เมื่อชายหนุ่มได้พบรักแรกพบและด้วยแรงปรารถนาที่จะให้เธอเป็นดั่งแม่ของลูกเค้าจึงพยายามตามหาเธอทุกช่องว่าเธอเป็นใครมาจากไหน และได้พบผู้ว่าเป็นผู้ช่วยนักวิจัยแผนการณ์ที่จะได้อยู่ใกล้ชิดเธอจึงเริ่มขึ้น

ณ ริมทะเลแห่งหนึ่งของภาคใต้ 

หลังจากลงพื้นที่สัมภาษณ์ชาวบ้านแล้ว หนุ่มภาคได้ชวนสาวมิ้นแฟนสาวไปเดินเล่นที่ริมทะเลโดยที่ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกตระเตรียมไว้หมดแล้ว ทั้งสองเดินจูงมือกันและเหยียบหาดทรายสีขาวพร้อมกับยืนดูพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินหนุ่มภาคกุ่มมือสาวมิ้นไวเ้แน่นพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า 

“คุณมิ้นดูสิพระอาทิตย์กำลังจะตกดินล่ะ สวยไหมครับ” 

“ใช่ค่ะพระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว สวยจังเลยนะคะ” 

“ใช่ครับ สวยมากเลยแต่ผมว่าคุณสวยกว่านะครับ”พร้อมกับหันมามองหน้าแฟนสาวด้วยแววตาอันเปี่ยมรักทำให้สาวมิ้นเขินจนหน้าแดง 

“คุณรู้ไหมวันนี้เป็นวันที่บรรยากาศดีที่สุดเลยตั้งแต่ผมที่เคยมาทะเล” 

“เรอะค่ะมิ้นท์ก็คิดมันเหมือนกันค่ะว่าวันนี้เป็นวันที่มีบรรยากาศดีจริงๆ เลย" 

“ครับ ผมมีอะไรจะบอก”มิ้นตกใจเพราะเมื่อชายหนุ่มคุกเข่าลงพร้อมกับพูดว่า 

“คุณมิ้นครับ แต่งงานกับผมนะครับ” พร้อมกับหยิบตลับสีแดงกำมะหยี่ออกมาจากระเป๋ากางเกงและค่อยๆเปิดมันออกมาพบว่าข้างในคือแหวนเพชร แสงวาบวาวส่งประกายเข้าตา สาวมิ้นตกใจอย่างมากถึงขั้นใช้มือทั้งสองปิดปากตนเองเพราะนึกไม่ถึงว่ามันจะลดเร็วขนาดนี้ 

“จะดีหรอคะคุณภาค” 

“ดีครับแต่งงานกับผมนะครับ” ทันใดนั้นหนุ่มภาคก็ชี้นิ้วที่ขอบฟ้าแล้วพูดว่า 

“ดูตรงนั้นสิ” เครื่องเล่นพาราเซลที่มีป้ายผ้าพลิ้วปริ้วตามลมเขียนว่า ’ แต่งงานกับผมนะครับคุณมิ้น ’ ขับลอยผ่านไปสาวมิ้นหัวเราะพร้อมกับพูดว่า 

“คุณภาคทำอะไรค่ะเนี่ย อายคนไปหมดแล้ว” บรรยากาศโดยรอบเหมือนโลกหยุดชะงัก เสมือนว่าทั้งโลกทั้งใบนี้มีเพียงเรา2 คน และแม้ว่าในขณะนั้นจะมีผู้คนยืนอยู่มากมายเพียงใดก็ตามหรือแม้แต่เสียงกู้ก้องร้องเชียร์ว่า ‘แต่งเลย แต่งเลย แต่งเลย’ ดังสักเพียงใดก็ตาม แต่ทว่าคู่รักคู่นี้กลับไม่ได้ยินเสียงใด ๆ ดวงตาทั้งสองประสานกันและมองกันอย่างหวานชื่น และแน่นอนสาวมิ้นก็ต้องยอมตกลงแต่งงานในครั้งนี้อย่างแน่นอน เพราะตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมาหนุ่มภาคเป็นผู้ชายที่ละเอียดอ่อน และสามารถเก็บรายรายละเอียดต่าง ๆ ได้ดี อีกทั้งยังใส่ใจดูแลเธอเป็นพิเศษกว่าผู้ชายคนไหนๆ และมีความเป็นสุภาพบุรุษกับเธออย่างมาก ตั้งแต่เธอเป็นแฟนกับหนุ่มภาคมา หนุ่มภาคไม่เคยทำให้เธอเสียใจเลยแม้แต่สักครั้งเดียวสาวมิ้นจึงตัดสินใจพูดว่า 

“ได้ค่ะ แต่งานกันค่ะเราจะแต่งงานนะค่ะคุณภาค” หนุ่มภาคดีใจอย่างสุดๆ จนเก็บอาการไว้ไม่อยู่พร้อมกับแอ้มมือไปจับมือข้างซ้ายของสาวมิ้นและรีบทำการสวมแหวนให้กับนิ้วนางข้างซ้ายของแฟนสาวโดยทันที ประหนึ่งกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจ พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า  “เราจะแต่งงานเร็วๆ นะครับ ”  

“จริงเหรอคะ” 

“จริงครับ ผมเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้วครับ” และค่อยๆลุกขึ้นยืนพร้อมกับโอบกอดแฟนสาวอันเป็นที่รักโดยมีเสียงคลื่นและเสียงลมคอยบรรเลงเป็นเสียงดนตรีแห่งความรัก บรรยากาศทั้งโลกถูกยึดไว้ที่เพียงคนสองคนและแม้ว่าผู้คนริมหาดจะมากมายเพียงใดก็ตามแต่ในตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีแต่มิ้นและภาคเท่านั้นที่ยืนอยู่บนริมหาดทราย เมื่อความเงียบกำลังทำงาน หนุ่มภาคก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า 

“คุณมิ้นครับ มองขึ้นไปบนท้องฟ้าสิครับ” พร้อมกับชี้นิ้วไปที่ขอบฟ้า ก็พบว่าเครื่องยนต์พาราเซลบินกลับมาพร้อมกับข้อความว่า ‘ผมดีใจที่สุดเลย ผมรักคุณนะครับ’ ซึ่งมองได้อย่างชัดเจนด้วยตัวอักษรใหญ่ยักษ์ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและอ่านข้อความนั้นอีกครั้งพร้อมกับโอบกอดแฟนสาวและพูดขึ้นมาว่า 

“ผมรักคุณนะ คุณมิ้น ผมรักคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน”และสาวมิ้นก็พูดขึ้นมาว่า 

“ที่ห้องของอาจารย์ชไมพรใช่ไหมคะ” ชายหนุ่มตัดสินใจเฉลยทุกอย่างว่า 

“คุณไม่รู้จริงๆ ใช่ไหมครับ ผมชอบคุณมิ้นตั้งแต่ตอนที่ผมมาประชุมที่มหาลัยของคุณมิ้นนะครับ” 

“ประชุมอะไรเรอะคะ” สาวมิ้นทำหน้างงๆ 

“ประชุมเรื่องงานของผมนะครับ ผมเจอคุณมิ้นเดินอยู่ริมถนน สงสัยว่ากำลังจะต้องเดินไปทานอาหารที่โรงอาหารของมหาลัยแน่ๆ ” พร้อมกับหัวเราะในลำคอสาวมิ้นจับสังเกตอาการหัวเราะในลำคอได้จึงกำมือและทุบบนอกเค้าอย่างเบาๆทำเอาแฟนหนุ่มถึงกับร้อง  

“โอ้ย”อย่างเบาๆ 

“ทำไมล่ะ ไปทานข้าวที่โรงอาหารมันเป็นยังไงหรอ ” หนุ่มภาคจึงพูดต่อว่า 

“ผมเห็นคุณมิ้นกำลังเดินอยู่หลายครั้งแล้ว และผมก็ขับรถผ่านคุณมิ้นหลายครั้งหลายคราว คุณเตะตาผมมาก แล้วคุณไม่เห็นผมจริงๆ หรอ คุณไม่เห็นผมใช่ไหม ผมขับรถผ่านเจอคุณมิ้นตั้งหลายรอบ จนผมคิดว่าต้องมีอะไรช่างดลใจให้ผมได้พบกับผู้หญิงคนนี้หลายครั้ง ผมผ่านหลายรอบมากจนผมคิดในใจว่าหรือฟ้าจะส่งคนนี้มาเป็นแม่ของลูกผม” พร้อมกับเฉลยว่า 

“งานวิจัยของผมที่ให้คุณทำนั้นมันเป็นข้ออ้างข้อนึง ที่ทำให้ผมได้ใกล้คุณมิ้นและรู้จักคุณมิ้นมากกว่าเดิม” และเค้าก็อธิบายต่อว่าเค้ายังใช้เวลาสืบอยู่ตั้งนานกว่าจะรู้ว่าคุณมิ้นเป็นผู้ช่วยของอาจารย์ชไมพร สาวมิ้นเลยหน้าขึ้นมามองทั้งที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มพร้อมกับกำมือและทุกบนหน้าอกเบาๆ อีกครั้งและพูดว่า 

“บ้าจริงๆ คุณภาครู้ไหมมิ้นจริงจังกับงานวิจัยมากแค่ไหน” 

“ผมรู้ครับว่า คุณจริงจังมากเพราะตลอดเวลาที่ผมอยู่กับคุณ ผมดูมาโดยตลอดว่าคุณจริงจังกับงานวิจัยมากแค่ไหน จนแทบจะไม่สนใจอะไรในตัวของผมเลยแต่สำหรับผมงานวิจัยไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป การมีคุณอยู่ข้างๆ และเป็นแม่ของลูกผมคือสิ่งที่สำคัญที่สุด”  

“ผมขอโทษนะ” เมื่อหนุ่มภาคได้ทำการเฉลยความจริงไปหมด ก็ยิ่งกอดสาวมิ้นอย่างแน่นขึ้นกว่าเดิมคล้ายๆกับว่าความในใจและความเป็นกังวลใจของเขาได้คลายปมออกหมดแล้ว และก็รู้สึกดีใจว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมางานวิจัยของเค้าทำให้เขารู้จักสาวมิ้นมากขึ้น ว่าสาวมิ้นเป็นคนที่จริงจังกับงานมากแค่ไหนและเธอเป็นผู้หญิงที่ละเอียดตั้งใจทำงานและจริงจังกับเนื้องานจนทำให้เขารู้สึกว่าเขาเลือกคนที่จะมาเป็นแม่ของลูกไม่ผิด  ยิ่งมารู้ทีหลังว่าคุณมิ้นรู้จักกับยายวรรณน้องสาวของเค้ายิ่งทำให้เค้าดีใจมากขึ้นเดิม 

“คุณดีใจไหมคะที่เราสองคนกำลังจะแต่งงานกัน”ภาคถามซ้ำ 

“ดีใจค่ะ” สาวมิ้นยิ้มพร้อมกับมองหน้าหนุ่มภาค 

“คุณไม่รังเกียจใช่ไหมที่จะเป็นแม่ของลูกผม” 

“ไม่เลยค่ะ”  

คุณมิ้นดีใจไหมครับ” 

 “ดีใจค่ะ” มิ้นตอบรับสั้นๆ 

แล้วเราจะแต่งงานเมื่อไหร่ดีครับ เร็วที่สุดดีไหมครับ” ยังไม่ทันที่หนุ่มภาคจะเอ่ยปากถามต่อสาวมิ้นก็ตอบเสียแล้ว 

รองานวิจัยให้จบก่อนดีไหมค่ะ มันก็เหลืออีกไม่เยอะแล้วนะคะ” มิ้นตอบ

คุณไม่อยากทำงานวิจัยให้จบก่อนเรอะค่ะ”มิ้นถามซ้ำด้วยความอยากรู้ 

“ถ้าคุณมิ้นอยากทำงานวิจัยให้จบ ผมว่าเราเตรียมตัวจัดงานแต่งงานควบคู่กันเลยดีไหมครับ” 

“ดีค่ะ”มิ้นตอบ 

ทางด้านสาวมิ้นตลอดเวลาที่อยู่อ้อมกอดก็ได้แต่คิดในใจว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่โชคดีขนาดไหนเมื่อคิดไปคิดมาแล้วจึงตัดสินพูดขึ้นมาว่า 

“คุณรู้ไหม มิ้นเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดที่ได้เจอคุณ คุณภาครู้ไหมค่ะว่าทำไหม เพราะคุณภาคเป็นผู้ชายที่ละเอียดอ่อนสามารถจำรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ หรือแม้แต่อาหารมื้อแรกที่เราทานกันเมื่อ 3 ปีที่แล้วได้เลย” สาวมิ้นพูดไปหัวเราะไปพลาง นั่นคือสิ่งที่หาได้ยากสำหรับความเป็นผู้ชายทั่วไป นับตั้งแต่วันที่มีการฉลองครบรอบ 2 ปีที่ผ่านมาทำให้เธอมั่นใจในตัวผู้ชายคนนี้และเธอก็เลือกคนไม่ผิด สาวมิ้นเงยหน้าและมองเห็นหนุ่มภาคด้วยสายตาอันอ่อนโยนพร้อมกับพูดว่า 

“มิ้นอยากให้คุณภาคเป็นพ่อของลูกมิ้น คุณภาครังเกียจหรือเปล่าคะ” 

หนุ่มภาคยิ้มพร้อมกับโอบกอดสาวมิ้นแน่นขึ้นกว่าเดิมและพูดขึ้นมา 

“ไม่เลยครับ ไม่รังเกียจเลยครับ ผมดีใจเสียด้วยซ้ำ ผมนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีวันนี้ในชีวิตของผม ผมดีใจที่สุดเลยเราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุดดีไหมครับ” สาวมิ้นเงยหน้ามองหนุ่มภาคอีกครั้งก่อนที่จะยิ้มอย่างหวานชื่นใจแก่หนุ่มภาคๆ เองก็มองหน้าสาวมิ้นและก็อดไม่ได้เลยที่อยากจะบรรจงรอยจูบลงบนแก้มเธอเบาๆ และมองหน้าสาวมิ้นอีกครั้งแต่ในครั้งนั้นสาวออกอาการเขินจนหน้าแดงหลังจากที่โดนหอมแก้ม 

“คุณภาคเนี่ย” สาวมิ้งออกอาการสะบัดตัวเล็กน้อยผมก็พูดขึ้นมาว่า 

“ผมอยากแต่งงานตรงนี้คุณว่าดีไหม” สาวมิ้นงงและเงยหน้ามองคุณภาคและพูดว่า 

“ตรงนี้ ตรงไหนคะ”  

“ตรงที่ผมขอคุณมิ้นแต่งงานไงครับ” 

“ผมตัดสินใจแล้ว เราจะจัดงานฉลองงานแต่งงานที่ริมหาดดีไหมครับ เอ้าตรงนี้ี้ๆ ล่ะ”และพูดว่า 

“ผมฝันมาตลอดเลยว่าลูกคนแรกของผมอยากตั้งชื่อว่า ‘ทะเล’ เพราะมันเป็นที่แรกที่ทำให้พ่อกับแม่ของเขาได้รักกันดีไหมครับ” 

“ดีค่ะ” มิ้นตอบรับ 

“เราจะมีลูกด้วยกัน 3 คนผมตั้งชื่อลูกไว้แล้ว ลูกคนที่ 2 ชื่อว่า ’กอหญ้า’ ลูกคนที่ 3 จะชื่อว่า ‘ภูผา’ คุณว่าชื่อนี้เพราะไหมหรือเราจะตั้งชื่อใหม่กันดี” มิ้นหน้าขึ้นมองหนุ่มภาคที่มีสัดส่วนสูง 180 พร้อมด้วยแววตาอันเปี่ยมสุขพร้อมกับพูดว่า 

“คุณรู้ไหมคะ คุณทำให้มิ้นรู้สึกว่ามิ้นเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกเลยค่ะ มิ้นไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า คุณภาคตั้งชื่อลูกไว้หมดแล้วนี่เราจะมีลูกกัน 3 คนเลยหรอคะ” 

“ใช่ครับผมอยากมีลูก 3 คน คุณมีลูก 3 คนให้ผมเลยนะ” 

“โห จะไหวไหมเนี้ย แต่ได้ค่ะ มิ้นจะพยายาม”พร้อมกับอ้อมตัวเข้าไปในอ้อมแขนของแฟนหนุ่มพร้อมกับพูดว่า 

“คุณทำให้มิ้นดีใจจังเลยค่ะ ที่ได้แต่งงานกับผู้ชายอย่างคุณภาค ” ภาคยิ้ม 

“ผมดีใจที่ได้ยินคุณพูดแบบนี้” มิ้นแอบยิ้มและแอบคิดคนเดียว ว่าปกติผู้หญิงจะต้องดีใจมากแต่ไงคู่ของเธอกลับเป็นหนุ่มภาคที่ดูดีใจผิดปกติ และไหนเลยจะตั้งชื่อลูกเตรียมไว้แล้วอีก ถ้าปกติทั่วๆ ความฝันเรื่องแต่งงานต้องเป็นผู้หญิงและทางผู้หญิงหรือเปล่าที่ต้องเป็นฝ่ายคิดว่าจะมีลูกกี่คนและ ลูกจะต้องชื่ออะไรบ้าง มิ้นออกอาการงงกับคู่รักของเธอ แต่เธอก็ดีใจเพราะนั้นเป็นเพราะว่านั้นคือความตั้งใจและความละเอียดของคุณภาคซึ่งหาแทบไม่ได้แล้วในตัวผู้ชาย 

“ผมอยากให้ลูกมีชื่อที่ผมตั้งให้ เราใช้ชื่อนี้เลยนะ ทะเล กอหญ้า ภูผา” 

“ค่ะ” 

“ขอบคุณนะครับที่ให้ผมตั้งชื่อลูกเอง” ทั้งสองกอดกันจนกลมไปหมดท่ามกลางบรรยากาศริมหาดที่มีเพียงเสียงคลื่นทะเลเสียงนกร้อง พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินมากขึ้นกว่า ยิ่งทำให้สาวมิ้นรู้สึกว่าตนเองช่างเป็นผู้หญิงที่โชคดี จนกระทั่งเสียงหนุ่มภาคเอยขึ้นว่า 

“คุณมิ้นดูนั้นสิ”พลางชี้นิ้วไปที่ขอบฟ้า เสียงเครื่องยนต์พาราเซลที่ติดป้ายข้อความพลิ้วไปพลิ้วมาแต่พออ่านออกได้เขียนไว้ว่า ‘ทะเล กอหญ้า ภูผา ‘ 

“ โอ้โห คุณภาค ”  

“ผมเตรียมไว้หมดแล้วชื่อลูกผมก็ต้องชื่อไว้ ตามนี้นะคุณโอเคใช่ไหม” 

“โอเคค่ะ โอเค ” สาวมิ้นคิดในใจก็ตั้งชื่อเรียงไว้หมดแล้วใครจะกล้าขัดล่ะ พร้อมกับหัวเราะเบาๆ 

แล้วทั้งสองก็ยืนกอดกันดูพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ ตกทะเล และชีวิตคุู่ที่ค่อยๆ เริ่มต้นขึ้น

                  .................จบบริบูรณ์.................

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว