หลายๆคนอาจจะเคยได้ยิน ปู่ ย่า ตา ยาย คนเฒ่า คนแก่สมัยก่อนๆ เล่าให้ฟังถึง "ผีเจ้าป่า เจ้าเขา ที่สิงสถิตอยู่ในป่า ที่มีหน้าที่ปกปักรักษาพื้นแผ่นดินป่าไว้มิให้ถูกบุกรุก" และที่สำคัญเวลาจะเดินทางไปป่า ไปเขา ควรไหว้เจ้าที่เจ้าทางและขอขมาในสิ่งที่เราได้ทำไปในทุกๆครั้งที่ป่าที่เขา ไม่ว่าจะตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม และสำคัญที่สุดคือ ห้าม ลบหลู่สิ่งศักสิทธิ์ในป่าในเขา โดย เด็ดขาด!!!
เมื่อนานมาแล้ว ประมาณปี พ.ศ.2493 ผมซึ่งอยู่ที่หมู่บ้านในตำบลเล็กๆ ในชนบทห่างไกลทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ห่างจากประเทศลาว ไม่ถึง 10 กม.สมัยนั้นชื่อ อ.ด่านซ้าน จ.เลย ผมมีพี่น้อง 5 คนเป็นชานทั้งหมด ผมเป็นลูกคนที่ 4
วันหนึ่ง ผมได้เดินทางพร้อมกับญาติอีก 3 คน ไปยัง อ.ท่าลี่ เพื่อไปเอาควายมาทำนา เพราะญาติให้ยืม เราต้องเดินเท้าไปและค้างแรมกันกลางป่า การเดินทางสมัยก่อนนั้นยากลำบากมาก ต้องเดินเลาะริมแม่น้ำเหือง ซึ่งเป็นแม่น้ำกั้นเขตชนแดน ไทย-ลาว ขาไปแวะค้างคืนที่ป่าไผ่ ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำด้วย
ในเย็นวันนั้นอากาศเย็นสบายมากๆท้องฟ้าสว่าง เพราะมีแสงเดือนแสงดาวส่องลงมา ทำให้มองเห็นแม่น้ำเหืองไหลกระทบก้อนหินเป็นภาพที่สวยงามมากๆ ขณะนั้นผมได้เหลือบเห็นปลาเป็นจำนวนมากว่ายวนจนน้ำกระจายอยู่บริเวณโขดหินฝั่งลาว ซึ่งอยู่ไกลออกไปประมาณ 20 กว่าเมตร จึงชวนน้าผู้ชายซึ่งเป็นผู้ใหญ่ไปจับปลาเพื่ีอนำมาเป็นอาหารเย็น ที่ตรงนั้นมีก้อนหินเล็ก ใหญ่โผล่พ้นน้ำอยู่มากมาย พอที่จะใช้เดินข้ามไปอีกฝั่งได้ ชาวบ้านเรียกที่นี่กันว่า "แก่งเต้น" พอไปถึงก็เจอปลาตัวใหญ่จำนวนมากว่ายน้ำ ผมกับน้าชายไม่รู้จะจับด้วยวิธีไหนก็เลยตัดสินใจใช้มีดยาวฟันลงไปที่ปลากะจะให้ตายสัก 2-3 ตัวขณะที่ฟันน้ำก็กระเด็นเซ็่นซ่านไปทั่วใบหน้าของผมกับน้าชายจนมองอะไรไม่เห็น พอตั้งสติได้ก็เอามือลูบหน้าเอาน้ำออก มองหาปลาในน้ำก็ไม่มีแล้วสักตัวเดียว ทันใดนั้นท้องฟ้าก็มือครึ้มลมพัดแรงมากฝนตกลงมาทันทีจนทำให้ผมกับน้าชายวิ่งล้มลุกคลุกคลานกับมาฝั่งไทย โชคดีที่ตอนฝนตกนั้นมีฟ้าแลบทำให้พอมองเห็นก้อนหินเดินกลับได้ คืนนั้นพวกเรา 4 คนต้องเดินทางต่อให้ถึงบ้านญาติ
วันรุ่งขึ้นพวกเราทั้ง 4 คนได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ญาติๆได้ฟัง ญาติๆเขาบอกกันว่าห้ามนอนตรงนั้นเพราะมีคนเล่าต่อๆกันว่าตรงนั้นมีผีดุมาก มีคนโดนหลอกมาหลายรายแล้ว พอขากลับพวกเราทั้ง 4 คันรีบเดินให้ผ่านจุดๆนั้นให้ไวที่สุด แต่เนื่องจากมีควายมาด้วยจึงทำให้การเดินทางนั้นช้าลง หลังจากที่ผ่านจุดๆนั้นมาประมาณ 1 กม. เศษๆ พวกเราทั้ง 4 คนก็หยุดพักค้างแรมกันที่นั่น ชาวบ้านเรือกที่ ที่นั่นว่า "วังน้ำ" ตอนหัวค่ำก็ยังมีแสงพระจันทร์ส่องลงมาจากท้องฟ้า พอตกดึกขณะที่พวกเรานอนหลับกันอยู่นั้น จู่ๆผมก็ต้องตกใจเมื่อเห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ เดินเข้ามาแล้วถามว่า "มึงใช่ไหม ? ที่เอามีดมาฟันแทงลูกหลานกุจนเจ็บไปหลายคน" จากนั้นผมก็ตื่นขึ้นมา จากนั้นก็ได้ยินเสียงสัตว์ป่าดังมากมาจากทางฝั่งลาว เสียงของมันดัง "อ้า ลุ่มๆๆ" พร้อมกันนั้นเองก็มีเสียงไม่ไผ่หักโค่นลงมาทำให้ทุกตกใจตื่นขึ้นมากันหมด ควายที่เอามาก็ตกใจหูตั้ง หางชี้ ผมถามน้าชายว่าเกิดอะไรขึ้น แต่น้าไม่ตอบเห็นน้าพนมมือไหว้ปากพรึมพรำๆผมและทุกคนก็พนมมือไหว้ตามน้าชายตามอัตโนมัต ต่อมาเสียงนั้นค่อยๆเงียบลง ทุกคนกลัวมากๆแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอกมาได้แต่นั่งพนมมือนึกถึงสิ่งศักสิทธิ์ให้ช่วยคุ้มครอง น้าชายพูดขึ้นมาว่า "พวกเราโดนผีโป่งค่างหลอกเข้าแล้ว" (ผีโป่งค่างเป็นผีประจำอยู่ในป่าเกิดจากสัตว์ที่ถูกฆ่าตาย กลายเป็นปีศาจมาหลอกหลอน) หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งคุยกันไม่มีใครกล้าหลับ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับตัวผมถึงมันจะนานมามากแล้วแต่ก็ไม่เคยลืมเลือนไป นึกถึงเรื่องนี้ทีขนลุกทุกที!!!
ขอขอบคุณ
ศศิศ/เลย