2
ต่อรอง
หลังจากนักพนันต่างพากันออกจากคาสิโนหมดแล้ว แดนีสจึงส่งสัญญาณให้ลูกน้องพาพิรัชไปยังห้องทำงานที่เอาไว้ใช้ต่อรองหรือเจรจากับลูกหนี้
“อย่าเข้ามานะ แน่จริงก็ปล่อยสิวะ !!”
พิรัชตะโกนด่าการ์ดที่เข้ามาพยายามรุมจับตนกับน้องสาว และพยายามที่จะแยกทั้งคู่ออกจากกัน ชายหนุ่มเริ่มขัดขืนแรงขึ้นทั้งยังมีการต่อสู้ขนาดย่อม แต่ด้วยแรงของเขากับการ์ดตัวโตนั้นก็ยังห่างกันนักเลยทำให้ชายหนุ่มพ่ายแพ้ไปและโดนจับแยกออกมา
”มะ ไม่นะ! จะพาพี่ชายฉันไปไหน” ทางด้านร่างบางที่เห็นพี่ชายถูกลากออกไปต่อหน้าต่อตา ก็ทั้งเป็นห่วงและหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ เธอเรียกหาผู้เป็นพี่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือก่อนจะหันไปสบตาสีน้ำทะเลของร่างสูงใหญ่ตรงหน้าอีกครั้ง
แดนีสเหลือบมองเพียงนิดแล้วเดินตามลูกน้องไป แต่ยังไม่วายสั่งให้คนของตนเฝ้าหญิงสาวร่างเล็กไว้
“เฝ้าไว้..”
ปึก!!!
แดนีสรับเอกสารมาจากลูกน้องคนสนิทและปรายตามองรายละเอียดในแฟ้มเอกสารเสร็จไม่นานก็โยนไปไว้บนโต๊ะทำงานจนเกิดเสียงดัง ทำให้ลูกหนี้อย่างพิรัชถึงกับตกใจ
“รู้ไหมว่าการปิดคาสิโนวันนี้รายได้ต้องหายไปเท่าไหร่”
มาเฟียหนุ่มพูดขึ้นมาขณะลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงลูกหนี้คนดังกล่าวและพูดออกมาอีกครั้ง
”หนี้ 220 ล้าน บาท พร้อมดอกเบี้ย”
พิรัชกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากด้วยความรู้ดีว่าหากผิดชำระหนี้จะเป็นเช่นไร เพราะก่อนจะเซ็นกู้เงินที่คาสิโนนั้นถึงจะรีบร้อนแค่ไหนแต่เขาก็ได้อ่านข้อความบนสัญญาการกู้ยืมอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะจรดปากกาเซ็นลงไป
เพราะคิดว่าเงินที่กู้มานั่นไม่มีทางเสียจนหมดและเขาต้องได้มันคืนพร้อมกับเงินที่เสียไปด้วยเป็นแน่ เลยไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมา ชายหนุ่มรู้เพียงแค่ว่าต้องได้เงินที่เสียคืนไปเท่านั้น เขาจึงทุ่มเงินทั้งหมดกับการเล่นพนันหมดหน้าตัก โดยไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ดีเลยว่าการพนันมันไม่ได้ทำให้ใครรวย
“ขะ ขอเวลา..” พิรัชเปล่งเสียงออกมาอย่างสั่น ๆ ความวิตกกังวลและความเครียดที่สะสมกำลังถาโถมเข้าใส่ในขณะนี้ ไหนจะน้องสาวของเขาที่ถูกคุมตัวรออยู่ด้านนอกนั่นอีก
“ขอเวลาอย่างนั้นเหรอ”
แดนีสหัวเราะในลำคอ ก่อนริมฝีปากสีแดงสดติดจะคล้ำหน่อยเพราะการดูดบุหรี่จะพูดขึ้นมาอีกครั้ง
”มีอะไรมาค้ำประกันล่ะ”
“......” พิรัชถึงกับพูดไม่ออกหลังจบคำถามนั้น เพราะเขาไม่มีอะไรจะมาค้ำประกันทั้งนั้น หากเป็นเมื่อก่อนที่ครอบครัวเขายังไม่ประสบปัญหาที่ใกล้จะล้มละลายอย่างในขณะนี้ ชายหนุ่มคงไม่หนักใจเท่าตอนนี้
แต่พลันความคิดหนึ่งก็วูบขึ้นมา พิรัชนึกไปถึงหน้าน้องสาวที่รออยู่ด้านนอก เขาทันเห็นตอนที่แดนีสนั้นมองจ้องน้องสาวเขาตาเป็นมัน และมองด้วยสายตาก็รู้แล้วว่ามาเฟียหนุ่มนั้นสนใจน้องสาวเขาอยู่ไม่น้อย
”ว่าไง.. มิสเตอร์ภัครวัฒน์” เสียงเข้มทรงพลังเอ่ยปากถามลูกหนี้หนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง พร้อมกับก้มมองดูนาฬิกาเรือนหรู เพราะเขาคิดว่าเสียเวลามามากพอแล้ว
พิรัชถึงกับคิดไม่ตกเพราะครอบครัวเขาตอนนี้ก็กำลังแย่ ผู้ถือหุ้นก็ต่างพากันถอนหุ้นออกเกือบจะหมดแล้ว เขาที่ได้บัตรล่องเรือมาจากเพื่อนสนิทสองใบเพราะมาไม่ได้เนื่องจากติดธุระที่ต่างประเทศกะทันหัน เขาจึงชวนน้องสาวมาผ่อนคลายและเป็นของขวัญเรียนจบให้ดานีนด้วย
และอีกอย่างพิรัชยังแอบรู้มาว่าที่นี่มีคาสิโนที่ถูกกฎหมายบนเรือ เขาจึงไม่รอช้าลองนำเงินเก็บก้อนสุดท้ายทั้งหมดมาเสี่ยงโชคดูเผื่อว่าจะดวงดีชายหนุ่มจะได้นำเงินที่ได้ไปพยุงฐานะทางบ้านที่กำลังสั่นคลอนได้บ้าง แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด นอกจากจะเสียเงินจนหมดแล้วยังเป็นหนี้หัวโตอีก
ชายหนุ่มขบคิดว่าจะทำอย่างไรดีเพราะหากเขาไม่มีเงินมาคืนในเร็ว ๆ นี้ ทั้งตัวเองและน้องสาวต้องแย่แน่ ๆ และเมื่อจนปัญญาและไร้ทางออก ความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมาในหัว ถึงแม้จะรู้สึกผิดกับผู้เป็นน้องสาว แต่เขาก็จนตรอกเกินกว่าจะเลือกทางอื่นได้
“แล้วถ้าเป็นน้องสาวผม แต่ต้องแลกกับหนี้ทั้งหมดที่มีคุณจะว่ายังไง..มิสเตอร์คาเกอร์” หลังจากที่อ้ำอึ้งอยู่นานพิรัชก็ตัดสินใจพูดออกมาในที่สุดพร้อมการต่อรอง
“คิดว่ามันคุ้มกับเงินสองร้อยกว่าล้านแล้วอย่างนั้นเหรอ”
“น้องสาวผมยังไม่เคยมีแฟน และไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน” พิรัชรีบรัวคำพูดไปเพราะกลัวว่าแดนีสจะไม่ตกลง เพราะไม่งั้นทั้งเขาและน้องสาวคงแย่
มันอาจจะแย่กว่าการที่ต้องให้ดานีนไปเป็นผู้หญิงของแดนีสอีกด้วยซ้ำ พิรัชคิดอย่างกลัดกลุ้มอีกทั้งเขายังคิดว่าการที่ให้ดานีนมาเป็นผู้หญิงของแดนีส อย่างน้อยน้องสาวเขาคงปลอดภัยอยู่ภายใต้ปีกแข็งแรง เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่บ้านตอนนี้ย่ำแย่แค่ไหนบิดาเองก็ล้มป่วย
“ฉันไม่ชอบผู้หญิงที่ไม่เป็นงาน”
“ผมรู้ว่าคุณก็พอใจน้องสาวของผมอยู่ไม่น้อย ถ้าคุณต้องการ อีกไม่เกินสามวันเธอจะไปพบคุณ แต่ถ้า.. คุณไม่ต้องการละก็ ผมอาจจะต้องให้น้องผมไปเป็นของคนอื่นแทน เพื่อหาเงินมาคืน..”
พิรัชทิ้งไพ่ใบสุดท้ายลงไป และนี่มันคือทางเดียวที่เขาและน้องสาวจะรอดไปได้เพราะมาเฟียอย่างแดนีสคงไม่ปล่อยเขาไว้แน่หากไม่มีเงินมาคืน
“หึ” แดนีสหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยันก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินออกไป
พิรัชมองตามหลังร่างสูงไปจนแดนีสก้าวออกจากประตูห้องทำงาน จึงเริ่มเดินคอตกออกมาบ้าง สายตาเหลือบไปเห็นน้องสาวนั่งอยู่โซฟาด้านหน้า ดานีนที่หันมาเห็นพี่ชายเดินออกมาพอดีจึงรีบเดินเข้าไปหาแล้วรัวคำถามใส่ด้วยความเป็นห่วง
“พี่พีชเป็นยังไงบ้างคะ เขาทำอะไรหรือเปล่า.. “
“.…” พิรัชยังคงเงียบไม่ตอบคำถามเพราะตอนนี้เขากำลังหนักใจกับการท่าทางของแดนีส เดาไม่ออกเลยว่ามาเฟียหนุ่มคิดอะไรอยู่และจะยอมรับข้อเสนอของเขาหรือไม่
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นีนงงไปหมดแล้ว ทำไมคนพวกนั้นถึงต้องมารุมจับพี่”
”พี่ไม่เป็นไร มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย”
“แต่..”
”เราไปกันเถอะ” พิรัชเลือกที่จะเลี่ยงคำตอบและพาน้องสาวตรงกลับไปที่ห้องพัก
หลังจากเดินออกมาจากห้องของน้องสาว พิรัชก็ต้องชะงักเมื่อมีสายเรียกเข้าทางไกลจากบิดา ชายหนุ่มเดินเลี่ยงไปออกไปตรงริมระเบียงที่ค่อนข้างเงียบก่อนจะกดรับสายก่อนที่จะตัดไป
”ครับพ่อ”
(เป็นยังไงกันบ้างลูก เที่ยวกันสนุกไหม..) เสียงชราเอ่ยถามบุตรชายเมื่อปลายทางรับสาย
“ก็ดีครับ แล้วตอนนี้บริษัทเราสถานการณ์เป็นไงบ้าง” พิรัชตอบคำถามบิดาพร้อมกับถามเรื่องบริษัทที่กำลังร่อแร่โดยไม่ทันได้สังเกตน้ำเสียงเคร่งเครียดติดจะกังวลของบิดาก่อนหน้านั้น
(.......) ชายวัยกลางคนถึงกับเงียบเพราะไม่รู้จะบอกกับลูกชายยังไงเกี่ยวกับเรื่องบริษัทที่กำลังจะล้มละลายลงเร็ว ๆ นี้ มันเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ซะอีก ที่คิดไว้ก่อนหน้านี้คือมีเวลาอีกเกือบสามเดือนที่จะหานักลงทุนเพื่อพยุงบริษัทและเพิ่มความน่าเชื่อถือต่อตลาดหลักทรัพย์
แต่วันนี้กลับได้รับหมายศาลเรื่องการล้มละลาย และอีกไม่นานข่าวต้องแพร่ออกไป และคงไม่มีนักลงทุนที่ไหนกล้าเอาเงินเป็นร้อยล้านพันล้านมาเสี่ยง
“ฮัลโหล พ่อ พ่อครับ” ปลายสายเงียบไปพิรัชจึงเอ่ยเรียกบิดาอีกครั้งเพราะคิดว่าสัญญาณไม่ดีจากการที่เขาอยู่กลางทะเล ถึงแม้จะการันตีเรื่องความทันสมัยหลาย ๆ อย่าง แต่อะไรที่ทันสมัยก็อาจจะมีติดขัดบ้าง
(อืม..) เสียงแหบแห้งค่อนไปทางชราครางตอบด้วยน้ำเสียงติดจะเหนื่อยล้าเล็กน้อย
”พ่อ.. มีอะไรจะบอกผมหรือเปล่า” พิรัชถามออกไปตรง ๆ
(บริษัทของเรากำลังจะล้มละลายภายในเดือนนี้ เราคงต้องย้ายออกจากบ้านเพราะต้องขายทอดตลาด พ่อขอโทษลูก.. พ่อขอโทษที่ดูแลมันไม่ดีทำให้ครอบครัวเราต้องลำบาก)
พิพัฒน์ตอบลูกชายคนโตด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพรางพร้ำโทษตัวเองไม่หยุด ตั้งแต่ได้รับหมายศาลเมื่อช่วงบ่ายเขาก็คิดไม่ตก เก็บตัวอยู่ในห้องทำงานคนเดียวไม่ลงไปกินข้าวกินปลากลัวว่าอิงอรผู้เป็นภรรยาจะกังวลเมื่อเห็นท่าทีวิตกของตนเอง เขาจึงได้ตัดสินใจโทรมาหาลูกชายคนโตที่พอรู้เรื่องบริษัทไม่ต่างจากเขา
“.....” พิรัชที่ได้ยินอย่างนั้นก็นิ่งไปเพราะก็ตกใจเหมือนกัน เขาไม่คิดว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะย่ำแย่ถึงขนาดนี้
(พีช.. พ่อ) เมื่อเห็นลูกชายเงียบไป พิพัฒน์ก็ยิ่งเป็นกังวลเพราะกลัวว่าลูกจะผิดหวังในตัวเองที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้
“ไม่เป็นไรครับพ่อ..”
(ลูกจะทำยังไง ไม่มีใครช่วยเราได้หรอก)
”ผมว่ามันต้องมีสักทาง” พิรัชตอบบิดาเสร็จก็รีบวางสายทันที สิ่งที่บิดาบอกมาทำเอาชายหนุ่มยิ่งเครียดและกังวลเป็นอย่างมากแต่จำต้องเก็บอาการ เพราะตอนนี้บิดาไม่ค่อยสบาย เขากลัวว่าท่านจะช็อกเอาได้
ส่วนเขาในฐานะลูกชายคนโตดำรงตำแหน่งรองประธานของบริษัทต้องแก้ปัญหานี้ยังไง และเรื่องนี้ก็ยังไม่มีใครรู้นอกจากเขา บิดา และหุ้นส่วนคนอื่น ๆ และพนักงานบางส่วนเท่านั้น ทางด้านมารดาและดานีนก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ พิรัชคิดด้วยความวิตก ก่อนจะเก็บโทรศัพท์เครื่องหรูลงในกระเป๋า
ร่างบางของดานีนเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดคลุมสีขาวสะอาดตาก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งที่รายล้อมไปด้วยเครื่องสำอางราคาแพงและครีมบำรุงผิวต่าง ๆ ดานีนนั้นเป็นคนที่ดูแลตัวเองดีมาก เรือนร่างของเธอไม่มีรอยแผลเป็นเลยสักนิด ผิวของเธอขาวเนียนละเอียดดุจน้ำนมเพราะเธอค่อนข้างที่จะเป็นคนดูแลตัวเองดีมาตั้งแต่เด็ก ๆ
หลังจากประทินผิวเสร็จแล้วดานีนจึงเดินมาหยิบรีโมทตรงหน้าทีวีที่เปิดทิ้งไว้แล้วเลือกช่องไปเรื่อย ๆ ก่อนจะไปเจอช่องดังของประเทศไทยที่กำลังฉายข่าวเศรษฐกิจอยู่ นิ้วเรียวที่กำลังจะกดเปลี่ยนไปช่องอื่นพลางต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินชื่อบริษัทของครอบครัวที่กำลังถูกนำเสนอ
"มาดูกันที่บริษัท ภัครวัฒน์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่กำลังถูกจับตามองอยู่ขณะนี้กันค่ะ แว่วมาว่าตอนนี้กำลังจะถูกฟ้องล้มละลายลง ผลอันเนื่องมาจากเมื่อหลายเดือนก่อนได้ถูกฟ้องร้องจากหลายบริษัทจนทำให้ผู้ถือหุ้นหลายคนต่างพากันถอนหุ้นออกจนเกือบจะหมดแล้ว ส่วนเรื่องราวเป็นยังไงนั้นเราคงต้องไปถามคุณพิพัฒน์ ภัครวัฒน์ ผู้บริหารของ ภัครวัฒน์ คอนสตรัคชั่น แล้วล่ะค่ะ เราลองไปฟังเสียงสัมภาษณ์จากคุณพิพัฒน์กันนะคะ...... "
ดานีนตัวแข็งทื่อหลังจากที่ได้ยินผู้ประกาศข่าวนำเสนอเกี่ยวกับบริษัทของครอบครัว แล้วภาพก็ตัดไปที่ร่างชายวัยกลางคนของคนที่นักข่าวพูดถึง และนั่นคือบืดาของเธอนั่นเอง ซึ่งกำลังหลบกองล้อมของนักข่าวด้วยใบหน้าที่ดูอิดโรยเหมือนคนที่ไม่ได้นอนมาหลายวัน
"นี่มันอะไรกัน..."
ใบหน้าหวานซีดเผือด แววตาสั่นระริก มือน้อยกำรีโมททีวีไว้แน่นพึมพำออกมาแทบไม่มีเสียง ทำไมอยู่ดี ๆ ครอบครัวเธอถึงกำลังจะล้มละลายได้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เรื่องพี่ชายเธอเมื่อช่วงหัวค่ำยังไม่กระจ่างตอนนี้ยังก็มาเจอปัญหาหนักของครอบครัวที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน
เพราะดานีนนั้นยังไม่ได้เข้าไปเรียนรู้งานที่บริษัทด้วย หญิงสาวทรุดลงที่ปลายเตียงอย่างคิดไม่ตกและไม่รู้ว่าจะผ่านมันไปได้ยังไง เพียงแค่พริบตาเดียวน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าก็ ไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยราวกับเขื่อนแตก เสียงเคาะประตูห้องไม่ได้ทำให้หญิงสาวที่กำลังร่ำให้อยู่หลุดออกจากภวังค์ได้เลย
ตอนแรกพิรัชที่ยังคงกังวลและรู้สึกลังเลเรื่องที่ต้องให้น้องสาวไปเป็นคู่นอนของแดนีสแต่เพราะมันคือทางเดียวที่จะทำให้เขาและดานีนรอด ชายหนุ่มจึงตัดสินใจจะมาคุยกับน้องสาวให้รู้เรื่อง ร่างสูงโปร่งเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องของน้องสาวและนึกถึงเรื่องราวที่คุยกับบิดาในวันนี้เขาคิดว่าจะบอกดานีนเลยดีไหม เพราะไม่ช้าก็เร็วเธอก็จะต้องรู้เรื่องนี้อยู่ดี
พิรัชเดินวนไปมาอยู่ที่หน้า จึงตัดสินใจจะเคาะประตู แต่มือที่กำลังจะเคาะประตูก็ชะงักค้าง แล้วก้มมองนาฬิกาซึ่งบอกเวลาตีสามกว่า และตอนนี้เป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว ชายหนุ่มจึงตัดสินใจวกกลับไปที่ห้องนอนตัวเอง คิดว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยบอกก็แล้วกัน
และเขาได้แต่หวังว่าดานีนจะเข้มแข็งและยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ ก่อนจะเดินเข้าห้องไป โดยไม่รู้เลยว่าคนที่เขาคิดว่ากำลังคิดว่านอนหลับสบายอยู่นั้นนอนสะอื้นให้ทั้งคืน
รุ่งเช้า
ร่างบางที่เพิ่งได้นอนไปเมื่อรุ่งสางครางในลำคอเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง ใบหน้าสวยหวานพลิกตัวไปมาภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ก่อนจะยกมือมาขยี้ดวงตาบวมเป่งที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักทั้งคืน ศีรษะเล็กหันไปมองโทรศัพท์ข้างหัวเตียงที่บอกเวลาเกือบจะเก้าโมง ดานีนถึงกับสะดุ้งตกใจ เธอเพียงแค่เผลอหลับไปครู่เดียวไม่คิดว่าจะเก้าโมงแล้ว
"ดานีนน้องตื่นหรือยัง ได้เวลาอาหารเช้าแล้วนะ.. จะลงไปพร้อมพี่เลยไหม" เสียงพี่ชายและเสียงเคาะประตูดังผ่านประตูเข้ามาทันทีที่เธอลุกขึ้นจากที่นอน
"เอ่อ.. พี่พีชลงไปก่อนเลยค่ะ นีนยังไม่ค่อยหิว" ดานีนว่า เพราะตอนนี้เธอยังไม่พร้อมจะเจอหน้าพี่ชาย นัยน์ตากลมโตที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักทั้งคืนก็ยังคงบวมเป่ง
"เป็นอะไรหรือเปล่า เปิดประตูให้พี่หน่อยสิ" พิรัชว่าอย่างเป็นห่วงเพราะน้ำเสียงหวานที่ตอบกลับมาดูไม่ค่อยดี
"พอดีนีนปวดหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ”
"แล้วนี่กินยาหรือยัง ให้พี่สั่งรูมเซอร์วิสให้ไหม"
”เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอนอนพักต่อก่อนนะคะ” ดานีนตัดบทเพราะไม่อย่างนั้นพี่ชายเธอคงไม่ยอมไปแน่
”งั้นพี่ไม่กวนละ น้องพักผ่อนเถอะ มีอะไรโทรหาพี่นะ”
”ค่ะ..” หลังจากขานรับพี่ชายเสร็จ ดานีนก็ลุกขึ้นจะไปอาบน้ำให้สดชื่นสักหน่อยเพราะไหน ๆ ก็ตื่นแล้วคงจะนอนต่อไม่หลับ
แต่ในขณะร่างบางที่กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำก็เซถลาจนเกือบล้ม ดีที่เพิ่งเดินออกจากที่นอนได้ไม่ไกลเธอจึงนักพักตรงปลายเตียงก่อน ใบหน้าสวยหวานซีดลงถนัดตา คงเพราะนอนน้อยและบวกกับเรื่องเมื่อคืนด้วย
ทางด้านพิรัชที่เดินเข้ามาในห้องอาหารก็เจอกับแพรวไพลินที่เดินมาพร้อมกับเพื่อนชายใจสาวนามว่าริชชี่พอดี ชายหนุ่มเดินเข้าไปทักริชชี่ที่เป็นเพื่อนกับแพรวไพลินตั้งแต่สมัยเรียนที่อเมริกาแล้วนั่งลงข้าง ๆ หญิงสาวที่กำลังนั่งตักข้าวต้มเข้าปากอยู่
"มาถึงกันนานแล้วเหรอ" ชายหนุ่มถามทันทีหลังจากที่นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามแพรวไพลิน
"สักพักน่ะ ว่าแต่น้องสาวนายไปไหนละ" แพรวไพลินที่กำลังตักข้าวเข้าปากถามถึงดานีนเมื่อไม่เห็นมาด้วย
"ปวดหัวน่ะเลยให้นอนพักข้างบน"
"ตายแล้ว แล้วนี่น้องนีนคนสวยเป็นอะไรมากหรือเปล่า"
ริชชี่จีบปากจีบคอถาม พิรัชจึงอธิบายว่าแค่ปวดหัวนิดหน่อยและกินยาไปแล้ว ริชชี่นั้นรู้จักกับดานีนเช่นกันเพราะเจอกันที่หน้าคาสิโนเมื่อวานที่แพรวไพลินเอาของไปให้จึงได้รู้จักสาวน้อยหน้าหวานนามเพราะ
จากนั้นทั้งสามก็พากันรับประทานอาหารเช้าในเวลาเกือบสิบโมงระหว่างนั้นแพรวไพลินก็ลอบมองเพื่อนหนุ่มอยู่เป็นระยะเพราะพอจะสังเกตสีหน้าและอาการที่ดูไม่ค่อยของพิรัชออก เขามักจะเป็นแบบนี้เสมอเวลามีเรื่องเครียดแต่หญิงสาวก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป จนกระทั่งรับประทานอาหารเสร็จเธอกับริชชี่ก็ขอแยกออกไปช็อปปิ้งและทำสปาตามประสาสาว ๆ ส่วนพิรัชก็กลับขึ้นไปหาน้องสาวที่ห้อง