“ได้ของแล้วค่ะ ขึ้นไปข้างบนกัน”
“เอากล้วยมาทำไม”
“หยุดถามก่อนค่ะอาไพน์ เดี๋ยวก็จะรู้แล้ว”
เมื่อพาขึ้นมาบนห้องแล้ว เธอก็พาอาไพน์ไปนั่งที่เตียง วางอุปกรณ์สองชิ้นที่เธอเตรียมไว้ตรงหน้าเขา
“ช่วยสอนเกี๊ยวใส่ถุงยางอนามัยหน่อยสิคะ”
“ฮะ!? จะเอาไปใส่ให้ใคร” เพียงพันแสงตกใจกับคำขอ และถามออกไปเสียงดัง หน้าตาก็ดุดันอีกต่างหาก
กวิสราถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายให้กับคนที่ดีแต่ดุ
“พรุ่งนี้เกี๊ยวต้องออกไปรายงานหน้าชั้นเรียนเรื่องการคุมกำเนิด เพื่อนในกลุ่มเลือกให้เกี๊ยวเป็นคนสาธิตการสวมถุงยางอนามัย” เพื่อนเธอก็ช่างเลือกได้ถูกคน
สายตาของชายหนุ่มพลันอ่อนลง และหยิบซองถุงยางขึ้นมา กำลังจะใช้ปากฉีกแต่ฉุกคิดขึ้นได้ว่าควรจะสอนให้ถูกหลักจะดีกว่า จึงใช้มือแทน
“เวลาฉีกซองต้องระวังไม่ให้ถุงยางขาดด้วยนะ” อธิบายด้วยใบหน้าที่ดูจริงจัง จากนั้นเขาก็ยัดกล้วยใส่มือเล็กให้เธอถือไว้ "บีบตรงนี้เพื่อไล่อากาศ แล้ววางมันลงแบบนี้ จากนั้นก็ค่อยๆ รูดมันลงมาจนสุดโคน"
เพียงพันแสงเริ่มสาธิตตั้งแต่ขั้นตอนการฉีกซองด้วยมือจนถึงการสวมใส่ โดยมีอุปกรณ์การสาธิตคือกล้วยหอมและถุงยางอนามัยขนาด 56 มิลลิเมตร
“โอ้โห!” ยายเกี๊ยวตาลุกวาว
“อะไร”
“กล้วยที่ว่าใหญ่ยังเล็กกว่าคอนด้อมไซซ์นี้ แบบนี้ของอาไพน์ต้องใหญ่ขนาดไหนคะ ถึงใส่ได้พอดี” ทำตาโตอีกครั้ง พลางจินตนาการถึงความอลังการของเขา
“อย่าบอกนะว่าขโมยถุงยางของอามา” ก็ว่าทำไมซองมันคุ้นๆ
“ค่ะ จะซื้อให้เปลืองเงินทำไม” หัวขโมยยอมรับหน้าตาย ที่จริงเธอไม่ได้ขี้งกแต่ลืมซื้อต่างหาก “ว่าแต่ อาไพน์ใส่ไซซ์นี้จริงๆ เหรอ”
“อือ”
“ว้าว!” ดวงตาซุกซนจ้องมองเป้ากางเกงของคุณสามีด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ทะลึ่ง!” ดีดหน้าผากคนทะลึ่งหนึ่งที แต่เธอก็ยังยิ้มร่าไม่สะทกสะท้านสักนิด
"แล้วของผู้ชายมันเท่านี้เลยเหรอคะ เกี๊ยวว่ามันใหญ่ไปนะ" และคนทะลึ่งยังมีหน้าตั้งคำถามต่ออย่างไม่คิดกระดากอาย
"ก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะขนาดเท่านี้ บางคนก็ใหญ่กว่า บางคนก็เล็กกว่า มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์หรือเชื้อชาติ" เขาอธิบายจริงจังอย่างเป็นการเป็นงาน
"งั้นที่คนเขาพูดว่าต้องการคนรักที่เข้ากันได้ ที่จริงเขาหมายถึงขนาดใช่ไหมคะ เกี๊ยวก็นึกว่าพูดถึงนิสัยใจคอเสียอีก"
"ว่าไงนะ?"
“ไม่ใช่เหรอ?” ยังมีหน้าถามกลับ
“ช่างเถอะ ไว้มีแฟนแล้วจะเข้าใจเอง” เดี๋ยวนะ! ตอนนี้เขาก็เป็นผัวยายเกี๊ยวอยู่นี่ มันยิ่งกว่าแฟนอีก
แต่เหมือนว่าเมียเด็กจะไม่ได้ใส่ใจกับประโยคนั้นของเขานัก เธอมัวแต่ลูบๆ คลำๆ กล้วยหอมและมองมันอย่างสนอกสนใจ
“แล้วว่าแต่มีใครมาจีบบ้างไหม” เธอเรียนโรงเรียนหญิงล้วนก็จริง แต่โรงเรียนข้างๆ กันเป็นสหศึกษามีนักเรียนทั้งชายและหญิง ดังนั้นกวิสราน่าจะมีโอกาสได้พบเจอผู้ชายวัยเดียวกันบ้าง
“เยอะแยะ” ยายเกี๊ยวตอบโดยที่ตาไม่มองสามี จึงไม่เห็นว่าดวงคมมีแสงวาววับขึ้นชั่ววินาที
“แล้วเขารู้รึเปล่าว่าเกี๊ยวมีผัวแล้ว” นี่ถ้าไม่ติดว่าที่โรงเรียนมีกฎไม่ให้นักเรียนสวมเครื่องประดับ เขาจะให้ยายเกี๊ยวสวมแหวนเพชรที่นิ้วนางข้างซ้ายไว้ตลอด
“ถ้าคนไหนไม่เข้าตาเกี๊ยวก็จะบอกเขาว่าเกี๊ยวแต่งงานแล้ว ถ้าคนไหนดูแล้วมีโอกาสจะไปต่อได้ก็ไม่บอก แต่ใดๆ คือตอนนี้ยังไม่มีใครโดนใจเกี๊ยวสักคน” มาตรฐานเธอค่อนข้างสูง ถ้าอยากรู้ว่าสูงแค่ไหนก็ดูจากพี่เจย์นั่นไง
เธอชอบผู้ชายสูง ขาว ดวงตามีเสน่ห์ จมูกโด่งมีสันคม ริมฝีปากได้รูปไม่หนาไม่บางจนเกินไป ยิ้มทีทำให้ใจเหลวเป็นน้ำ ถึงจะทำหน้านิ่งก็ชวนหลงไหล แต่ถ้าทำหน้าดุก็จะดูเซ็กซีและเป็นอันตรายต่อหัวใจอย่างมาก
“ทีหลังต้องทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ใครเข้ามาจีบก็บอกมันไปเลยว่าเกี๊ยวมีผัวแล้ว ใครรับได้ก็ค่อยให้มันไปต่อ” ดูซิว่ามันจะมีใครหน้าไหนรับได้บ้าง
“แล้วใครเขาจะกล้าคุยต่อคะอาไพน์”
“ช่างหัวมันสิ”
------
ฮั่นแน่!!! หวงก้างนี่หว่า