท่านตายเปล่ายังงั้นรึ”

ความเจ็บปวดแล่นปลาบไปทั้งอก ทรวงที่เต้นตุบๆอยู่ข้างใน พลันเดือดดาล แล่นซ่านไปทั่วสรรพางค์ ความแค้นก่อให้เกิดความฮึกเหิม

โลโกเม้มปากแน่น พูดอะไรไม่ออกอยู่นาน  จนกระทั่งลูกชายซึ่งเป็นพี่ชายของโลลุกะกลับมาถึง ทันได้ยินทุกคนปรึกษาหารือกัน จึงออกความเห็นด้วยความแค้นไม่แพ้คนอื่นๆ

“ ข้าขอยกทัพไปจัดการมันเอง”

“ เจ้าจะสู้มันไหวรึ ไอ้ซัมโปมันได้ชื่อว่าเสือดาวหิมะก็เพราะความว่องไวปราดเปรียว และมีฝีมือในการต่อสู้ คนที่จะจัดการกับมันได้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้น”

“ ใคร”

“ ดอร์จี”

“ แต่..เขาตกหลุมหิมะตายไปแล้ว”

“ ใช่ ตายพร้อมกับโลลุกะลูกข้า”

“น้องข้าด้วย” พี่ชายโลลุกะทะลึ่งลุกขึ้นด้วยความฉุนเฉียว “ ป่วยการกล่าวถึงคนที่ตายไปแล้วอย่างดอร์จี ซึ่งท่านเองก็ไม่ชอบ ข้าจะจัดการกับมันให้ได้”

“ ใช่ พวกเรามีอยู่หลายคน รวมกันเข้าจัดการกับมันได้ไม่ยากเลย” ลูกเผ่าต่างส่งเสียงสนับสนุน

แต่โลโกกลับส่ายหน้า ถอนใจยาวด้วยความหนักอก

“ ท่านจะยอมให้น้องของข้าตายเปล่าไม่ได้นะ” พี่ชายกล่าวอย่างเอาเรื่อง

“ แต่ข้าคิดว่า มันดีกว่าที่พวกเราจะตายกันหมดไม่ใช่รึ”โลโกกล่าว พลางมองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที ก่อนจะกล่าวต่อไป“ ข้าจะอดทนต่อความทุกข์ทรมาน เพราะคิดถึงลูกสาวคนเดียว เสียสละโลลุกะ ดีกว่าที่จะเสียทุกคนไป”

“ โธ่ ท่านหัวหน้า ข้าคิดว่า ถึงเราไม่ถล่มพวกมัน ไม่ช้าไม่นานพวกมันก็ต้องมาถล่มพวกเรา”

“ นั่น ค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง”

“ ข้าเกรงว่าจะไม่ทันการณ์นะครับ”

“ ทำไม  พวกเจ้าไปได้ยินข่าวอะไรมารึ”

“ คือ...พวกข้าได้ยินว่า ตอนนี้ไอ้ซัมโปมันกำลังมักใหญ่ใฝ่สูง มันคิดจะรวบรวมเผ่าต่างๆเข้ามาอยู่ในอำนาจของมันคนเดียว การเข่นฆ่าเผ่าที่ไม่ยอมก้มหัวให้กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้”

หัวหน้าเผ่าพยักหน้าเนิบๆ

“ จริงรึ” หันมาทางลูกชาย

“ ข้าก็ได้ยินมายังงั้น ตอนนี้ ชุมชุนเหนือเราขึ้นไปกำลังระส่ำ ซัมโปมันให้ลูกน้องไปชักชวนคนเหล่านั้นมอบตำแหน่งผู้นำเผ่าทั้งหมดในเขตคามของเราให้แก่มันถ้าเผ่าไหนไม่ยอมมันเผากระโจม และฆ่าทุกคน ไม่เลือกแม้แต่ลูกเด็กเล็กแดง ข้าคิดว่า ไม่นานมันจะต้องมาที่นี่”

“ ถ้ายังงั้น ก็ต้องเห็นดีกัน มันหรือข้าจะอยู่ก็ให้รู้กันในวันที่มันมาที่นี่”

“ ท่านจะรับ”

“ เผ่าเราได้ชื่อว่ารักความสงบ ไม่เคยรุกรานใครก่อน ข้าเสียดายเวลาที่ผ่านมาเหลือเกิน ไม่น่าหลงผิด ไปเข้ากับไอ้ซัมโปจนกำจัดดอร์จีได้ ข้าเสียใจจริงๆ”

“ ป่วยการเปล่าน่าพ่อ อย่าไปคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วเลย คิดว่าต่อไปเราจะรับมือ ไอ้ซัมโปยังไงดีกว่า”

“ ข้าจะพยายามสลัดความคิดและความทุกข์เรื่องโลลุกะออกไปให้หมด แล้วมาคิดวางแผนรับมือซัมโปอย่างที่ทุกคนแนะนำ”

“ ใช่ แต่เรื่องของโลลุกะก็ไม่ต้องสลัดทิ้ง เราเอาประเด็นนี้แหละมาเป็นพลังต่อสู้กับพวกมันให้ได้”

“ ยังงั้น เรามาช่วยกันคิด อาวุธมีเท่าไหร่ขนมาให้หมด นักรบในเผ่ามีเท่าไหร่ระดมมา เราจะเปิดศึกใหญ่กับซัมโป”

“ ข้าจะจัดการเอง แต่เรื่องอาวุธ เราด้อยกว่าซัมโปมาก”

“ ธนูของเราก็มีเยอะแยะ ดาบของนักรบก็มีครบมือกันอยู่แล้ว”

“ แต่พวกมันมีปืนและระเบิด”

โลโกนิ่งไปนาน คำว่าปืน ระเบิด ทำให้เขาต้องครุ่นคิดอย่างหนัก อาวุธพวกนี้มีอานุภาพสูง ที่ประเทศของพวกเขาต้องตกอยู่ในอำนาจของกองทัพเหมาเจ๋อตงก็เพราะปืนและระเบิด รวมถึงแสนยานุภาพด้านกำลังทหารมหาศาลนั่นเอง ทำให้หลังคาโลกกลายสภาพเป็นยังงี้ และเมืองหลายเมืองก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นภาษาจีนไปเสียฉิบ

กำลังใช้ความคิดกันอย่างหนักนั่นเอง  ทันใดนั้น ร่างของใครคนหนึ่งก็ทะยานออกมาจากหลังพุ่มไม้ สองแขนของเขาอุ้มร่างที่ปราศจากชีวิตของหญิงคนหนึ่งเอาไว้

“ เอิ้ว ว” ทุกคนทะลึ่งลุก และส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่พอรู้ว่าเป็นใคร ทุกคนต่างก็ตกตะลึงงัน และแตกฮือกันออกไปด้วยความหวาดกลัว

ลัทธิบอนที่คนทิเบทนับถือมายาวนานมีอิทธิพลต่อความคิด จิตใจของผู้คนมาก โดยเฉพาะผี

“ ผิ ผี”

ทุกคนแตกฮือระส่ำระสาย ขนหัวลุกซู่ชูชัน แต่โลโกกล้าสมกับที่เป็นหัวหน้าเผ่าจริงๆ  เขายังควบคุมสติสตังเอาไว้ได้  จึงไม่แตกฮือพาลูกเผ่าวิ่งหนีสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นวิญญาณปรากฏต่อหน้า แม้ว่าขนหัวจะลุกตั้งชัน ร่างสั่นเป็นเจ้าเข้าก็ตาม

“ ดอร์จี” หัวหน้าเผ่าตั้งสติได้ก่อนคนอื่นร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น

“ ข้าเอง”

“ เจ้ายังไม่ตาย” ปากสั่นเล็กน้อย

“ ใช่ แต่...”

เหลือบตามองร่างในอ้อมแขน เสียงของดอร์จีสั่นเครือด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ เขาไม่สนใจสิ่งใดอีกแล้ว อุ้มร่างที่ปราศจากลมหายใจของโลลุกะฝ่ากลางวงเข้าไป

ลูกเผ่าของโลโกแตกฮือออกทั้งสองข้าง แล้วพากันล้อมหน้าล้อมหลังชายหนุ่มเอาไว้ แต่ดอร์จีก็ไม่สนใจไม่แยแสแม้แต่จะชำเลืองตามอง อุ้มร่างของหญิงสาวเดินตรงเข้าไปในกระโจมของหัวหน้าเผ่า ก่อนจะวางร่างของเธอลงไปบนที่นอนที่ปูลาดอยู่บนพื้น

เสียงลูกเผ่าคนหนึ่งดังขึ้น

“ ไอ้ดอร์จีมันเหยียบมาถึงที่นี่ จัดการสั่งสอนมันสักหน่อยไหมครับหัวหน้า”

“เฮ้ย อย่านะโว้ย พวกเจ้าไม่ต้องทำอะไรจนกว่าข้าจะสั่ง”

ดาบถูกเก็บเข้าฝัก แต่ท่าทางยังคงกระเหี้ยนหือรือไม่หยุด

ดอร์จียืนมองร่างที่หลับตาพริ้มอยู่บนที่นอน ครู่หนึ่งจึงหันมาทางเสียงทักจากด้านหลัง

“ ลูกข้าเป็นยังไงบ้าง ดอร์จี”

“ ข้าเสียใจที่ช่วยโลลุกะไม่ได้”

โลโกบดกรามดังกรอด พยายามข่มอารมณ์เอาไว้

“ ข้ายิ่งเสียใจกว่าเจ้า ส่วนหนึ่งเป็นความผิดของข้าด้วยที่หลงเชื่อคนสับปลับอย่างไอ้ซัมโป”

“ซัมโปยังงั้นรึ ”

“ ใช่”

“ มันอยากได้โลลุกะ” เขาคาดเดา

“ ทีแรกก็ว่ายังงั้น แต่ตอนนี้ ข้ารู้แล้วว่า มันไม่ได้รักลูกสาวข้าเลย มันรักอำนาจและตำแหน่งหน้าที่มากกว่า”

“ หมายความว่า มันใช้ท่านเป็นทางผ่าน”

“ ก็ทำนองนั้น หรือเรียกว่าบันไดจะถูกมากกว่า มันสั่งให้ยิงเจ้ากับโลลุกะ”

“ แล้วท่านก็ยอม”

โลโกเม้มปากแน่นจนเจ็บ

“ มันขู่จะล้างเผ่าพันธุ์ข้า ข้าเลยคิดว่า การเสียสละลูกสาวเพียงคนเดียว จะดีกว่าเสียคนทั้งเผ่า”

ดอร์จีครางออกมาเบาๆ ด้วยความรู้สึกปวดร้าวและเห็นใจ

“ ไอ้ซัมโป มันกับข้าต้องได้เห็นดีกัน ท่านรู้รึเปล่าว่า ตอนนี้ มันอยู่ไหน”

“ คิดว่าเดาไม่ผิด ถ้าไม่อยู่ที่เผ่าของมัน ก็อยู่ที่บ้านนายของมัน”

“ที่ไหน” ดอร์จีกระชากเสียงถาม

“ ชานกรุงลาซา ที่นั่น เป็นที่ทำการพรรคของพวกมันด้วย”

“ฮ้า พรรค” ดอร์จีขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ พรรคอะไร”

“ พรรคหิมะแดง”

“ พรรคหิมะแดง” ดอร์จีร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เคยสดับชื่อพรรคนี้มาก่อน “ ใครเป็นหัวหน้าพรรค”

“ มันชื่อ...”

อ้าปากจะเอื้อนเอ่ยชื่อหัวหน้าพรรคออกมา แต่คำพูดยังไม่ทันพ้นริมฝีปาก พลันเสียงย่ำของฝีเท้าม้าก็สนั่นหวั่นไหวขึ้นมาเสียก่อน

“ เสียงอะไร”

ทุกคนเงี่ยหูลงฟังเสียงหวั่นไหวราวแผ่นดินหลังคาโลกจะถล่มทลายลงยังงั้น แต่แล้ว ลูกชายของโลโกก็ตะโกนขึ้น

“เสียงม้า”

“ พวกไหน”

“ ยังไม่ทราบแน่ชัด”

“ ยังงั้นให้ใครออกไปดูซิ”

ลูกชายของโลโกถลันออกไปนอกกระโจม สั่งให้ลูกน้องออกไปดูทางด้านหน้าชุมชน ที่บัดนี้ คลาคล่ำไปด้วยกองทัพม้า แห่กันมาเต็มพรืดไปทั้งหุบเขา

ครู่หนึ่ง ลูกน้องจึงควบม้ากลับมารายงาน

“ พวกไหน”

“ ซัมโป”

“ พวกมันบุกเราแล้ว”

ลูกชายโลโกตะโกน

ทุกคนหันมองออกไปทางช่องเขาซึ่งเป็นทางเข้าชุมชน และบัดนี้ มันคลาคล่ำไปด้วยกองทัพม้าที่ห้อตะบึงเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน

“ พวกมันบุกเราแล้ว เตรียมสู้ตาย ”

เสียงตะโกนบอกต่อๆกันมา ดังกึกก้องขึ้นจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ ต่อจากนั้นไม่ถึงอึดใจ ทั้งเสียงคน เสียงม้า ก็ระคนกันจนฟังไม่ได้ศัพท์

“ ฆ่าพวกมันให้หมด”

ฉัวะว

เพล้ง ง

“ โอ๊ย ย”

กั๊บ กั๊บ กั๊บ

“ ต้านเอาไว้ อย่าให้พวกมันบุกเข้ามาได้ สู้ตาย”

เสียงเหล่านี้ฟังไม่ได้ศัพท์ ร้องหวีดออกมาแล้วก็ล้มฟาดลงไปบนพื้นดิน ชักดิ้นชักงอสองสามครั้ง แล้วก็สิ้นใจตาย

ดอร์จี ได้ยินเสียงดาบปะทะกัน เสียงของแหลมแหวกผ่านกล้ามเนื้อดังสวบ ตลอดจนเสียงปลายดาบและมีดกระแทกกระดูกดังกึก

ต่อจากนั้น เขาก็ได้ยิน ได้เห็นร่างของมนุษย์ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ ผู้หญิง และชายฉกรรจ์ ต่าง ล้มฟาดลงกับพื้นเสียงตึงตัง แล้วเลือดสีแดงก็ไหลอาบทานองไปทั้งหุบเขา

“ ฆ่ามันให้หมด อย่าให้เหลือ”

เสียงประกาศของผู้บุกรุก ทำให้หัวหน้าเผ่าทะยานออกไปหน้ากระโจม พร้อมกับตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

“ ไอ้ซัมโป”

“ แน่รึ” ดอร์จี ซึ่งตามมาติดๆถามอย่างสนใจ

“ แน่เสียยิ่งกว่าแน่เสียอีก นั่นเห็นไหม ข้าจำม้ามันได้”

ม้าพันธุ์ดี สีลาน ตัวสูงใหญ่ ยืนอยู่บนเนินสูง โดยมีเจ้าของนั่งสง่ามาบนหลังของมัน พลางกวัดแกว่งดาบ และตะโกนบัญชาลูกน้องอย่างอาจหาญ

“ ฆ่ามัน ถ้าพวกมันสู้ ใช้ปืน หรือระเบิด จัดการเผามันให้วอด”

“ ระยำเอ๊ย นี่มันกะจะล้างเผ่าพันธุ์ข้าเลยรึไง”

“ มันคงได้รับคำสั่งจากนายให้กวาดล้างคนที่รู้ความลับของพวกมันให้หมด” ดอร์จีกล่าวช้าๆ

“ แน่นอน แต่ข้าไม่ยอมมันหรอก ตายเป็นตาย ยังไงวันนี้ ข้ากับมันจะต้องได้เห็นดีกัน”

 

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว