ร้าย...จนรัก chapter : 16
ตัวผมถูกลากมาจนถึงห้องนอน ถูกผลักลงเตียงอย่างแรงจนเจ็บไปทั้งแผ่นหลัง มันขึ้นคร่อมผมอย่างเร็ว จับผมมันขึงกับโครมไฟเหนือหัวเตียง ผมดิ้นผมขัดขืนด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่มันแรงเยอะมาก บีบข้อมือผมทีหนึ่งก็เจ็บเข้าไปถึงกระดูก
เสื้อผ้าของผมถูกฉีกขาดเป็นชิ้นๆ ทุกอย่างมันดูรุนแรงไปหมด รุนแรงและโหดร้ายกว่าทุกๆครั้งที่ผ่านมา แววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกี้ยว กับเรี่ยวแรงมหาศาลและความหยาบโลน ทำร้ายร่างกายผมซ้ำๆวนไปมาหลายชั่วโมง
ตอนนี้ผมมีสภาพไม่ต่างจากครั้งแรกที่เราเจอกัน ตามตัวผมมีแต่รอยฟันคมของมันที่ขบกัดลงมาแทบจะจมเขี้ยว เจ็บจนบ้างครั้งก็ได้กลิ่นคาวเลือดลอยมา กิจกรรมชั่วช้าที่ถูกเลือกเป็นบทลงโทษดำเนินมาหลายชั่วโมง ผมได้แต่นอนนิ่งปล่อยให้มันกระทำจนกว่าจะพอใจ
การปลดปล่อยครั้งสุดท้ายจบลง ก่อนที่ไอ้คนชั่วช้าจะค่อยๆถอดแกนกายของมันออกไป น้ำของมันไหลออกมาตามแรงโน้มถ่วง ชวนให้รู้สึกขยะแขยงจะแทบทนไม่ไหว มือของผมถูกปล่อยให้เป็นอิสระอีกครั้ง
“พอใจหรือยัง”ผมมองหน้ามันด้วยความผิดหวัง น้ำตาที่ไม่เคยไหลมาตลอดการทรมานเมื่อครู่ กลับไหลออกมาจนน่าตกใจ
“................”มันมองผมด้วยใบหน้าแปลกใจ
“กูทำอะไรให้มึงโกรธขนาดนี้”ผมถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครืออย่างห้ามไม่ได้
“...”
“แค่กูอยากมีอิสระแค่2-3ชั่วโมงแค่นี้ กูทำไม่ได้ใช่ไหม!”ผมสติแตก เพราะความปวดร้าวของร่างกายและจิตใจ การกระทำชั่วร้ายพวกนี้เมื่อไหร่จะเลิกสักที เมื่อไหร่กัน
“แค่กูซื้อขนมถูกๆนั้นมาให้มึง กูก็ทำไม่ได้ใช่ไหม!”น้ำตาของผมไหลลงมาไม่ขาดสาย ตะโกนถามมันราวกับคนบ้า
“กู”มันดูตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด พยายามจะเข้ามาหาผม
“อย่ามาแตะตัวกู”ผมปัดมือที่กำลังจะเอื้อมมาถึงตัวออกอย่างไม่ใยดี ความรู้สึกของผมตอนนี้มีแต่ความเกลียดชั่ง เกลียดจนไม่อาจทนให้มันแตะต้องตัวผมได้อีก
ผมพยุงตัวเองลุกขึ้น ฝืนทนความเจ็บช่ำของร่างกายเดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
ผมไม่ไหว ไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมไม่รู้เพราะอะไรถึงทำให้ผมเสียใจขนาดนี้ กะอีกแค่ถูกมันทำรุนแรงกว่าครั้งที่ผ่านมานิดหน่อย เรื่องแค่นี้ทำไมผมจะต้องเสียน้ำตามากมายขนาดนี้ด้วย
ผมผิดเองที่คิดว่าทุกอย่างมันดีขึ้น ผิดเองที่คิดว่ามันจะดีกับผมแล้ว ผิดเองที่โง่คิดแบบนั้น และผิดเองที่หวังในตัวมัน
ผมขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำนานหลายชั่วโมง ไม่อยากจะเผชิญหน้ากับคนใจร้ายในตอนนี้ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็คงหนีไปไม่พ้นอยู่ดี
ผมอาบน้ำเสร็จทำใจได้สักพัก ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ กะว่าคงจะเห็นมันยืนทำหน้าสำนึกผิดอยู่หน้าประตู แต่เปล่าเลย ไม่มีวี่แววของมันเลย
บ้าดีเนอะ ถูกมันทำขนาดนี้ผมก็ยังหวังคำขอโทษจากมันอีก มันจะมาขอโทษผมทำไม ผมก็แค่ของเล่นที่มาเอามาเล่นฆ่าเวลา ไม่ได้มีความจำเป็นต้องใส่ใจหรือเห็นอกเห็นใจอะไรเลย
ความเจ็บระบมไปทั้งตัวเป็นเครื่องยืนยันสถานะของผมได้อย่างดี
ความเจ็บปวดของร่างการทำให้ผมรู้สึกเหมือนจะไม่สบาย ผมเลยเดินออกมาจากห้องนอนเพื่อจะมาหายากิน ก่อนจะเดินเข้าไปในครัว ผมก็เห็นซากขนมโมจิหยดน้ำ ที่กระเด็นเลอะเทอะ ไปทั่วพื้น ได้แต่แค่นหัวเราะในรำคอ สมเพชตัวเองที่คิดจะซื้อของแบบนี้มาให้มัน
ผมกลับเข้ามาในห้องหลังจากได้ยาแก้ปวด เผอิญเห็นยานอนหลับที่ผมได้จากหมอคนนั้นที่ช่วยรักษาผมในครั้งแรกที่ผมโดข่มขืน ยังเหลืออยู่2เม็ด ปกติผมจะไม่ค่อยกินยาพวกนี้เท่าไหร่ เพราะผมเป็นคนหลับง่าย ต่อให้เจอเรื่องเลวร้ายมาแค่ไหนผมก็หลับลงได้อย่างสบาย เพราะมันแค่ความเจ็บปวดภายนอก
มือของผมเอื้อมไปหยิบยาสองเม็ดนั้นเข้าปากพร้อมๆกับยาแก้ปวด
ทุกครั้งผมทดได้ แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ ผมคงหลับไม่ลงเพราะความเจ็บส่วนใหญ่มันดันเกิดขึ้นที่ข้างในไม่ใช่แค่ที่ร่างกายอย่างที่ผ่านๆมา
อย่างน้อยๆก็ขอแค่ในฝัน ที่ผมได้มีอิสระจากมันบ้าง
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ช่างอิ่นpart
ผมเพิ่งได้รับข้อความจากเด็กอวดดี ปฏิเสธ นัดข้อผมเมื่อไม่กี่นาทีก่อน สุดท้ายก็ได้แต่นั่งถอนหายใจแล้วพิมพ์ตอบตกลงไป ถึงจะหงุดหงิดไม่น้อยแต่ก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ เพราะช่วงนี้ใกล้จะเข้าสู่ช่วงสอบของเด็กมหาลัยแล้ว
“ค่ะท่าน”เลขาผมเดินเข้ามาในห้องหลังจากที่ผมกดเรียกไม่กี่วินาทีก่อน
“ยกเลิกโต๊ะที่ผมให้จอง”ผมบอกนิ่งๆไม่ได้แสดงท่าทีหงุดหงิดอะไรออกไป ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วผมอยากจะ เขวี้ยงทุกอย่างใกล้มือออกไปเพื่อระบายอารมณ์
“ค่ะท่าน”ร้านอาหารที่ผมจองไว้นั้นเป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่เพิ่งเปิดใหม่ เป็นร้านอาหารของเพื่อนผม เปิดว่าได้เดือนกว่าๆแล้วแต่ผมยังไม่มีโอกาสไปสักที ช่วงนี้พอว่างๆเลยกะว่าจะแวะไปสักครั้ง อีกอย่างช่วงนี้ไอ้เด็กนั่นก็ทำตัวดีเลยว่าจะพาไปด้วย คิดว่ามันคงดีใจที่ได้กินอะไรแปลกใหม่อร่อยๆบ้าง แต่กลับโดนยกเลิกกลางอากาศซะนี่
จะทำไงได้ล่ะครับ เลี้ยงเด็กก็แบบนี้ เรื่องเรียนคงมาก่อนเรื่องอื่น
ถ้าถามว่าทำไมครั้งนี้ผมถึงยอมง่ายๆก็ต้องบอกเลยว่า ไม่รู้เหมือนกันช่วงที่ผ่านๆมาผมทำตัวไม่ค่อยสมอายุเท่าไหร่นัก เหมือนบุคลิกเปลี่ยนไป ทั้งๆที่อายุก็ปามาขนาดนี้แล้ว ยังจะเปลี่ยนไปเพราะเด็กคนเดียวอีก แถมเป็นผู้ชายอีกต่างหาก
ช่วงหลังๆนี้ผมเลยเริ่มดึงสติตัวเองกลับมาอีกครั้ง อย่างน้อยๆตอนนี้มันก็ทำตัวดี ที่ผ่านๆมาผมมักจะคอยสั่งให้ลูกน้องตามประกบมันทั้งที่มหาลัยและที่อื่นๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้ตามตลอดหรอกนะครับก็แค่เฉพาะช่วงที่ผมว่างๆเท่านั้นแหละ ถึงจะมีลูกน้อยมากมายก็ใช่จะไม่มีงานอื่นให้ทำ
แต่จะให้ค่อยตามดูเด็กคนหนึ่งตลอดมันก็ออกจะเกินไปหน่อย อย่างน้อยๆผมก็ไม่คิดว่าตัวเองไร้สาระจนทำอะไรแบบนั้นพอผมไม่มีนัดแล้วผมก็เลยค่าเวลาโดยการเรียกประชุมผู้จัดการแผนก เพื่อสอบถามความเป็นไปของการทำงาน ซึ่งผมจะทำแบบนี้ทุกๆ3เดือนเพราะอยากจะทราบปัญหาของแต่ล่ะฝ่ายด้วยตัวเองจะได้จัดการได้อย่างทันท่วงที
การประชุดดำเนินไปอย่างน่าเบื่อหน่าย ทุกคนพยายามยกเอาเรื่องที่แผนกตัวเองทำดีขึ้นมาอวดอ้าง ทั้งๆที่บ้างครั้งมักก็แค่การทำหน้าที่ที่สมควรจะต้องทำแค่นั้นเอง
“ผมนั่งมองแต่ละคนค่อยๆอธิบายรายละเอียดต่างๆไปโดยที่ความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่พวกเขาพูดแทบจะไม่ได้เข้าหูผมเลยด้วยซ้ำ ยังไงเลขาก็คงจดสาระสำคัญจริงๆไว้ให้และผมคงได้รายงานไม่เกินเช้าของวันพรุ่งนี้
ติ๊ดๆ
เสียงแจ้งเตือนจากมือถือของผมดังขึ้น ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ จนผมพยักหน้าให้พูดต่อเขาถึงจะพูดต่อกัน กดมือถือดูก็เห็นเป็นอีเมลที่ไม่มีหัวเรื่องแนบมา แต่ทั้งๆแบบนั้นมันก็ไม่ได้อยู่ในอีเมลขยะ
พอกดเข้าไปดูก็เห็นมีไฟล์รูปแนบมา
เป็นรูปของคนที่ยกเลิกนัดผมกลางคันกับพี่รหัสของมัน กำลังนั่งจับมือถือแขนกันที่และภาพสุดท้ายทำให้ผมฉุนสุดคงหนีไม่พ้น ภาพที่ทั้งสองคนยืนหัวเราะยิ้มแย้มกันที่โรงหนังไม่ไกลจากมหาลัยของมันเท่าไหร่ มันอาจจะเป็นแค่ภาพเก่าๆที่ถ่ายตอนไหนก็ได้ ถ้าหากด้านหลังไม่มีจอรอบฉายของภาพพยนต์ ที่มีทั้งวันที่และเวลาอย่างชัดเจน
ตุ๊บ!
ผมโยนมือถือไปกลางโต๊ะประชุมอย่างเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ทั้งห้องเงียบกริบอีกครั้งทุกคนมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด เลขาผมเองก็ยังถอยห่างออกไปจากข้างโต๊ะผม
“ขอโทษที พวกคุณประชุมกันต่อได้เลย ลินจดรายละเอียดส่งรายงานให้ผมพรุ่งนี้เช้าด้วย ผมขอตัว”ผมหยิบมือถือเจ้าปัญหามาถือไว้แบบเดิมแล้วเดินออกจาห้องประชุมด้วยความหัวเสีย มีภาคเดินตามหลังมาติดๆ
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับนาย”ไม่บ่อยที่ภาคจะเป็นคนเอ่ยถามผมก่อน ครั้งนี้ผมคงทำตัวแปลกไปจริงๆ
“ช่วยไปตามคนๆหนึ่งให้หน่อย”ผมนั่งหันหลังให้ภาค มองออกไปที่วิวยามเย็นด้านนอกผนังกระจกเพื่อสงบสะติอารมณ์
“คุณน่านหรอครับ”
“ไม่ใช่”
“.......”
“รุ่นพี่มัน ไม่ต้องทำอะไรรุนแรง แค่อยากให้มันรู้สถานะตัวเองหน่อย”
“ครับ นาย”ในเมื่อแก้ปัญหาที่คนของตัวเองไม่ได้ ก็ต้องต้องแก้ที่ปัจจัยภายนอกซินะ
หลังจากสั่งให้ภาคไปจัดการ ผมก็ให้เสือขับมาส่งผมที่คอนโด ที่ผมซื้อให้มัน มานั่งวางแผนจัดการสั่งสอนให้มันกลับเข้าที่เข้าทางบ้าง
ว่าไม่ควรลืม ว่ามันเป็นของของใคร!
ผมนั่งกินวิสกี้รอไปเกือบครึ่งขวด มันก็กลับเข้ามา ทำหน้าตื่นตกใจที่เห็นผมคงจะกลัวผมรู้ความจริง ว่าที่มันยกเลิกนัดของผมและกลับดึกขนาดนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องเรียนอย่างที่อ้างไว้ ผมตรงเข้าไปกระชากตัวมันมาเพื่อจะสั่งสอนนิดๆหน่อยๆ เอาแค่ให้ไม่ลืมสถานะของตัวเอง แต่มันดันทำท่าทางหวงไอ้กล่องขนมลายปัญญาอ่อนนั้นโดยไม่ได้สำนึกถึงเรื่องที่ตัวเองทำผิดก่อนหน้านี้เลย
เราทะเลาะกัน ทุกอย่างเริ่มรุนแรง จนสุดท้ายผมก็เผลอลงมือตบมันเข้า และมันก็ยิ่งเลวร้ายขึ้นอีกเมื่อมันพูดในสิ่งที่ผมไม่
ต้องการได้ยินตอนนี้ที่สุดออกมา
ผมลากมันกลับเข้าห้องนอนเหวี่ยงมันลงเตียง ด้วยอารมณ์เดือดดาน ลงมือทำรุนแรงกว่าทุกๆครั้งตามแรงอารมณ์โดยไม่ได้สนใจเสียงร้องของคนใต้ร่างเลย
กว่าผมจะหยุดก็ตอนที่น้องชายของผมปลดปล่อยออกไปจนมันไม่สามารถแข็งตัวได้อีก
“พอใจหรือยัง”เมื่อกิจกรรมการลงโทษสิ้นสุดลง มันก็เปิดปากพูดกับผมอีกครั้งในรอบหลายชั่วโมงที่ผ่านมา
“................”มันร้องไห้ น้ำตาไร้สี กำลงไหลอาบแก้มของมันทั้งสองข้าง บอกตามตรงภาพนี้ทำเอาผมสะอึกเหมือนกัน
“กูทำอะไรให้มึงโกรธขนาดนี้”มันถามผมแทบจะไม่เป็นคำ
“...”เสียงสั่นจนเกือบฟังไม่รู้เรื่อง
“แค่กูอยากมีอิสระแค่2-3ชั่วโมงแค่นี้ กูทำไม่ได้ใช่ไหม!”จู่ๆมันก็ร้องไห้หนักขึ้นไปอีกแล้วยังตะโกนใส่หน้าผมเสียงดัง ถ้าเป็นคนอื่นผมคงเอื้อมไปตบแบบไม่ต้องลังเลแล้ว แต่ไม่ใช่กับมัน หรืออย่างน้อยๆก็ไม่ใช่เวลานี้
“แค่กูซื้อขนมถูกๆนั้นมาให้มึง กูก็ทำไม่ได้ใช่ไหม!”ภาพตรงหน้าไม่ทำให้ผมตกใจ เท่าคำพูดของมันที่เอ่ยออกมา ทำหน้าผมชาไปหมด สติที่เคยขาดผึงเริ่มกลับมาต่อกันอีกครั้ง
“กู”ผมพยายามจะดึงตัวมันเข้ามากอดปลอบ
“อย่ามาแตะตัวกู” แต่มันก็ปัดมือผมทิ้งแล้วรีบเดินหนีเข้าห้องน้ำไป
ทิ้งให้ผมนั่งลูบหน้าลูบตาเพื่อเรียกสติตัวเองกลับมา นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกผิดกับการทำร้ายใครสักคนในรอบหลายปีที่ผ่านมา ผมเคยทำร้ายคนมามากทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ แต่ก็ไม่เคยรู้สึกแย่เท่าครั้งนี้ ทั้งๆที่ความจริงมันก็ไม่ได้แตกต่างกับที่ทำกับคนอื่น แต่ทำไมผมต้องมาเกิดความรู้สึกแบบนี้ด้วย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมรู้สึกแบบนี้ แต่ก็ไม่มีครั้งไหนๆชัดเจนเท่าครั้งนี้
จนผมเริ่มรู้สึกว่า จากความรู้สึกหลงใหล กำลังเลื่อนขั้นกลายไปเป็นความรู้สึกแบบอื่น
แบบที่พิเศษกว่าใครทั้งหมดที่ผ่านมา
ติ๊ดๆๆ
ในระหว่างที่ผมกำลังนั่งกลุ้มใจกับสถานการณ์เลวร้ายตรงหน้า จู่ผมก็มีสายเรียกเข้า พอรับก็ทำเอามันหน้ามืดเมื่อได้ยินคำบอกของคนปลายสาย สุดท้ายผมก็ต้องรีบแต่งตัวเพื่อไปสนามบิน โดยที่ยังไม่ได้สะสางเรื่องตรงหน้า
“ไปสนามบินเร็วเลย”ผมแต่งตัวลวกๆแล้วรีบลงมาหาเสือที่รออยู่ที่ลานจอดรถ
“ครับ?”ผมรีบยัดตัวเองเข้ารถโดยไม่รอให้เสือเปิดประตูให้แบบทุกที
ให้มันได้อย่างนี้ซิ เกือบลืมไปเลย ว่าช่วงนี้ที่จีนถึงช่วงนั้นแล้ว
“ฮัลโหล ไอ้วิน กูมีเรื่องให้ช่วย”
(มาแปลก)ผมได้ยินเสียงสาวหลายคนดังสอดแทรกเข้ามา มันคงอยู่ที่บาร์ที่ไหนสักที
“มาดูอาการคนให้กูหน่อย ที่คอนโดเซนต์”ผมบอกรายละเอียด
(ค่าทำการนอกเวลากูแพงนะจะบอกให้)ไอ้วินเป็น กุมรแพทย์ชื่อดังของประเทศ มันเป็นเพื่อนสนิทที่สุดเท่าที่ผมมีในไทยแล้ว อ่อ มีอีกคนหนึ่งซิ ไอ้ชัท
“เอ่อน่า”
(แล้วทำไมต้องเป็นกูว่ะ หมอศักดิ์อ่ะ)หมอศักดิ์คือหมอที่ผมเคยเรียกมาตรวจน่านตอนที่มันไม่สบาย ส่วนใหญ่ผมจะเรียกใช้หมอ
ศักดิ์
“ไม่มีใครอยู่ด้วย กูไม่ไว้ใจกูกำลังไปรับ ฉิงฉิง กับจงชิง”ผมบอกเหตุผลไป จนสุดท้ายก็ได้เสียหัวเราะชุดใหญ่กลับมาแล้วตามด้วยคำตอบตกลง ผมเลนวางสาย รีบเร่งไปสนามบินต่อ
อย่างน้อยๆ ในเวลาที่ผมไม่อยู่ไอ้หมอวินคงเป็นคนเดียวที่ผมไว้ใจให้ดูแลมันได้
ENDช่างอิ่น
TBC.
เเวะมาลงให้ พร้อมเเจ้งข่าว
ตอนนี้เรื่องแก้คำผิดตอนเก่าๆยังไม่ถึงไหนเลย
เพราะมาตรงกับช่วงสอบพอดี เลยต้องหายหน้าหายตาไปอีก1-2อาทิตย์
เลยเเวะมาลงให้ก่อน ช่วงนี้คงมาลงนิยายไม่ได้ จนกว่าจะสอบเสร็จนะครัช จึงขออภัยมา ณ ที่นี้