บทที่ 2
เวลาผ่านไปแล้วอีก1เดือนตามที่ผมได้ขีดเอาไว้ ผมคิดว่าถ้าหากผมจะกลับไปได้ผมคงต้องทำภารกิจอะไรซักอย่างแน่ๆ จะว่าผมบ้าซีรี่ย์ก็ได้นะครับ แต่ผมคิดแบบนั้นจริงๆผมว่าผมยังมีหวังอยู่นะที่จะได้กลับไป แต่ชีวิตในตอนนี้ผมก็คงต้องทำให้เต็มที่เช่นกัน
ตอนนี้ผมกำลังตามเฝ้ามองความรักของฟู่เหิงและอิงลั่วอยู่ทั้งๆที่ผมรู้ผลอยู่แล้วว่ามันคงไม่สมหวังและคนที่เจ็บปวดก็หนีไม่พ้นใต้เท้าฟู่เหิงคนดีของผมนี่ไง เดี๋ยวผมค่อยเสียบเนอะ ฮ่าๆผมล้อเล่นนะครับแต่ถ้าเป็นไปได้ผมจะทำทุกอย่างให้ฟู่เหิงหันมารักผมแทน
"ท่านองครักษ์ฟู่เหิง ท่านมายืนทำอะไรหลังเขาจำลองคนเดียวล่ะขอรับ"ผมถามออกไปทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว
"ข้ามาเดินเล่นน่ะ"
"อืมเช่นนั้นข้าเดินเป็นเพื่อนดีไหมขอรับ เอ๊ะ?มีใบไม้ติดผมของท่านให้ข้าเอาออกให้นะขอรับ"หึหึ ไอ้เทียนซะอย่างยังไงก็เนียนได้อีก ผมเขย่งเท้าหยิบใบไม้ออกมาบอกเลยว่าหน้าห่างกันแค่นิดเดียวเองอ๊ากก!!มันฟินมากเลยครับ
"ขอบคุณ"ฟู่เหิงก้มลงมาบอกขอบคุณข้างหูผมล่ะ โอ๊ย!ไม่ไหวแล้วไอ้เทียนจะตาย
แต่เหมือนว่าผมจะจมอยู่ในความคิดของตัวเองมากไปทำให้ตอนนี้ผมเดินชนหลังฟู่เหิงที่หยุดเดินเข้าอย่างจัง และไม่ทันตั้งตัวผมที่กำลังจะหงายหลัง ฟู่เหิงก็ดึงผมไว้ แต่ตัวผมก็ใช่ว่าจะเล็กทำให้ผมล้มทับฟู่เหิงเข้าอย่างจังแถมปากผมกับปากเขามันก็ได้สัมผัสกันด้วยแหละ กรี๊ด!!!ผมอยากจะกรี๊ดให้ลั่นโลกไปเลย แต่ถึงมันจะฟินแค่ไหนผมก็คงต้องเก็บอาการไว้หน่อยแล้วล่ะ เราจะไม่แหวกหญ้าให้งูตื่นกันนะครับทุก จุ๊ๆ
"ข้าน้อย ข้าน้อยขออภัยขอรับ"วิ่งสิครับรออะไร ต้องทำให้ดูว่าเราใสซื่อขนาดไหน ฮ่าๆๆๆ
"เว่ยเป่า! เว่ย...หึหึ" เสียงเรียกที่ดังไล่หลังมาทำให้ผมเขินหนักเข้าไปอีก เหมือนเขาอยากจะแกล้งผมเล่นรึเปล่านะ
วันนี้ก็ถึงวันที่ฮ่องเต้เสด็จมาเยือนตำหนักฉางชุนอีกครั้งแล้วและมาพร้อมต้นไม้เจ้าปัญหานั่นเอง แต่นางเอกเราก็จัดการได้เยี่ยมอย่างที่คาดเลยถึงแม้จะถูกสายตาทิ่มแทงของฮ่องเต้ก็ตามอ่ะนะ สตรองเบอร์ไหนถึงจะทำได้กันล่ะครับเนี่ย
"เว่ยเป่าเจ้าอยากช่วยพี่ดูแลต้นไม้พวกนี้ไหม"นางเอกเขาหันมาถามผมวะจะตอบไงดีทุกสายตาพุ่งมาที่ผมทุกคนเลยอ่ะช่างทำร้ายจิตใจผมยิ่งนัก เอาว่ะผมคงต้องตามน้ำไปก่อน
"ได้สิขอรับพี่อิงลั่ว ข้าจะช่วยท่านเองขอรับ"
แล้วหลังจากนั้นน่ะหรอครับปัญหาของพระสนมอวี้กุ้ยเหรินก็ตามมาแบบไม่ให้พัก ผมรู้ว่าผลมันจะเป็นไงแต่ครั้งนี้มันคงต่างออกไปเพราะมีผมอยู่ทุกเรื่องคงผ่านไปได้ด้วยดี ผมแม่งลงทุนนอนเฝ้าเลยนะและบอกให้นางเอกไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ แล้วก็เป็นอย่างที่คิดแหละครับ มีคนพยายามจะเอาน้ำร้อนมารดต้นไม้ เจอผมฟาดหัวซะสลบเลยไง
"ช่วยด้วยขอรับ ช่วยข้าน้อยด้วย โอ๊ย!"ผมร้องแหกปากตะโกนจนคนอื่นแห่กันเข้ามาเลยล่ะ ผมก็พยายามบีบน้ำตาและกุมมือที่โดนน้ำร้อนลวกเอาไว้และทำตัวให้น่าสงสารที่สุดเท่าที่จะทำได้
"เว่ยเป่า! ว้าย!พระนางเพค่ะต้นลิ้นจี่เฉาตายไปเสียต้นหนึ่งเพค่ะแถมใบช้ำลูกร่วงหมดเลยเพค่ะพระนาง"เล่นใหญ่มากแม่ ทำกับว่าต้นลิ้นจี่มันเป็นทองคำมีค่ามากขนาดนั้นเลยครับ
"กระหม่อม กระหม่อมสมควรตายที่ไม่สามารถกันคนผู้นี้ไว้ได้"พอผมพูดจบก็แกล้งหมดสติไปเลยครับ งานนี้จอมบงการไม่รอดแน่
"เว่ยเป่า!ไปตามหมอหลวงมา จับมันผู้นี้ไว้ก่อน งานจบเมื่อใดค่อยสอบสวนทันที พวกเจ้าก็เฝ้าเอาไว้ให้ดี นำลิ้นจี่ต้นนี้ไปแทนแล้วกัน"ผมตื่นมาอีกทีก็อยู่ในเรือนนอนแล้วที่มือขวาก็ถูกพันด้วยผ้าพันแผลอย่างหนาเลยด้วย จะหนาไปไหมอึดอัดมากอ่ะ
"เว่ยเป่า เจ้าฟื้นแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ท่านหมอหลวงจางบอกว่าเจ้าพักผ่อนน้อยแถมมาตกใจคนร้ายทั้งแผลน้ำร้อนลวกก็อักเสบด้วย ท่านหมอบอกว่าคืนนี้เจ้าอาจไข้ขึ้นได้นะ"
"ข้าจะตายไหมพี่อิงลั่ว"รู้แหละว่าไม่มีอะไรแต่คนอย่างผมซะอย่างตีบทแตกกระจุยเลย
"เด็กน้อยเจ้านี่นะ จะตายได้อย่างไรกันพักผ่อนเยอะๆนะ"ตัวอิงลั่วหอมเว่อร์มากฟินไปอีกแบบเนอะ
"แล้วคนร้ายล่ะขอรับมาจากที่ใดขอรับ"
"เป็นคนของพระสนมเจียผินน่ะแถมเรื่องพระสนมอวี้กุ้ยเหริน พระสนมเจียผินก็รับผิดไปเต็มๆเช่นกันเพราะฮองเฮามีคำสั่งค้นเรือนและค้นไปเจอผงยามากมายในตำหนักของพระนางเข้าน่ะสิ"
"แล้วงานลิ้นจี่ล่ะขอรับ ราบรื่นดีหรือไม่"
"ไม่ราบรื่นเท่าใดนัก เพราะเจ้าหมาน้อยดันเกิดอาละวาดกระโดดชนต้นลิ้นจี่จนลูกหล่นเกลื่อนพื้นเลย งานนี้เกากุ้ยเฟยจึงเสียเจ้าลูกหมาอันรักยิ่งซะแล้ว แถมยังมีโทษกักบริเวณอีกด้วย"
"พี่อิงลั่ว ข้าเสียดายลิ้นจี่ที่หล่น ข้าขอนำพวกมันมาทำขนมได้หรือไม่ขอรับ"
"ข้าคิดว่าเจ้าต้องขอ ข้าเลยไปทูลขอพระนางเอาไว้ให้เจ้าแล้ว"รู้ใจผมไปอีก นางช่างแสนดีจริงๆแต่ผมไม่ยกฟู่เหิงให้หรอกนะบอกเลย
"ขอบคุณขอรับพี่อิงลั่ว"
และในคืนนั้นเองผมก็ไข้ขึ้นเพราะแผลอักเสบ มันโคตรจะทรมานเลยครับแถมแรงผมกลับไม่มีเลยซักนิด ผมคิดถึงไอ้จีนเพื่อนรักที่มันคอยดูแลผมจังเลย เวลาผมป่วยทีไรก็ได้มันมาช่วยตลอด แต่ตอนนี้ไม่มีมันแล้ว แล้วผมจะทำยังไง แต่สุดท้ายผมก็ฝืนตัวลุกขึ้นแล้วนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวเอง แต่มันโคตรลำบากเลยไง เหมือนคนพิการเลยครับ ผมล่ะหงุดหงิดตัวเองชิบหาย
จนอ่างน้ำมันหล่นนั่นแหละครับทำให้ผมหงุดหงิดตัวเองเข้าไปใหญ่อีก ผมเลยต้องก้มลงไปเก็บอ่างน้ำแต่ผมก็ดันได้เห็นรองเท้าของผู้ชายอยู่ตรงหน้าแทน เมื่อผมเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าคนที่มานั้นคือฟู่เหิงนั่นเอง
"ข้าช่วยเจ้านะ"แค่คำสั้นๆก็ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจของผมมันผิดจังหวะได้อย่างไม่ยากเลยครับ อยากจะป่วยแบบนี้ไปนานๆเลยอ่ะ ได้ไหมๆ
"ขอบคุณองครักษ์ฟู่เหิงที่มาช่วยข้าน้อยขอรับ ข้าน้อยรู้สึกอายจริงๆทั้งๆที่ตัวเองเป็นชายแท้ๆแต่กลับมาทำตัวอ่อนแอให้ท่านเห็นแบบนี้"
"หึหึ ไม่เป็นไร ดื่มยาเถอะเจ้าจะได้พักผ่อน ข้าได้ข่าวว่าเจ้าสู้กับคนร้ายแถมนอนน้อยเพราะเฝ้าต้นไม้ ทำให้เจ้าเจ็บป่วย ข้าจึงมาเยี่ยมเจ้าแต่ไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นหนักเช่นนี้"
"ขอบคุณที่มาเยี่ยมข้าน้อยขอรับ ข้าน้อยเกรงใจนัก"คือพูดไปแบบนั้นแต่ในใจผมนี่คือกรีดร้องไปแล้วนะ ชอบอ่าคนหล่อมาเยี่ยม แรดเนอะ คึคึ
"เจ้าอย่าได้เกรงใจ นอนพักเถอะ ข้าต้องไปลาดตระเวนแล้ว"
"ดูแลตัวเองด้วยนะขอรับ อ๊ะ!เดี๋ยวนะขอรับ ยามดึกเช่นนี้ข้ามีลูกกวาดให้ท่านขอรับ รับรองว่าตาแข็งยันเช้าอย่างแน่นอน"
"ขอบใจเจ้ามาก นอนพักซะอย่าทำให้ข้าเป็นห่วงเจ้าแบบนี้อีก"
"ขอรับ" โอ๊ย!ละลายไปกับเตียงแล้วจ๊ะทูนหัวจะละมุนขนาดนี้มานอนด้วยกันเถอะ
เช้าวันต่อมาอาการผมมันก็ดีขึ้นมาก ผมเลยออกมาทำงานแต่ไม่มีใครให้ผมจับงานเลยซักคน ผมเลยเข้ามาในครัวแทนจึงทำให้ผมได้เห็นลิ้นจี่มากมายที่อยู่ในกะละมัง ผมจึงนำพวกมันไปล้างน้ำแล้วนำมาปอกเปลือกเอามาทำเป็นลิ้นจี่ลอยแก้วแทน ส่วนที่ยังอยู่บนต้นนั้นก็เอามากินแบบสดๆแถมยังแบ่งไปตามตำหนักต่างๆตามที่ฮองเฮาบัญชาลงมาด้วย ส่วนอิงลั่วนั้นก็คงทำคะแนนความรักฝังลึกกันอยู่ล่ะมั้ง พูดแล้วเจ็บหัวใจยิ่งนักฮ่าๆ
"เว่ยเป่าเจ้านำลิ้นจี่ลอยแก้วนี้ไปที่ตำหนักของฝ่าบาทแทนข้าทีเถิด เจ้าไหวหรือไม่ มือยังเจ็บอยู่หรือไม่"
"พ่ะย่ะค่ะฮองเฮา กระหม่อมจะนำลิ้นจี่นี้ไปให้ฝ่าบาทเองพ่ะย่ะค่ะ"ก็นะมันเป็นพระบัญชานี่นะและในระหว่างที่ผมเดินไปผมก็ได้เห็นรอยยิ้มของฟู่เหิงด้วยถึงแม้จะเป็นแค่ยิ้มมุมปากแต่มันก็กระชากใจผมได้ชงัดนักแหละ หยุดๆผมควรเลิกฟุ้งซ่านได้แล้วล่ะ
"มือหายดีแล้วหรือถึงมาเดินถือของแบบนี้ ให้ข้าช่วยเจ้าถือนะ"วันนี้ก็ยังหล่อเหมือนเดิมเลยครับฟู่เหิงของผม แต่ขอเล่นตัวซักนิดเนอะ
"จะดีหรือขอรับ"
"ดีสิข้ากำลังจะไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้พอดี"
พอมาถึงตำหนักของหยางซิน ฟู่เหิงก็ยื่นถาดของมาให้ผมแล้วเดินจากไปอย่างไวเลยล่ะครับ ผมล่ะงงแล้วไหนบอกว่าจะมาเข้าเฝ้าฮ่องเต้ไง พอผมเดินมาถึงตัวขันทีที่เฝ้าประตู ผมก็ได้ยินเสียงแก้วแตกไปสามรอบแล้ว ผมล่ะสงสารหลี่กงกงจริงๆนะที่ต้องมาลองรับอารมณ์ของฮ่องเต้ไบโพล่าแบบนี้น่ะ
"เว่ยเป่าจากตำหนักฉางชุนขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!"เยี่ยม นกรู้นะไอ้บ้าผมมองค้อนขันทีฝึกหัดไปทีหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน
"เข้ามาได้ เจ้ามีอะไร"แหม พอเห็นหน้าก็ทำเสียงเข้มใส่กันเลยเว้ย
"กระหม่อมได้รับคำสั่งจากฮองเฮาให้นำลิ้นจี่ลอยแก้วและลิ้นจี่สดมาถวายพ่ะย่ะค่ะ"
"ลิ้นจี่ลอยแก้วมันคือสิ่งใดข้าขอดูหน่อยได้หรือไม่"
"พ่ะย่ะค่ะ"พอผมเปิดฝาออกสีหน้าของฮ่องเต้นี่ครึมเหมือนมีเมฆฝนมากองรวมกันเลยล่ะ
"นี่เจ้ากำลังเล่นตลกอะไรกับข้ากันเว่ยเป่า! นี่มันลิ้นจี่ในน้ำเปล่าไม่ใช่รึไง!"น่ะมาซะเต็มยศเลยชื่อผมไอ้เทียนกลัวแล้วครับแต่มันก็น่าขำมากกว่าจนผมเผลอขำออกมา
"หึหึ อย่าพึ่งกริ้วพ่ะย่ะค่ะนี่คือลิ้นจี่ลอยแก้วมันจะช่วยให้พระทัยที่ร้อมรุ่มของพระองค์เย็นลงได้พ่ะย่ะค่ะ อย่ามองเพียงเปลือกนอกสิพ่ะย่ะค่ะ เหมือนกับหนังสือที่ไม่สามารถดูแค่ที่ปกได้เท่านั้นและเช่นเดียวกับใจคนนั้นอย่าได้มองแค่เพียงภายนอกเช่นกันนะพ่ะย่ะค่ะ"
"ดี คำพูดดีงั้นข้าจะกินมัน"
"พ่ะย่ะค่ะ งั้นใส่ก้อนน้ำแข็งลงไปหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะจะได้ไม่หวานบาดคอมากเกินไป"ผมรู้ว่าใจของฮ่องเต้น่ะเหมือนมีไฟสุมขนาดนั้นเพราะผมเพิ่งเห็นพระสนมเสียนเฟยเดินสวนออกไปเพียงไม่นานนี้เอง ผมก็สงสารพระนางนะแต่ทุกอย่างมันต้องเกิดจะทำไงได้ล่ะครับ แต่ครั้งนี้ผมจะไม่ทำให้แม่และน้องชายของพระนางเสียชีวิตอย่างแน่นอนไม่งั้นไฟแค้นมันคงแรงมากแน่ๆ
"อืมอร่อยยิ่ง ยิ่งกินกับน้ำแข็งยิ่งอร่อยเจ้านี้สรรหาของกินแปลกๆมาให้ข้าแปลกใจได้ตลอดเลยนะ"
"ขอบพระทัยสำหรับคำชมพ่ะย่ะค่ะเช่นนั้นกระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ"
ตอนนี้ผมช้าไม่ได้แล้วแม่ของเสียนเฟยกำลังจะทำเรื่องร้ายแรงแล้ว แต่ผมก็หวังนะว่าน้องชายของเสียนเฟยจะไม่เป็นอะไรไปซะก่อน และเมื่อผมไปถึงทุกอย่างก็เกือบสายไปเสียแล้วดีนะที่ผมเอาตัวไปบังเหลี่ยมปูนไว้ได้ทันไม่งั้นคงเกิดโศกนาฎกรรมแน่ คนสมัยนี้ก็แปลกเอะอ่ะก็เอาหัวโขกเสาโขกกำแพงแล้วก็ตายง่ายมากเสียด้วย
"เว่ยเป่า เว่ยเป่าเจ้าเป็นอย่างไร ใต้เท้าฟู่เหิงช่วยเว่ยเป่าด้วย"
"ใจเย็นพ่ะย่ะค่ะพระสนมเสียนเฟยกระหม่อมจะพาเขากลับไปที่ตำหนักเอง"ฟู่เหิงรีบอุ้มเว่ยเป่ากลับตำหนักพี่สาวของตัวเองทันทีเพราะเลือดที่หลังเริ่มไหลออกมามากกว่าเดิมแล้ว ส่วนแม่ของพระสนมเสียนเฟยเองก็ตกใจเป็นอย่างมากที่มีคนมาขวางตัวเองไม่ให้ตนตายแบบนี้
"อย่าเพิ่งไปขอรับ ฮูหยินท่านไม่ควรทำให้พระสนมกังวลใจเช่นนี้ ท่านก็รู้ว่าเพียงแค่พระนางอยู่ในวังก็ได้รับความกดดันมากเกินพอแล้ว หากท่านเสียชีวิตไป ท่านคิดหรือไม่ว่าพระนางที่เป็นลูกสาวของท่านจะรู้สึกผิดขนาดไหนที่ไม่สามารถช่วยครอบครัวของตัวเองได้ ข้าน้อยก็แค่ขันทีต่ำต้อยไม่ได้เป็นที่ต้องการของใคร ตั้งแต่แม่ของข้าน้อยเสีย ข้าน้อยก็ถูกพ่อนำมาตอนเป็นขันทีตั้งแต่เด็กแล้ว ข้าน้อยรู้ดีว่าหากขาดแม่ไปใจของลูกนั้นจะว้าเหว่เพียงใด ข้าน้อยจึงอยากขอให้ฮูหยินช่วยมีชีวิตอยู่เป็นกำลังใจให้พระสนมเถอะนะขอรับ ลาภยศมันเพียงแค่ของนอกกาย จะสู้ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวได้อย่างไร ท่านมีปัญหาก็ควรจะค่อยๆคิดและค่อยๆแก้ปัญหา อย่าได้โยนปัญหาทิ้งไว้เบื้องหลังแบบนี้เลยนะขอรับ"
"ฮึก ฮือๆๆๆแม่ขอโทษ แม่ขอโทษเจ้านะ ที่แม่พูดและทำอะไรไม่คิดเช่นนี้"
"ท่านแม่ท่านอย่าได้ร้องไห้เลย ข้าจะช่วยท่านพ่อและน้องชายให้ได้ ข้าสัญญาท่านแม่"
"อืมๆ งั้นแม่กลับบ้านแล้วนะ"เมื่อแม่ของพระสนมกลับไปแล้วผมที่ยืนดูให้เเน่ใจว่าจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกก็สะกิดอีกคนให้พากลับตำหนัก แต่พระสนมก็เข้ามาขวางไว้ซะก่อน
"ข้าขอบคุณเจ้ามากนะเว่ยเป่า หากมีเรื่องที่ข้าพอช่วยได้ขอให้เจ้าบอกข้ามาเถอะนะข้ายินดีจะช่วยเจ้า"
"มีแน่พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ โอ๊ยๆ ท่านองครักษ์เบาหน่อยข้าเจ็บนะขอรับ"ฟู่เหิงอุ้มผมกลับตำหนักเลยครับเพราะตอนนี้ชุดขันทีของผมมันเปื้อนไปด้วยเต็มเลย
หลังจากที่เทียนถูกฟู่เหิงพากลับไปแล้ว สนมเสียนเฟยก็มองไปยังเทียนอีกครั้งพร้อมยิ้มออกมาทั้งน้ำตาที่ยังใครซักคนมาช่วยพูดแทนพระนางในสิ่งที่พระนางนั้นไม่เคยได้พูดกับใคร
"พระสนม"
"อืม ข้าดีใจที่ในวังแห่งนี้ข้ายังได้พบมิตรที่จริงใจเช่นนี้"
"เพค่ะ พระสนม"
(ตำหนักฉางชุน)
"เสด็จพี่ตามหมอหลวงให้ข้าที่พ่ะย่ะค่ะ เว่ยเป่าเสียเลือดไปมากแล้ว"
"นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันฟู่ฉา ฟู่เหิงทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้"
"เว่ยเป่าเอาตัวไปขวางไม่ให้พระมารดาของพระสนมเสียนเฟยฆ่าตัวตายพ่ะย่ะค่ะจนทำให้ตัวเองบาดเจ็บแทน"
"ไม่นะเว่ยเป่า เจ้าทำไมถึงทำเยี่ยงนี้เล่า พวกเจ้าดูแลเว่ยเป่า อิงลั่วไปกับข้า ข้าจะไปช่วยพระสนมเสียนเฟยเองถ้าหากว่าไม่ทำเช่นนี้เว่ยเป่าคงเจ็บตัวฟรีแน่"
แล้วสุดท้ายความพยายามของเทียนก็เป็นผลแต่ทั้งพ่อทั้งลูกคู่นั้นจะไม่ได้เหยียบมาทำงานในราชสำนักอีกต่อไป เพียงแค่นั้นก็ทำให้วันต่อมาพระสนมเสียนเฟยก็มาพบฮองเฮาด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้งและยังนำของมาให้เทียนอีกมากมาย เมื่อพระสนมได้เห็นเทียนนอนหมดสติยังไม่ฟื้นก็ร้องไห้ออกมา ทำให้ฮองเฮาต้องเข้ามาปลอบและให้นางในคนสนิทพาพระสนมเสียนเฟยกลับตำหนัก
ในระหว่างที่รอเทียนฟื้น ฮองเฮาก็ถือโอกาสนี้ในการสอนหนังสือให้กับอิงลั่วไปในตัว ฟู่เหิงที่กลับไปแล้วก็กลับมาอีกครั้งเพื่อดูอาการของเทียนที่ยังไม่ฟื้นอย่างเป็นห่วง และเทียนเองก็ไม่ทำให้ฟู่เหิงผิดหวังเพราะเพียงไม่นานเทียนก็ฟื้นขึ้นมาและคนแรกที่เทียนเห็นก็คือฟู่เหิงนั่นเองทำให้เทียนนั้นยิ้มกว้างออกมาเพราะคิดว่าตนนั้นคงต้องฝันไปแต่เพียงแค่ปลายนิ้วของคนทั้งคู่ได้สัมผัสกันความอบอุ่นทั้งหลายก็ซึมซาบเข้าสู่หัวใจของเทียนได้อย่างไม่ยาก
"พรุ่งนี้ ข้าขอให้ท่านช่วยดูแลพี่อิงลั่วทีนะขอรับ ถือว่าข้าขอล่ะขอรับ"
"ได้ ข้ารับปากเจ้าแล้วนะเว่ยเป่า เช่นนั้นต่อไปเจ้าก็ต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังคำสอนของฮองเฮาด้วยอย่าได้เล่นซนจนทำให้ตัวเองบาดเจ็บอีกรู้ไหม ข้าเป็นห่วงเจ้านะเว่ยเป่าเช่นนั้นอย่าซนให้มาก"
"ขอรับท่านพี่เหิง เออ...คือข้าเรียกท่านแบบนี้ได้ไหมหากอยู่กันเพียงลำพัง"เทียนที่เผลอหลุดปากเรียกอีกคนออกไปแบบนั้นก็รู้สึกกลัวขึ้นมาแต่เมื่อได้คำตอบอนุญาตกลับมาเทียนก็ยิ้มออกมา
"ได้สิ พี่ไม่ว่าเจ้าหรอกเป่าเอ๋อร์เช่นนั้นเจ้านอนพักเถอะข้าต้องไปแล้ว"
"ขอรับพี่เหิง"ฟู่เหิงลูบหัวเทียนก่อนจะเดินออกมาและเจอเข้ากับหมิงอวี้ที่เดินมาพอดีแต่หมิงอวี้ก็ทำได้เพียงเขินอายและเดินเข้าไปหาเทียนแทนเมื่อเข้ามาและเห็นว่าเทียนฟื้นแล้วหมิงอวี้ก็ลืมเรื่องของฟู่เหิงไปทันทีและตามมาด้วยฟู่เหิงที่เดินกลับเข้ามาอีกครั้ง
"เว่ยเป่าเจ้าฟื้นแล้ว พี่หมิงอวี้ของเจ้าดีใจจริงๆ แต่ข้าก็งอนเจ้าแล้วที่ไม่หัดดูแลตัวเองแบบนี้"
"พี่อวี้เอ๋อร์อย่าดุข้าเลย ข้านั้นช่วงนี้ฝันแปลกมากข้ามักฝันเห็นหญิงสาวนางหนึ่งวิ่งชนเสาจนตัวตายแต่ข้านั้นกลับทำสิ่งใดไม่ได้เลย ตอนที่ข้าเดินผ่านแล้วเห็นพระมารดาของพระสนมทำแบบนั้นข้าก็ไม่ทันได้ไตร่ตรองสิ่งใดแล้ว อภัยให้ข้านะขอรับท่านพี่อวี้เอ๋อร์"
"ก็ได้ แต่วันหลังไม่ทำแบบนี้แล้วนะเว่ยเป่า"
"ขอรับพี่อวี้เอ๋อร์ แต่ข้าอยากไปเที่ยวงานนอกวังจังเลยขอรับ ได้ไหมขอรับพี่อวี้"เทียนนั้นอ้อนหมิงอวี้จนหมิงอวี้ตีเทียนเบาๆไปหนึ่งทีอย่างไม่จริงจังนัก
"นี่เจ้า ข้าพึ่งบอกให้เจ้าอย่าได้ซนแต่เจ้ากลับจะขอออกไปเที่ยวนอกวังเช่นนั้นหรือ"
"ข้าขอโทษพี่อวี้ ข้าไม่ออกแล้ว ข้าไม่ไปแล้ว"
"คิกๆแต่ถ้าเจ้าอยากจะไปต้องไปขอฮองเฮาเอาเองนะ"หมิงอวี้ที่เห็นท่าทางของเทียนก็หัวเราะออกมาก่อนจะให้เทียนไปขอฮองเฮาเอง
"ฮู้ยยากเลยนะขอรับแบบนั้น ใต้เท้าช่วยพูดให้ข้าน้อยหน่อยได้หรือไม่ขอรับ"เทียนที่เห็นว่าฟู่เหิงมองตัวเองอยู่ก็อ้อนขอฟู่เหิงทันทีแต่ก็ถูกหมิงอวี้ตีที่แขนอีกครั้ง
"เว่ยเป่า เสียมารยาทจริงๆเลยเจ้านี่พูดแบบนี้กับท่านองค์รักษ์ฟู่ฉาได้อย่างไร"
"ไม่เป็นไรๆ ข้าจะลองขอให้ดีหรือไม่"
"ขอรับ! โอ๊ย!"เทียนร้องโอดโอยทันทีเมื่อขยับตัวเร็วเกินไปทำให้เสียงร้องนั้นดังไปถึงหน้าตำหนัก ฮองเฮาที่ออกมาเดินเล่นจึงรีบไปดูทันทีจึงได้เห็นว่าน้องชายของตนก็อยู่ด้วย
"เจ้าเป็นอะไรหรือไม่เว่ยเป่าเสียงร้องเจ้าดังมาก"ฮองเฮาถามอย่างเป็นห่วง
"กระหม่อมขยับตัวเร็วไปพ่ะย่ะค่ะจึงเจ็บแผลแหะๆ"เทียนที่เห็นอีกคนเป็นห่วงจึงยิ้มและบอกความจริงออกมา
"ไม่ระวังเลยนะเจ้า"
"เสด็จพี่พรุ่งนี้กระหม่อมขอพาเด็กน้อยตัวซนไปเที่ยวงานเก็บเกี่ยวได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"ฟู่เหิงเอ่ยขึ้นทำให้เทียนนั้นตาเป็นประกายทันที
"อยากไปหรือเว่ยเป่าเช่นนั้นข้าอนุญาตเจ้า"ฮองเฮาที่เห็นแววตาลูกแมวของเทียนก็อ่อนอกอ่อนใจก่อนจะอนุญาตให้เทียนไปกับฟู่เหิงได้
"ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฮองเฮาที่เมตตากระหม่อม"
"ดูสิช่างซุกซนเสียจริง หึหึ"
ฟู่เหิงที่เฝ้าสังเกตทั้งคนที่ตนรักและน้องชายที่เพิ่งมีเพิ่มขึ้นมาก็อดที่ยิ้มให้กับตัวเองไม่ได้ที่ได้เห็นความน่ารักสมวัยของเว่ยเป่าที่ไม่ได้ถูกวังหลวงกลืนกินไป
วันต่อมา
(ยามโหย่ว ( 17.00 - 18.59 น.))
"เว่ยเป่าเจ้าเดินเล่นใกล้ๆนี้ก่อนนะอย่าออกไปไหนไกลรอพี่เดินลาดตะเวนเสร็จแล้ว พี่จะมาเดินกับเจ้า"ฟู่เหิงเขาแทนตัวว่าพี่ล่ะอบอุ่นเป็นบ้าเลย
"ขอรับ"
ผมเดินเที่ยวแถวๆบริเวณนั้นจริงๆครับเพื่อเดินสำรวจร้านลวงต่างๆและผมก็ได้รู้ว่าน้ำหอมที่มาจากชาติตะวันตกนั้นราคาแพงมาก ถ้าเกิดผมทำสำเร็จล่ะก็ผมคงรวยเละเลยนะเนี่ย เอาล่ะผมควรจะเริ่มลองทำมันซะพรุ่งนี้เลยดีไหมนะ ถ้าได้ผลนั่นคงทำให้ฮองเฮาเลิกคิดถึงคนที่เป็นไบโพล่าไปได้บ้างล่ะนะ
สิ่งที่ผมเริ่มก็คือการปลอมตัวเป็นสาวงามที่บอบบางและอ่อนแอ เพราะนั่นจะทำให้การต่อราคาสินค้าได้ง่ายขึ้นและเป็นไปตามคาดผมได้ของทั้งหมดมาในราคาที่ถูกกว่าปกติ จนผมซื้อของครบก็ไปยืนรอฟู่เหิงที่เดิมจนผมเห็นฟู่เหิงเดินมาผมจึงรีบวิ่งเข้าไปหา เเต่เหมือนผมจะปลอมตัวดีเกินไปจนฟู่เหิงจำไม่ได้ เพราะเขาแทบจะเดินผ่านผมไปแล้ว
"ท่านพี่เหิง ท่านจะเดินผ่านน้องชายของท่านไปไม่ได้นะ นี่ข้าเองเว่ยเป่าของท่านไง"ผมต้องรีบวิ่งไปเกาะแขนของเขาเอาไว้ไม่งั้นเขาคงทิ้งผมไว้นอกวังคนเดียวแน่ๆเลย
"เว่ยเป่า!เจ้าไปเอาชุดจากที่ใดมาใส่กันรีบกลับไปใส่เสื้อผ้าดีๆเลยนะเจ้า"
"เอาหน่าๆอย่าได้โกรธข้าเลยนะขอรับ ถือซะว่าวันนี้ท่านมาเที่ยวกับสาวงามหรือไม่ก็คิดว่าข้าคือพี่อิงลั่วก็ได้นะท่านพี่ข้าไม่ว่าไปกันเถอะวันนี้ข้าได้ข่าวว่าจะมีการจุดพลุเกิดขึ้นที่เมืองหลวงด้วยข้าอยากเห็นว่ามันจะสวยมากเพียงใด ไปกันๆ"
"ได้ๆข้าจะพาเจ้าไปหาที่เหมาะๆในการชมพลุดีหรือไม่ อ่อแล้วข้าก็ไม่เคยมองว่าเจ้าเป็นตัวเเทนของผู้ใดเลยนะเว่ยเป่า"พูดแบบนี้ขอเขินได้ไหมอ่ะ
"ขอรับ เออ....เจ้าค่ะท่านพี่เหิง"
"หึหึ"
"ใต้ฟู่เหิงวันนี้กล้านัดสาวมาเที่ยวด้วยหรือเนี่ย ช่างเป็นบุญตาของข้าเสียจริง"
"ไฮหลันฉาอย่าได้พูดมาก ไปกันเถิดเป่าเอ๋อร์พี่จะพาเจ้าไปหาที่ชมพลุ"
"เจ้าค่ะ ขาลาท่านแล้วใต้เท้าหลัน"ไม่นานเพียงแค่เทียนหันกลับมามองเพื่อลาใต้เท้าหลัน หลันฉาถึงกับหยุดหายใจเพราะรอยยิ้มพิมพ์ใจที่ได้รับจากหญิงสาวของฟู่เหิงในวันนี้ มันกระแทกหัวใจของหนุ่มองครักษ์เข้าอย่างจัง
"พี่เหิงเขาจะตายไหมแข็งค้างไปแล้วน่ะท่านพี่"เทียนถามฟู่เหิงที่อยู่ๆก็เหมือนอยากจะฆ่าคน
"ปล่อยเขาไป ข้าจะพาเจ้าเที่ยวเอง"เสียงเรียบนิ่งที่ถูกเอ่ยออกมาทำให้เทียนนั้นเดาอารมณ์ของฟู่เหิ่งไม่ถูกจึงได้แต่เกาะแขนฟู่เหิงเข้าไปในงาน
"เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ"
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>