คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย X
นี่ฉันสอบติดคณะที่ตัวเองอยากเรียนได้แล้วจริง ๆ เหรอ? แทบไม่อยากเชื่อเลย...
ก็ที่นี่น่ะ ถือว่าเป็นมหา’ลัยอันดับหนึ่งของประเทศเลยก็ว่าได้ แถมคณะที่ฉันสอบติด ยังเป็นคณะที่ต้องใช้คะแนนแอดมิชชันโคตรสูง เผลอ ๆ รองจากคณะแพทย์เพียงไม่กี่คะแนนเท่านั้น
ทุกคนคงอยากรู้แล้วสินะ ว่าไอ้คณะที่ว่านี้คือคณะอะไร...
คณะที่ว่านั้นก็คือ คณะวิศวกรรมศาสตร์ค่ะ! และตอนนี้ฉันก็กำลังยืนอยู่หน้าตึกคณะ บอกตรง ๆ ว่าโคตรตื่นเต้น แต่ก็ทำได้แค่กระโดดโลดเต้นอยู่ในใจเท่านั้น
ฉันกวาดตามองไปรอบ ๆ บรรยากาศที่นี่น่าเรียนสุด ๆ ทั้งร่มรื่น และที่สำคัญ...เต็มไปด้วยผู้คน (หน้าตาดี) โดยเฉพาะผู้ชาย ไม่รู้ว่ามหาลัยนี้นอกจากจะคัดสมองแล้ว เขายังคัดหน้าตาด้วยรึเปล่า ถึงได้มีแต่ผู้ชายหล่อ ๆ เดินไปมาทั่วมอ
และนี่ก็คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่มหาลัยแห่งนี้เป็นมหาลัยในฝันของสาว ๆ หลาย ๆ คน รวมถึงฉันด้วย
ฉันเพิ่งเสร็จจากการสอบสัมภาษณ์ และกำลังเดินผ่าน “ลานเกียร์” ลานกิจกรรมของคณะวิศวะ เป็นพื้นที่กว้าง รายล้อมด้วยอาคารเรียนและตึกกลางของคณะ ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ มีโต๊ะให้นักศึกษานั่งจับกลุ่มคุยกันในช่วงพักเที่ยง ที่แห่งนี้เลยกลายเป็นจุดรวมพลของคณะไปโดยปริยาย แถมยังอยู่ใกล้โรงอาหารอีกด้วย ทำให้ช่วงกลางวันคนเลยเยอะเป็นพิเศษ
ฉันในชุดนักเรียนนานาชาติลายสก็อตสีเทาอ่อน กวาดตามองรอบ ๆ ด้วยความประหม่าเล็กน้อย เพราะไม่มีใครแต่งชุดเหมือนฉันเลยนี่สิ เลยตกเป็นเป้าสายตาของใครหลายคน
ฉันพยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ เดินตัวลีบมุ่งหน้าตรงไปยังโรงอาหาร แต่ระหว่างทางต้องเดินผ่านโต๊ะรุ่นพี่ผู้ชายกลุ่มหนึ่ง ท่าทางปากปีจอไม่เบา ยิ่งได้ข่าวว่าผู้ชายวิศวะขึ้นชื่อเรื่องแซวสาว ๆ ไอ้เราก็พยายามก้มหน้าเลี่ยงสายตา
แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีพี่ผู้ชายคนนึงในกลุ่มตะโกนขึ้นมาว่า…
“เดินดี ๆ นะน้อง ระวังสะดุดลานเกียร์นะครับ!”
ฉันตกใจเฮือก หยุดเดินทันที กลัวว่าจะสะดุดอะไรตามที่พี่เขาเตือน
จนถูกคนที่เดินก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ตามมาข้างหลังชนเข้าเต็ม ๆ
ก็ปลิวสิคะ รออะไร…
แต่โชคดีที่คนคนนั้นคว้าตัวฉันไว้ได้ทัน ร่างไร้การทรงตัวของฉันเลยกระแทกเข้ากับแผงอกของเขาเต็ม ๆ
แรงกระแทกทำให้เราล้มลงไปทั้งคู่ ดีที่ฉันล้มทับเขาเลยไม่เจ็บมาก แต่เขาล่ะ…คงจุกน่าดู น้ำหนักฉันไม่ได้น้อย ๆ เลยนี่หน่า
แต่ที่แย่กว่านั้นคือ…
ฉันดันล้มไป “หอมแก้ม” เขาเต็ม ๆ !!
“เชี้ยยยย!”
เสียงอุทานของรุ่นพี่โต๊ะใกล้ ๆ ดังขึ้นพร้อมกัน สายตาหลายคู่หันมามอง ก่อนเริ่มมีเสียงซุบซิบ…
“ลานเกียร์แม่งเอาเรื่องว่ะ”
ฉันเองก็เผลออุทานออกมา “เหี้ย!!”
ก่อนรีบยันตัวลุกขึ้นยืน จนลืมไปว่ากระโปรงทรงเอของฉันมันรัดยิ่งกว่ากางเกงในวาโก้ พอขยับแรง ๆ มันก็…
แขว็กกกกกกก! แหวกขึ้นมาถึงขาอ่อน
“กรี๊ดดดดดด!”
ฉันรีบใช้สองมือปิดรอยแหวกไว้ แม้รู้ว่าปิดยังไงก็ไม่มิด อย่างน้อยขอแค่ไม่เห็น “เป็ดน้อย” ของฉันก็พอ
ใช่ค่ะ…กางเกงในลายเป็ด ไม่ใช่เป็ดอย่างที่คิด
อีตาคนที่นอนจุกอยู่เบิกตากว้าง รีบถอดเสื้อคลุมมาคุมให้ฉัน แต่ก็นะ…หลายคนคงเห็นไปแล้วว่า วันนี้ฉันใส่กางเกงในลายเป็ดมา ให้ตายเถอะ…
“เป็นอะไรรึเปล่าคุณ?” เขาถาม พลิกฉันไปมาเพื่อสำรวจ
ฉันตวัดสายตาอันเกรี้ยวกราดขึ้นไปมอง แต่พอเห็นหน้าชัด ๆ ถึงกับพูดไม่ออก
แม่ง…หล่อฉิบหาย คิ้วเข้ม ตาคม จมูกโด่ง สูงน่าจะเกือบ 190 เพราะฉันที่สูง 170 กว่า ๆ ยังสูงแค่ไหล่ของเขา แถมยังขาวเนียนเหมือนไม่เคยโดนแดดมาก่อนในชีวิต
แต่ความหล่อก็ไม่ได้ช่วยให้ฉันรู้สึกอายน้อยลงเลย กลับกัน…อายยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
“อย่ามายุ่งกับฉัน” ฉันหมุนตัวหนี สลัดมือเขาออก ก่อนมัดเสื้อคลุมไว้ที่เอวลวก ๆ
“เพราะนายคนเดียว เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ” พูดจบก็สะบัดตัวออกมา
“อ้าวคุณ ใครจะไปรู้ว่าคุณจะหยุดเดินดื้อ ๆ แบบนั้น” เขาก้าวขายาว ๆ มาขวางหน้า
ให้ตายเถอะ ตานี่ขายาวจังวะ
“นี่นายไม่คิดว่าตัวเองผิดบ้างเหรอ?” ฉันจ้องหน้าหล่อเขม็ง
“ไม่นี่ ก็คุณหยุดเดินกะทันหัน ผมถึงเดินชนคุณ แล้วคุณก็…หอมแก้มผม”
โอ้โห ย้ำอีก! แค่นี้ก็อายจะตายอยู่แล้วนะเว้ย!
“นายนี่มัน…” ฉันถอนหายใจแรง หมดคำจะเถียง เดินหนีอีกรอบ
“เห้ย เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหนน่ะ?”
“จะอยู่ให้อายทำไมล่ะ” ฉันแอบได้ยินโต๊ะรุ่นพี่ข้าง ๆ ซุบซิบ
“อีกคู่แน่ ๆ”
“ลานเกียร์นี่ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ นะเว้ย”
“กูจิ้นคู่นี้ว่ะ”
โอ๊ย! ยิ่งอยู่นานยิ่งอาย หนีสิคะรออะไร!
“เดี๋ยวคุณ! นั่นเสื้อผมนะ”
ฉันชะงัก เออจริงด้วย…เอาไงดี?
ซื้อต่อแม่ง!
ฉันหันขวับกลับไป พร้อมกับควักแบงก์พันยัดใส่มือเขาแบบลวก ๆ
“ถือซะว่าฉันซื้อเสื้อต่อแล้วกัน โอเค้? เสื้อผ้ามือสองพันนึงนี่แพงมากเลยนะ”
เขายังยืนงง มองเงินในมือ
“เดี๋ยวสิคุณ!”
“อะไรอีกล่ะ?” ฉันหันขวับไปอย่างหัวเสีย
“ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”
“อ๋อ…
ฉันชื่อ…”