“คารวะท่านอ๋องเจ้าค่ะ”
“อืม..เจ้าดูอะไรอยู่รึ
“ข้าดูเครื่องประดับหยกอยู่เจ้าค่ะ ท่านอ๋องมานานแล้วหรือเจ้าคะ”
“มาถึงสักครู่คราที่เจ้าหันมา”
“เจ้าค่ะ”
ตอบท่านอ๋องพร้อมด้วยรอยยิ้มหวานยิ่งความดีใจที่ได้พบหน้ามีมากขึ้นเท่าใด ความหวานของรอยยิ้มก็มากตามขึ้นไปด้วย จากรอยยิ้มนั้นก็ทำให้เขาขัดเคืองใจยิ่งนักเมื่อนึกถึงตอนที่เดินตามหลังพวกนางมา ถึงจะเดินในระยะไม่ใกล้แต่ไม่ถือว่าไกลนัก เขาทันได้เห็นสายตาของบุรุษที่ยืนอยู่ข้างทางตามร้านรวงต่างๆพากันจ้องมองมาที่นางยิ่งคิดยิ่งทำให้เขาขัดเคืองใจ เมื่อเห็นอาการเหล่านั้นที่ปรากฎอยู่บนสีหน้าของท่านอ๋องก็ทำให้ชิงอิงสงสัย
“ท่านอ๋อง ท่านเป็นอันใดหรือเจ้าคะ ขัดเคืองสิ่งใดมาหรือเจ้าคะ”
เมื่อท่านอ๋องได้ยินดังนั้นก็หันไปมองยังประตูร้าน ก็เห็นว่ามีบุรุษแวะเวียนกันมายืนออที่หน้าร้านแล้วชะเง้อมองหาแม่นางผู้งดงามที่ตนได้พบเจอ ชิงอิงเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ได้หันมองตามท่านอ๋องไป และได้เห็นภาพดังกล่าวก็เข้าใจในทันทีถึงที่มาของอาการขัดเคืองใจของท่านอ๋องก็ได้แต่ขำๆ เพื่อเป็นการเอาใจให้ท่านอ๋องใจเย็นลง ชิงอิงจึงได้ยื่นมือเล็กๆของตนนั้นไปเกาะเกี่ยวที่นิ้วมือของท่านอ๋องพร้อมเงยหน้ามองยิ้มๆ เมื่อเห็นท่าทีโอนอ่อนเอาใจของชิงอิง ความขุ่นข้องที่อยู่ในจิตใจของท่านอ๋องก็พลันสงบลงกลายเป็นความพอใจยิ่งนัก
“ท่านอ๋องเดินชมเครื่องประดับเป็นเพื่อนข้าดีไหมเจ้าคะ”
“อือ...เอาสิ”
เอ่ยตอบเช่นนั้นท่านอ๋องก็รวบมือเล็กๆของชิงอิงเข้าสู่อุ้งมือของตนพร้อมจับจูงเดินเคียงกันไปชมสินค้าที่อยู่ในร้าน เมื่อบุรุษที่ออกันอยู่หน้าร้านเห็นภาพที่อยู่ด้านในร้านแล้วนั้นก็ทำให้คอตกตาละห้อย แท้จริงแล้วนางคือว่าที่ชายาของท่านอ๋องเฉียนฟางเย่าผู้นี้นี่เอง รู้เช่นนั้นแล้วบุรุษที่อออยู่หน้าร้านก็ได้สลายตัวไปโดยฉับพลัน เมื่อท่านอ๋องหันมาที่ประตูหน้าร้านอีกครั้งก็พบว่าเหล่าบุรุษได้จากไปแล้วก็ยกยิ้มที่มุมปากน้อยๆด้วยความพอใจ
“ท่านอ๋องเจ้าคะ”
“หืม”
“ท่านอ๋องไปไหนมารึเจ้าคะถึงได้มาถึงที่นี่”
“ข้าไปที่ค่ายทหารมา ขากลับจึงแวะรับชาที่หอฟู่เฉิงกง แต่ข้าเห็นเจ้าข้าจึงมาหาเจ้า”
ตอบเช่นนั้นก็หยิบที่กำไลหยกชิ้นนึง
“หอฟู่เฉิงกงหรือเจ้าค่ะ” ชิงอิงได้ยินดังนั้นก็ตาเป็นประกาย
“ข้าอยากไปสักครั้งเจ้าค่ะ อยากรู้ว่าด้านในเป็นเช่นไรเจ้าค่ะ” หันไปพูดกับท่านอ๋องก็ได้เห็นท่านอ๋องถือกำไลหยกดูอยู่
“ได้สิ ไว้ข้าจักไปรับเจ้าที่จวนและพาเจ้าไป”
เมื่อได้ยินท่านอ๋องบอกเช่นนั้นชิงอิงก็ดีใจนัก ตาโตๆนั้นเป็นประกายวิบวับ
“อาชิง”
ชิงอิงได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองพร้อมทั้งแสดงสีหน้าแปลกใจ
“ข้าเรียกเจ้าว่าอาชิงได้หรือไม่”
เมื่อเห็นชิงอิงพยักหน้าท่านอ๋องก็ยิ้มพอใจ ถึงแม้จะเป็นการยิ้มที่เบาบางยิ่งนักแต่ชิงอิงก็เห็นได้อย่างชัดเจน
“อาชิง ข้าขอมือเจ้าได้รึไม่”
ได้ยินท่านอ๋องเอ่ยดังนั้นก็พยักหน้าอีกคราพร้อมยกมือขวายื่นให้ ท่านอ๋องจึงจับมือนั้นเบาๆพร้อมทั้งบรรจงสวมกำไลหยกที่ข้อมือนั้น เมื่อชิงอิงเห็นดังนั้นก็ตาโต หยกวงนี้ต้องมีมูลค่าสูงเป็นแน่ เพราะนางเป็นคนชอบหยก และรู้ว่าหยกสีเหลืองอำพันด้านในมีริ้วดิ้นทองทั้งวงแบบนี้หามิได้ง่าย
“ท่านอ๋องเจ้าคะ”
“ข้าให้เจ้าอาชิง ให้เป็นของแทนตัวข้า”
ชิงอิงได้ยินเช่นนั้นก็ให้อายนัก แต่ก็มิได้หลบตา ดวงตาเปล่งประกายด้วยความรู้สึกที่มีอยู่ภายในและเอ่ยขอบคุณท่านอ๋องเบาๆ แต่ใช่ว่าท่านอ๋องจะเป็นฝ่ายให้นางอยู่ฝ่ายเดียวในเมื่อชิงอิงก็มีของให้ท่านอ๋องเช่นกัน
“ท่านอ๋องเจ้าคะ”
“ว่าเช่นไร”
“ข้าก็ขอมือท่านได้ไหมเจ้าคะ”
เมื่อเห็นท่านอ๋องพยักหน้าแล้วยื่นมือให้ ชิงอิงก็บรรจงสวมข้อมือหนังถักประดับหยกทรงกระบอกสีดำสนิทเป็นมันวาวให้ที่ข้อมือของท่านอ๋อง เมื่อสวมเสร็จแล้วก็ส่งรอยยิ้มหวานๆให้อีกครั้ง เมื่อท่านอ๋องเห็นเช่นนั้นก็ได้เอามืออีกข้างมาจับที่หยกที่ข้อมือของตน
“ข้าให้ท่านเจ้าค่ะ เป็นของแทนตัวข้า” ชิงอิงกล่าวเช่นนั้นก็รู้สึกเขินอายยิ่งนัก ส่งผลให้แก้มของนางเป็นสีขาวอมชมพูโดยฉับพลัน เมื่อท่านอ๋องเห็นดังนั้นก็พลันอบอุ่นหัวใจ เขาไม่เคยให้สิ่งของกับหญิงสาวและไม่เคยรับสิ่งของจากหญิงสาว ครานี้คราแรกที่ให้และได้รับจากคนที่เขาคิดถึงอยู่ตลอดเวลา
“ขอบใจเจ้ามาก ข้าจะรักษาไว้อย่างดี”
“เจ้าค่ะ”
หลังจากที่มอบสิ่งของแทนตัวให้กันและกันแล้ว ท่านอ๋องจึงได้แจ้งกับผู้ช่วยขายของในร้านให้ส่งเทียบสินค้าไปเก็บเงินที่ตำหนักโดยให้ไปพบกับเหลินซี ในส่วนของชิงอิงนั้นแจ้งว่าเดี๋ยวนำเงินมาจ่ายให้กับพี่ชายรองตอนนี้ขอติดไว้ก่อน เมื่อท่านอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็มีประกายขำในแววตา แล้วก็เกาะเกี่ยวกันเดินไปดูสิ่งของภายในร้านอย่างมีความสุข
ทางด้านท่านรองแม่ทัพทั้งสองที่เป็นสหายสนิทของท่านอ๋องก็ได้แต่กระซิบการะซาบกันเองว่าตั้งแต่ที่ท่านอ๋องพบกับชิงอิงแล้วก็ให้เปลี่ยนไปนัก แต่ทั้งสองก็ชอบที่ท่านอ๋องเป็นเช่นนี้ จากที่ผ่านมาอยู่ในค่ายทหารกับท่านก็ให้เคร่งเรียดนัก แม้นกลับมาจากการศึกก็ไม่เคยได้หยุดพัก แต่ครานี้คงอดรนทนไม่ไหวต้องหาเรื่องออกนอกตำหนักบ่อยๆเป็นแน่
เมื่อทั้งหมดเดินดูสินค้าในร้านจนเป็นที่พอใจแล้วก็ได้เดินออกมายังห้องรับรองเล็กหน้าร้าน ซึ่งพี่ชายรองได้เดินออกมาจากหลังร้านพอดีจึงได้เห็นท่านอ๋องที่ยืนอยู่กับชิงอิง
“คารวะท่านอ๋องขอรับ ข้าไม่ทราบว่าท่านมาจึงไม่ได้ออกมาต้อนรับ”
“เจ้าทำงานของเจ้าอยู่ก็ทำเถิด เรื่องต้อนรับข้ามิใช่เรื่องใหญ่อันใด”
“ขอรับท่านอ๋อง”
เอ่ยตอบท่านอ๋องไปดังนั้นก็หันมองทุกคนที่อยู่ภายในห้องรับรองนั่น
“พวกเจ้าชมสินค้ากันเสร็จหมดแล้วรึ ได้สิ่งใดติดไม้ติดมือกันบ้างเล่า” เอ่ยถามพลางมองสำรวจก็เห็นได้ว่าชิงอวี้ได้ต่างหูเหมยฮวาสีชมพูเล็กๆ อี้เหนียงได้ปิ่นปักผมรูปผีเสื้อ ส่วนชิงอิงนั้นมองไม่เห็นว่านางได้สิ่งใด แต่กระนั้นพี่ชายรองก็ไม่ได้ซักไซ้
“ถ้าพวกเจ้าชมสินค้าเสร็จแล้ว เราจะกลับกันเลยหรือไม่”
เมื่อชิงอิงได้ยินพี่ชายรองถามเช่นนั้นก็แจ้งว่าอยากเดินไปเที่ยวยังด้านในส่วนที่ยังเดินไปไม่ถึง เมื่อพี่ชายได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าและกล่าวเชื้อเชิญทุกคนให้เดินตามตนออกไป โดยได้แจ้งให้บ่าวผู้ติดตามทั้งหมดรออยู่ที่ร้าน
ครานี้หลังจากที่ทุกคนเดินออกจากร้าน บุรุษที่เคยชะเง้อคอมองไม่มีอยู่แล้ว แต่ถ้าจะมีก็มีเพียงแค่แอบเหลือบมองให้พอชุ่มชื่นหัวใจของตนเพียงเท่านั้น น้อยครั้งนักที่จะได้เห็นสาวงามและยังมีศักดิ์เป็นถึงบุตรีของขุนนางใหญ่มาเดินตลาดเช่นนี้ยกเว้นจะมีงานรื่นเริงของเมืองหลวง อีกทั้งยังได้เห็นท่านอ๋องรูปงามมาเดินอยู่ด้วยนี่ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักเช่นกัน
เดินไปได้สักพักชิงอิงที่เดินล่วงหน้าเข้าร้านนั้น ออกร้านนี้ก็ยิ้มร่าเริงกลับมาหาท่านอ๋องที่เดินตามนางอยู่
“ท่านอ๋องเจ้าคะ แบมือของท่านหน่อย”
“อะไรรึอาชิง”
“นี่เจ้าค่ะ ซาลาเปา ห้อมหอม เจ้าค่ะ”
เมื่อชิงอิงกล่าวจบ ท่านอ๋องก็ก้มลงมองซาลาเปาที่อยู่ในมือ ชิงอิงเลยเดินเข้ามาใกล้ๆพร้อมเอ่ยกระซิบ
“ซาลาเปาไส้ความรักเจ้าค่ะ อร่อยนะเจ้าคะ”
ท่านอ๋องจึงมองหน้าคนพูดที่ทำหน้ายิ้มแป้นอยู่นั้น แต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกันคนช่างพูดดี จึงยกมือขึ้นและดีดนิ้วไปที่หน้าผากกลมมนนั่น
“เซี้ยวจริงนะเจ้า”แต่ท่านอ๋องก็ไม่วายที่จะยิ้มตอบ ชิงอิงจึงได้แต่เอามือทั้งสองข้างขึ้นมาลูบหน้าผากตัวเองแต่ก็ไม่วายหัวเราะ
“กลับกันเถอะ ข้าจะไปส่ง ท่านพี่ของเจ้าเรียกอยู่โน่นแล้ว”
“เจ้าค่ะท่านอ๋อง”