เดือนล้อมดาว (นิยายกะเทย)

Y

เดือนล้อมดาว (นิยายกะเทย)

เดือนล้อมดาว (นิยายกะเทย)

LoveArrow

Y

10
ตอน
145K
เข้าชม
429
ถูกใจ
319
ความคิดเห็น
399
เพิ่มลงคลัง

คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยX

นี่ฉันสอบติดคณะที่ตัวเองอยากเรียนได้แล้วจริงๆหรอ? แทบไม่อยากเชื่อเลย..

ก็ที่นี่น่ะสิ ถือว่าเป็นมหาลัยอันดับหนึ่งของประเทศเลยก็ว่าได้ แถมไอ้คณะที่ฉันสอบติดก็ไม่ใช่คณะกิ๊กก๊อกอะไรด้วย เพราะต้องใช้คะแนนแอดมิดชั่นโคตรสูง เผลอๆรองจากคณะแพทย์เพียงไม่กี่คะแนนด้วยซ้ำ

ทุกคนคงอยากรู้แล้วสินะ ว่าไอ้คณะที่ว่านี้คือคณะอะไร

คณะที่ว่านี้ก็คือ....คณะวิศวกรรมศาสตร์นั้นเองค่ะ ซึ่งตอนนี้ฉันก็กำลังยืนอยู่หน้าตึกคณะ โคตรตื่นเต้นเลยค่ะ แต่ก็ทำได้แค่กระโดดโล้ดเต้นอยู่ในใจ พล่างกวาดตามองไปรอบๆ ขอบอกว่าบรรยากาศที่นี่น่าเรียนๆสุดๆ ทั้งร่มรื่นและที่สำคัญเต็มไปด้วยผู้คน(หน้าตาดี)โดยเฉพาะผู้ชาย ไม่รู้ว่านอกจากจะคัดสมองแล้วมอนี่เขาขัดเรื่องหน้าตาด้วยรึป่าว ทั้งมอถึงได้มีแต่ผู้ชายหล่อๆเดิมไปหมด....

และนี่คงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่มหาลัยแห่งนี้เป็นมหาลัยในฝันของสาวๆหลายๆคน รวมถึงฉัน

ภายหลังจากเสร็จการสอบสัมภาษณ์ ตอนนี้ฉันเดินมาที่ลานเกียร์ซึ่งเป็นลานกิจกรรมของคณะวิศวะ มันเป็นลานกว้างๆที่ลายล้อมไปด้วยอาคารเรียนและตึกกลางของคณะ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ มีโต๊ะมากมายให้นักศึกษามานั่งชุมนุมจับกลุ่มเมาส์มอยกันในช่วงเวลาพักเที่ยง ดังนั้นที่แห่งนี่เลยกลายเป็นเสมือนจุดรวมพลขนาดย้อมของคณะไปโดยปริยาย อีกทั้งยังอยู่ใกล้โรงอาหารของคณะอีกด้วย ทำให้เวลานี้ที่ตรงกับช่วงพักกลางวันคนเลยดูเยอะเป็นพิเศษ

ฉันที่อยู่ในชุดนักเรียนนานาชาติลายสก๊อตสีเท่าอ่อนกวาดตามองไปรอบๆด้วยความรู้สึกประหมาเล็กน้อย นั้นเพราะไม่มีใครที่ใส่ชุดเหมือนกับฉันเลย เลยทำให้ตอนนี้ฉันตกเป็นเป้าสายตาจากใครหลายๆคน

ฉันพยายามทำตัวเองให้เล็กและเดินตรงไปยังโรงอาหารของคณะ แต่ในขณะที่ฉันกำลังเดินมุ่งหน้าไปโรงอาหารของคณะอยู่นั้น ระหว่างทางจำเป็นต้องเดินผ่านโต๊ะรุ่นพี่ผู้ชายกลุ่มหนึ่ง ดูท่าแล้วคงปากปีจอไม่เบา ยิ่งได้ข่าวมาว่าพวกผู้ชายวิศวะเนี้ยขึ้นชื่อเรื่องแซวสาวๆอยู่ด้วย ไอ้เราก็พยายามทำตัวเล็กๆ แต่แล้วจู่ๆก็มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นตะโกนขึ้นมา…..

“เดินดีๆนะน้อง ระวังสะดุดลานเกียร์นะครับ”

ฉันตกใจเฮือก ชะงักเท้าทันทีเพราะกลัวจะสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง อย่างที่พี่เขาเตือนไว้ จนถูกคนที่เอาแต่เดินก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ตามมาจากด้านหลังชนเข้าเต็มๆ

ก็ปลิวสิคะรออะไร….

แต่โชคดี…ที่คนที่เดินมาชนฉันเขาคว้าตัวฉันไว้ได้ทัน

ร่างที่ไร้ซึ้งการทรงตัวของฉันเลยกระแทกเข้ากับแผงอกของชายคนนั้นไปเติมๆ เรียกได้ว่าหน้ามุดอก จนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆเลยล่ะ ทำเอาเครมจนลืมไปชั่วขณะว่าโลกนี้มีแรงโน้มถ่วง

ด้วยแรงกระแทกเลยทำให้ทั้งเขาและฉันพากันล้มไม่เป็นท่า แต่ดีหน่อยที่ฉันล้มไปทับลงบนตัวผู้ชายคนนัั้นเลยไม่เจ็บอะไรมาก ส่วนเขาละก็…..คงจุกหน้าดู ก็น้ำหนักฉันมันไม่ได้น้อยๆเลยนี่หน่า ถึงแม้หุ่นจะดีมากๆก็ตามเถอะ

แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือ……

ฉันดันล้มไปหอมแก้มเขาเต็มๆนี่สิ!!

“เชี้ยยยย” เสียงอุทานอย่างพร้อมเพียงกันของรุ่นพี่โต๊ะใกล้ๆดังขึ้น ทำให้สายตาหลายคู่หันมามองเหตุการณ์สะดุดล้มจูบนี้กันให้ควั่ก ก่อนที่จะเริ่มมีเสียงซุบซิบคุยกันตามมา

“เหี้ย!!” ส่วนนี้ฉันเอง ฉันรีบยันตัวลุกขึ้นจนลืมไปว่าตัวเอกใส่กระโปรงทรงเอที่รัดยิ่งกว่ากางเกงในวาโก้อยู่

มันก็เลย…

แขว็กกกกกกก แหวกขึ้นมาถึงขาอ่อน จนรู้สึกได้ถึงสายลมเย็นๆที่พัดผ่านเข้ามา

“กรี้ดดดดดดดด” ฉันรีบใช่ทั้งสองมือของตัวเองปิดรอยขาดของกระโปรงเอาไว้ ทั้งที่รู้ว่ามันปิดยังไงก็ไม่มิด แต่คิดว่าอย่างน้อยไม่เห็นเป็ดน้อยของฉันก็พอล่ะว่ะ

“เห้ยคุณ” ไอ้คนที่นอนจุกอยู่บนพื้นถึงกับเบิกตาทะหล่น แม่งต้องเห็นกกนฉันแล้วแน่ๆ

ตานั้นตาลี่ตาเหลือกรีบถอดเสื้อกันหนาวมาคุ้มให้ทันที

แต่ฉันคิดว่าหลายคนคงเห็นแล้วแน่ๆว่าวันนี้ฉันใส่กางเกงในสีชมพูมา  ให้ตายเถอะ…. แม่!!!

“เป็นอะไรป่าวคุณ?” นายตัวต้นเหตุเอ่ยถาม จับฉันพลิคตัวไปมาเพื่อสำรวจ ฉันตวัดสายตาอันเกี้ยวกราดขึ้นไปมองค้อน

“……..” แต่พอเห็นหน้านายตัวต้นเหตุชัดๆ ฉันถึงกับพูดไม่ออก

แว็ปแรกยอมรับเลยค่ะว่าอึ้งเหมือนโดนมนต์สะกดเลยเผลอมองซะนาน

ไม่ให้อึ้งได้ไงละคะ ก็ตานี่นะสิแม่งหล่อชิบหาย คิ้วเข้ม ตาคม จมูกโด่ง แถมยังข๊าวขาว ขาวชิบหาย  ขาวเหี้ยๆ คนอะไรทั้งขาวทั้งเนียนได้ขนาดนี้ อยากจะถามซะจริงว่าชีวิตเคยโดนแดดบ้างป่ะเนี้ย

แต่ความหล่อตามแบบฉบับผู้ชายในอุดมคติของฉันไม่ได้ช่วยให้ฉันรู้สึกขายหน้าน้อยลง เผลอๆจะขายขี้หน้ามากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

“อย่ามายุ่งกับฉัน” ฉันรีบหมุนตัวหนี จับเสื้อที่เขาให้มามัดเอวแบบลวกๆ

“เพราะนายคนเดียว เดินไม่ดูตามาตาเรือ เลยทำให้ฉันต้องขายหน้าแบบนี้”

“อ้าวคุณ ใครจะไปรู้ละว่าคุณจะหยุดเดินดื้อๆแบบนั้น”

“นี่นายไม่คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดบ้างเลยรึไง”

“ไม่นิ ก็คุณนั้นล่ะที่ผิด ถ้าคุณไม่หยุดเดินกระทั้งหันแบบนั้น ผมก็คงไม่เดินชนคุณ คุณก็คงไม่ต้องล้มมาหอมแก้มผม” คือมันจะดีมากถ้าไม่พูดย้ำเรื่องหอมแก้ม

“นายนี่มัน……” ฉันหมดคำจะเถียงต่อ ได้แต่ถอนหายใจทิ้งลูกใหญ่ก่อนเดินหนีออกมา ไม่อยากจะอยู่สานต่อความยาวสาวความยืดอะไรทั้งนั้น อายยย

“เห้ยเดี๋ยวสิ จะรีบไปไหนน่ะ?”

“จะอยู่ให้อายทำไม” ฉันหันกลับไปตอบ และแอบได้ยินโต๊ะพี่ผู้ชายข้างๆซุบซิบกันด้วย ทำนองว่า....

“อีกคู่แน่ๆ”

“ลานเกียร์นี่มันศักดิ์สิทธิ์จริงๆนะเว้ยว่ามั้ย? ไหนมึงลองไปสะดุดมั้งดิเผื่อจะมีแฟนกับเขามั้ง”

“กูจิ้นคู่นี้ว่ะมึง” และอีกบลาๆๆ  ให้ตาย..... อยู่ต่อก็มีแต่อายกับอาย เผ่นสิค่ะรออะไร

“เดี๋ยวคุณ!....นั้นเสื้อผมนะ” ฉันชะงักกึก เออจริงด้วย เอาไงดีละเนี้ย….

ซื้อต่อแม่ง!

ฉันหันกลับมาอีกครั้งพร้อมควักแบงค์พันในกระเป๋าเอาไปยัดใส่มือหมอนั้นแบบลวกๆ

“ถือซะว่าฉันซื้อเสื้อต่อจากนายก็แล้วกันนะ โอเค้?  เสื้อผ้ามือสองราคาหนึ่งพันนี่ถือว่าแพงมากเลยนะ” คนรับก็รับไปแบบงงๆ

“เดี๋ยวสิคุณ”

“อะไรอีกล่ะ?” ฉันหันควับกลับมาไปมองด้วยความหัวเสียนิดๆ ไปไม่ถึงไหนซักที เดี๋ยวๆๆๆอยู่นั้นแหละ

“ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”

“เออ.....

“ฉันชื่อ…….”

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (1)

5.0