ร้าย...จนรัก chapter 11
ร้าย...จนรัก chapter 11
ปอนด์part
“ป้าครับ เอาน้ำเต้าหู้ทรงเครื่องสองถุงครับ”ผมตื่นแต่เช้าเพื่อจะไปหาไอ้น่าน เลยกะแวะซื้อน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ไปฝากมันซะหน่อย
“เอ่อ ป้าครับไม่เอาลูกเดือยนะครับ”เกือบไม่ทันป้าแกกำลังจะตักลูกเดือยลงไม่ไปเลย ไอ้น่านมันไม่กินลูกเดือยครับมันบอกว่าแยะๆยังไงไม่รู้
ผมเจอกับไอ้น่านครั้งแรกเมื่อปีก่อน ผมยังจำได้ดีเลยวันนั้น ภาพเด็กปีหนึ่งที่แต่งตัวถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า กำลังยืนมองคนโน้นทีคนนี้ที เหมือนมันต้องการความช่วยเหลือ แต่จนแล้วจดรอดมันก็ไม่ถามใครสักคน ตอนนั้นผมนั่งอยู่ใต้คณะเตรียมตัวประชุมเรื่องรับน้องปีหนึ่งกับพวกพี่ปี3 ผมนั่งมองมันเกือบ15นาที ลุ้นว่ามันจะเอายังไงต่อ สุดท้ายก็อดใจไม่ไว้เลยเดินเข้าไปหามัน ถามว่าให้ช่วยอะไรไหม มันยิ้มหน้าบานโชว์ลักยิ้มเล็กข้างแก้มทั้งสองข้าง ตาชั้นเดียวแทบจะปิดเมือนกำลังดีใจกับอะไรสักอย่าง นั้นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่า คำว่าน่ารักมันใช้กับผู้ชายได้จริงๆ หลังจากนั้นผมก็ดันจับได้มันเป็นน้องรหัส ผมเลยตีเนียนเข้าไปตีสนิทกับมัน ถามไถ่สารทุกสุกดิบอยู่ทั้งเทอม โดยที่มันไม่รู้เลยว่าผมเป็นพี่รหัสมัน กว่ามันจะรู้ก็วันที่เขาเฉลยกันเลย ทีแรกแม่งตอบผิดอีกคิดว่าไอ้เทมเป็นพี่รหัสมัน ผมเลยสั่งแม่งลุกนั่ง100ที มันก็ทำไปขำไป เรียกรอยยิ้มให้คนทั้งคณะ สุดท้ายทำไปได้ครึ่งเดียวผมก็ใจอ่อน ยอมให้มันหยุด
หลังจากนั้นผมก็มักจะลากมันไปไหนมาด้วยตลอด เรียกได้ว่าเป็นแฝดสยามกันเลยก็ว่าได้ ไอ้น่านมันเข้าหาคนอื่นไม่เก่งเหมือนมันขี้อาย แต่ถ้าลองเข้าไปทักมันแล้ว มันก็พูดด้วยจนลิงยังต้องหลับ อีกอย่างหน้ามันมักจะง่วงตลอดเวลาเลยไม่ค่อยมีคนเข้าไปยุ่งกับมันเท่าไหร่ ไอ้น่านเป็นคนน่าตาดี ไม่ถึงขั้นหล่ออะไร แต่ก็ดูดี ใบหน้ารูปไข่รับกับตาชั้นเดียว พิมพ์เกาหลีนิยม จมูกก็โด่ง ปากมันบางๆแถมยังมีลักยิ้มอีก จริงๆแล้วสาวๆแอบเล็งมันกันไว้ทั้งนั้น แต่มันเป็นพวกความรู้สึกช้า ช้าจนดูโง่
ผมเคยเจอพ่อแม่ไอ้น่านครั้งหนึ่งตอนเปิดเทอม2 ท่านรักมันมากถึงพ่อมันจะดูดุๆ แต่จริงก็รักมันมาก ท่านฝากมันไว้กับผมเพราะไอ้น่านไม่ค่อยทันคนพ่อแม่ก็กลัวมันจะโดนคนหรือหลอกเอา ซึ่งก็จริงอย่างที่ท่านบอกมา ผมเคยพาฝากงานให้มัน มันก็ชอบทำงานของคนอื่นจนคนๆนั้นติดนิสัยแล้วกลายเป็นมันต้องทำงานแทนตลอด เพราะแบบนี้ผมผมเลยต้องค่อยดูมัน เพราะไม่อยากให้ใครเอาเปรียบมัน
“ได้แล้วจ้าสุดหล่อ”ผมรับน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ จากคุณป้าคนขาย พร้อมส่งเงินให้เธอ รับตังค์ทอนแล้วเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดี ปกติผมจะซื้อข้าวไปฝากมันครับ แต่วันนี้หนังที่ผมกับมันรอดูเข้าพอดี เลยกะจะชวนมันไปดูด้วยกัน แค่กินพวกนี้รองท้องไปก่อนแล้วค่อยไปกินที่ห้างอีกที
ก๊อกๆๆๆ
เงียบ~~~~~~
สงสัยมันจะยังหลับอยู่ ไอ้น่านมันขี้เซาครับ วันๆหนึ่งมันต้องนอนไม่ต่ำกว่า8ชั่วโมง ไม่งั้นมันจะไม่สบาย แต่บ้างทีมันก็นอนมากเกินไปจนไม่ได้ไปไหนมาไหน เพราะแบบนี้ผมเลยต้องค่อยหิ้วมันไปโน้นมานี่จะได้เข้าสังคมกับเขาเป็นบ้าง
ปังๆๆๆๆๆ
เลยทุบประตูเพื่อให้มันตกใจ คอยดูนะครับ มันจะหงุดหงิดออกมาเปิดประตู แล้วด่าทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา พอมันรู้ว่าเป็นผมมันก็ยิ้มแหยๆตาปิด ทำหน้าเอ๋อทันที เพราะทำหน้าแบบนั้นผมเลยโกรธมันไม่ลงสักที
“พี่ปอนด์”วันนี้มาแปลกครับ เหมือนมันตื่นก่อนหน้านี้แล้ว หมดสนุกเลยแหะ
“ถอยซิว่ะ กูอุตส่าห์ซื้อน้ำเต้าหู้มาให้ เสือกเปิดช้าอีก”มันยืนนิ่งขวางประตู ไม่ยอมเปิดทางให้ผม
“เดี๋ยวๆ พี่”มันดันตัวผมออก ไม่ยอมให้เข้าข้างใน
“อะไรของมึงเนี๊ย”วันนี้ไอ้น่านมันดูแปลกๆ ตามันลอกแลกเหมือนกำลังปิดบังบ้างอย่าง
“เอ่อ คือผม ผมไม่ค่อยสะดวกว่ะพี่ คือ ห้องผมมันโคตรรกเลยพี่ เพิ่งรื้อออกมามีแต่ฝุ่นเต็มไปหมดเลย พี่อย่าเข้าไปเลย”มันบอกพร้อมส่งยิ้มแห้งๆมาให้ ผมหรี่ตามองมันอย่างจับผิด
คิดแผนขึ้นได้ เลยแกล้งหันหลังเดินกลับแบบไม่อิดออด พอมันกำลังจะปิดประตูผมก็วิ่งเข้าไปผลักมัน จนมันเสียหลักผมเลยเข้ามาในห้องได้
“กกสาวหรอมึง ไหนดูหน้า....คุณช่างอิ่น”ผมหยุดเท้าตัวเองทันที เมื่อคนที่มันกกอยู่นั้นไม่ใช่สาวที่ไหน แต่เป็นผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ช่วงบนมีเพียงแค่ผ้าพันแผลพันอยู่รอบๆเอวเท่านั้น
ผมหันไปมองไอ้น่านอย่างต้องการคำอธิบาย มันก็ยืนทำหน้าเอ๋อๆ
เอ๋อเหมือนทุกวันที่ผมเคยได้เห็น แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่ชอบสีหน้าเอ๋อๆของมันเลยให้ตายซิ
“สวัสดีครับ”คนแปลกหน้าเอ่ยทักทายด้วยความเป็นมิตร รอยยิ้มจอมปลอมถูกส่งมาให้ผม แต่สายตาที่ส่งมานั้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกเยอะเย้ยอยู่เลย
ผมตัดสินใจเดินไปนั่งฝั่งตรงข้างกับคุณช่างอิ่น เรานั่งเผชิญหน้ากันโดยมีโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กคั้นกลาง
“เอ่อ โหยน้ำเต้าหู้เดี๋ยวเย็นหมด ผมเอาไปใส่แก้วก่อนนะพี่”ไอ้ตัวต้นเหตุ รีบเข้ามาดึงถุงน้ำเต้าหู้ไปจากผม แล้วรีบหนีไปอยู่ระเบียงหลังห้อง พอมันไปบรรยากาศก็ยิ่งตึงเครียดกว่าเดิม รอยยิ้มไมตรีเมื่อครู่หายไป เหลือเพียงสายตาเชือดเฉือนที่ถูกส่งมาให้ผม เหมือนสายตาของคนที่กำลังหวงอะไรบ้างอย่าง
ไอ้น่านกลับมาพร้อมแก้วน้ำเต้าหู้สองใบ แก้วหนึ่งถูกวางมาตรงหน้าผม ส่วนอีกแก้ววางไว้ให้คนฝั่งตรงข้าม
“ขอตัวแปปนะครับ”จากนั้นมือถือของของคนแปลกหน้าก็ดังขึ้น เขาจึงขอตัวไปคุยโทรศัพท์ แต่จังหวะที่เจ้าตัวกำลังลุกก็เหมือนแผลที่เอวจะเจ็บ ไอ้น่านดูร้องรนท่าทีเหมือนอยากจะเข้าไปช่วย แต่เพราะผมจ้องมันอยู่มันเลยไม่ได้ขยับตัวไปช่วย มีเพียงสายตาของมันที่มองดูด้วยความเป็นกังวล
“น่าน...”ผมไม่ชอบสายตาของมันที่มองเขา มันทำให้ผมกลัว กลัวว่าสิ่งที่ผมคิดจะเป็นจริง
“อย่าเพิ่งถามเลยพี่”มันรีบปฏิเสธก่อนที่ผมจะได้ถามซะอีก
“.....”และนั้นยิ่งตอกย้ำในสิ่งที่ผมกำลังรู้สึกกลัว
“เรื่องมันยาวพี่ ผมยังเรียบเรียงไม่ได้”มันหันมายิ้มให้ผม สายตาของมันกลับมามองที่ผมอีกครั้ง มันทำให้ผมใจชื้นขึ้นมา
“จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”ช่างอิ่นเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้มเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกง
แค่เขาเดินกลับมา สายตาที่เคยเป็นของผมก็ถูกแย่งชิงไปทันที
“ขอโทษนะครับ ผมต้องขอตัวก่อน”เขาหันมาบอกอย่างสุภาพ
“ครับ”ผมรับคำ เขาก้มลงหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นมาใส่ ผมไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรมาไอ้น่านถึงดูกังวนขนาดนั้น เขาใส่เสื้อเสร็จยื่นมืออกมาให้ไอ้น่าน เหมือนจะพามันไปด้วย ผมมองไอ้น่านหวังว่ามันจะไม่ไปกับเขา
ไอ้น่านไม่ตอบรับมือนั้น เป็นอีกครั้งที่ใจที่เหือดแห้งของผมกลับมาชุมชื่นอีกครั้งอย่างน้อยการที่มันไม่ไปก็ทำให้ผมเข้าใจว่า ผมยังคงสำคัญอยู่
เขาเดินออกไปคนเดียว เหลือผมกับไอ้น่าน เหมือนทุกอย่างเป็นเหมือนเมื่อก่อน มีแค่ผมกับมัน ไม่มีเขาเข้ามา มีแค่พวกผมสองคนเหมือนตลอด2ปีที่ผ่านมา
แต่ผมก็อุ่นใจได้แค่ไม่นาน เมื่อไอ้น่านลุกขึ้นเตรียมเดินตามออกไป
“ไอ้น่าน”แขนผมฉุดรั้งมันไว้ ใจผมก็หวังไม่ให้มันไป
“เดี๋ยวผมกลับมาเล่าให้ฟังพี่”แต่สุดท้ายมือของผมก็ถูกสะบัดออกอย่างง่ายดาย มันเจ็บจี๊ดในอกแปลกๆ
เหมือนผมกำลังจะเสียมันไป
เสียสายตาที่มักจะมองมาแค่ผม เสียตำแหน่งคนสำคัญของมัน ใจผมปวดหนึบไปหมด
ผมเพิ่งรู้ตัวตอนนี้เองว่าผม...
ชอบไอ้น่าน
ENDปอนด์
น่านpart
“ไอ้น่าน”สุดท้ายผมก็อดไม่ได้ที่จะตามมันไป ผมรีบลุกขึ้นแต่พี่ปอนด์ดึงแขนรั้งผมไว้
“เดี๋ยวผมกลับมาเล่าให้ฟังพี่”ผมบอกพี่ปอนด์ไป ก่อนจะสะบัดแขนให้หลุดจากมือของพี่ปอนด์รีบออกวิ่งออกไปเพื่อตามมันผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงร้อนรนขนาดนี้
ลงมาข้างล่างผมไม่เห็นรถของมันจอดอยู่ เลยรีบวิ่งออกไปข้างนอกมองซ้ายไม่เจอ แต่พอมองขวาก็เจอรถคุ้นตาจอดอยู่
จอดรอเหมือนรู้ว่าผมจะตามออกมา
ผมได้ยินเสียงเร่งเครื่องยนต์เหมือนพร้อมจะออกตัวไปแล้ว ผมเลยรีบวิ่งไปที่รถ เปิดประตูด้านข้างแล้วยัดตัวเองเข้าไปโดยไม่สนใจสายตาของอีกคนที่นั่งมองผมอยู่
“ไปได้แล้ว”ผมบอกคนของมันที่ทำหน้าที่ขับรถ รถออกตัวทันทีที่ผมพูดจบ
“มาช้า”ผมได้ยินเสียงคนนั่งร่วมเบาะบ่นไม่จริงจัง พร้อมๆกับหัวหนักๆที่เอนมาหนุนที่ตักผม
“เฮ้ย!”ผมไม่ได้ตกใจเที่มันนอนหนุนตัก แต่ตกใจเพราะมันนอนลงมาเร็วมาก ไม่รู้แผลจะฉีกอีกไหม
“ขอ10นาที แค่10นาที”มันบอกเสียงเบา ผมเลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
เอาว่ะ ถือว่าเอาบุญ
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
“ทำไมมาที่นี่”ผมถามเมื่อรถมาจอดสนิทที่ลานจอดรถด้านหลังของบริษัท หวังอินดัสทรี
“ทำงานไง”ไอ้แก่ตอบ รับเสื้อที่ลูกน้องของมันส่งมาใส่เป็นเชิ้ตสีเข้มตัวใหม่เอี่ยม ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ ไม่วายหันมาเรียกผมให้ตามออกมาด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้ามาที่นี่ เคยเห็นแค่ในทีวี ไม่นึกว่ามันจะใหญ่โตขนาดนี้ คือดูจากข้างนอกแล้วคงสูงเกือบ70ชั้นเลยมั้ง
ตอนที่มันเดินเข้าไปในบริษัท ใครก็ต่างพากันหยุดเดินโค้งตัวให้ทางมันกันหมด ทำเอาผมเกร็งไปหมด ลิฟถูกกดเกือบชั้นบนสุด
ทำไมไอ้พวกผู้บริหารมันต้องขึ้นมาอยู่กันสูงๆแบบนี้ด้วยว่ะ เกิดลิฟเสียหรือไฟไหม้ พวกนี้ไม่ตายก่อนหรอ โง่กันจริงๆ
“แอบด่าอยู่หรือไง”ผมสะดุ้งเมื่อจู่ไอ้แก่ก็พูดขึ้นมา
“กูด่าอยู่ตลอดอยู่แล้ว”ผมเลยตอบความจริง พูดจบลิฟมาถึงที่หมายพอดี ผมชิงเดินออกมาก่อน
พอเดินออกมาจากลิฟก็จะเห็นทางเดินยาวๆที่ถูกปูด้วยพรมสีแดง พอเปิดประตูกระจกเข้ามาก็จะเห็นห้องต่างๆที่เป็นกระจกนิรภัยทุกด้าน มีพนักงานอยู่ในแต่ล่ะห้องไม่กี่คน เป็นเหมือนห้องทำงานที่ถูกแบ่งอย่างเป็นสัดส่วน ผมชอบไอเดียที่ผนังทุกด้านเป็นกระจกใสมันทำให้สอดส่องได้ง่าย เข้ามาจนเกือบสุดก็เจอกับประตูไม้บานใหญ่คือใหญ่มากสูงจนติดเพดาน มีพนักงานชายหญิงที่นั่งโต๊ะอยู่หน้าห้อง6คน คือเป็นคนที่มีโต๊ะนั่งหน้าห้องแต่ไม่ได้ล้อมรอบด้วยกระจกใสเหมือนพนักงานคนๆในชั้นนี้ อาจจะเป็นพวกเลขมัน แต่6คนนี่ไม่เยอะไปหน่อยหรอว่ะ
พอไอ้แก่เดินผ่านทุกคนก็ลุกขึ้นทักท้ายมันอย่างพร้อมเพียง อย่างกับในหนังแนะ
พอเข้ามาในห้องก็เห็นโต๊ะทำงานตัวใหญ่อยู่จนเกือบสุดกำแพงกระจกนิรภัย มีชุดโซฟาสีขาวตัวใหญ่อยู่กลางห้อง ผนังด้านข้างทั้งด้านเป็นชั้นหนังสือสูงๆที่มีหนังสืออัดแน่น ดูแล้วก็มีแต่หนังสือที่ท่าทางจะแพง มีประตูบานขนาดพอดีสองบานอยู่ติดกับผนังอีกด้าน ไอ้แก่เดินไปเปิดประตูบานเล็กนั้นแล้วหายเข้าไป ทิ้งให้ผมยืนเกๆกังอยู่กลางห้องพร้อมลูกน้องมันสองคนอย่างทำตัวไม่ถูก ของในห้องนี้ทุกอย่างมันดูแพงไปหมด จนไม่อยากจะเดินไปแตะอะไรเลย
แต่จะให้ยืนอยู่เฉยๆก็ยังไงอยู่เลยเดินไปดูวิวข้างนอกตรงผนังที่กระจกหลังโต๊ะทำงานของมัน มองลงไปข้างล่างแทบไม่เห็นคนเห็นแค่จุดๆที่ขยับไปมา รถคันใหญ่ก็กลายเป็นรถของเล่นไปเลย สูงจนขาสั่น สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเดินออกห่างกำแพงนั้น ถึงจะรู้ว่าเป็นแบบนิรภัย แต่อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้ทุกเวลาครับ ระวังไว้ก่อนจะดีกว่า
เลขาไอ้แก่เดินยกกาแฟ มาวางที่โต๊ะทำงานของไอ้แก่ แล้วเดินมาถามว่าจะเอาเครื่องดื่มอะไร ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่อยากรบกวนเธอ
พอเธอเดินออกไป ไอ้แก่ก็ตะโกนเรียกผมให้เข้าไปหาในห้องที่มันเพิ่งเข้าไปก่อนหน้านี้ ผมซึ่งไม่มีอะไรทำอยู่แล้วเลยเดินเข้าไปอย่างไม่อิดออด แค่ห้องทำงานมันห้องเดียวก็ใหญ่กว่าห้องที่คอนโดทั้งห้องอีก ใหญ่กว่าเป็น2เท่าเลยก็ว่าได้ ทำงานแค่คนเดียวจะเอาใหญ่อะไรนักหนา พวกคนรวยมันมีแต่ความคิดประหลาดหรือไง
“อะไร”พอเข้ามาในห้องก็เจอเตียงใหญ่กลางห้องเลยครับด้านข้างมีประตูเล็กๆอีกบาน ถัดมาก็เป็นตู้เสื้อผ้าแบบบิวอิน ไอ้แก่นั่งอยู่ที่เตียงท่อนบนเปลือยเปล่ากำลังพยายามแกะผ้าพันแผลออก
“ไปขอกล่องยาจากเลขาหน้าห้องมา”มันสั่งตาไม่มองผมด้วยซ้ำ
“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่ก่อนเข้ามา เสียเวลากูเดินอีก”ถึงจะบ่นแต่ก็ยอมเดินออกมาไปหากล่องปฐมพยาบาลให้มัน แทนที่แม่งจะไปรพ.ก่อน ถ้าแผลติดเชื้อขึ้นมาจะสมน้ำหน้าในดู!
TBC.
ตอนเเรกเผลอหลับไป วันนี้ง่วงจริงๆ
ถ้าชอบก็อย่าลืมกดถูกใจให้ด้วยนะครัช
ปล.หนึ่งเม้นคือหนึ่งกำลังใจนะครัช เพื่อให้รู้ว่ามีคนยังรออ่านอยู่
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น