ทีแรกหยางเหวินเย่ก็อยากจะออกไปด่าเจ้าบ่าวใบ้ตัวดีที่หลอกให้นั่งทรมานเสียตั้งนาน แต่พอเห็นสายตาของภรรยา จึงเตือนตัวเองว่าให้ตกรางวัลให้จางฉวนสักหน่อย
ตกรางวัลใหญ่ที่ทำให้คุณหนูเถียนเถียน ภรรยาของท่านแม่ทัพกลับมาทำตัวน่ารักดังเดิม
“ปวดเมื่อยตรงไหนอีกไหมเจ้าคะ เถียนเถียนจะนวดให้”
“หายโกรธแล้วหรือ”
“ไม่โกรธแล้วเจ้าค่ะ เถียนเถียนไม่โกรธท่านพี่แล้ว”
นางคว้าเอาเสื้อมาสวมให้กับสามี ทั้งตัวในและตัวนอก นึกเสียดายที่จะมิได้เห็นกล้ามเนื้อ ทว่าก็ดีใจที่จะไม่ต้องทนเห็นรอยแผลพาดยาวกลางอก
ท่านพี่บอกว่ามันไม่ได้ลึกมาก ทว่ายามนั้นเย็บไม่ค่อยดี จึงทิ้งรอยแผลเป็นน่าเกลียดเอาไว้
เถียนเถียนเองก็ลูกสาวของรองแม่ทัพ มีหรือจะเชื่อคำลวง
“ปวดขาไหมเจ้าคะ เถียนเถียนจะนวดให้”
“บ่าและไหล่ไม่ปวดแล้ว ปวดที่อื่น”
“ตรงไหนเจ้าคะ”
“ตรงที่จะนวดในสวนมิได้ ต้องกลับไปที่ห้องนอน หรือห้องอาบน้ำ” หยางเหวินเย่จงใจเอ่ยสัพยอก เขามิรู้ตัวเลยว่าได้เผยรอยยิ้มที่ทำให้ภรรยาหายใจไม่ออก เรื่องจะกล่าวอะไรสักหลายคำจึงลืมไปได้เลย
พอเห็นว่าภรรยามิทำหน้าบึ้งตึงหรือเอ่ยวาจาตอบโต้ หยางเหวินเย่จึงดึงตัวนางเข้ามาใกล้ มิสนแล้วว่าบ่าวจะเห็น มิสนแล้วว่าท่านแม่จะดุด่า ในเมื่อเถียนเถียนคือภรรยา อยากจะทำอะไรที่ไหน ตามใจตัวเองอย่างไรก็ย่อมได้ ยิ่งร่างเล็กในอ้อมกอดไม่ขัดขืน ท่านแม่ทัพหนุ่มก็ยิ่งได้ใจ คิดจะตักตวงให้สมกับที่มิได้ทำอะไรไปมากกว่ากอดและแอบหอมแก้มเสียตั้งหลายวัน
สองมือสอดประสาน วนนวดกลางฝ่ามือ ก่อนจะมอบจูบจาบจ้วงในแบบที่เขาชื่นชอบ หยางเหวินเย่ไม่คิดจะอ่อนโยน เพราะความต้องมีมากเกินกว่าจะอดกลั้นต่อไปไหว เขากัดริมฝีปากบางได้รูป สลับกับติ่งหูของนาง โชคดีที่เถียนเถียนยังนั่งอยู่บนพื้นของศาลา มิเช่นนั้นก็คงจะขาอ่อนจนร่วงหล่นลงไปกองอยู่บนพื้นแล้ว
“ท่านพี่เจ้าคะ เถียนเถียนหายใจไม่ทัน” ผู้ที่มีประสบการณ์เหนือกว่า จึงเปลี่ยนไปขบเม้มติ่งหูแทน พอตวัดลิ้นเรียว เถียนเถียนก็ถึงกลับร้องครางเสียงหลง
นี่คืออีกหนึ่งจุดอ่อนของภรรยา
หยางเหวินเย่เตือนตัวเอง
“ท่านพี่เลิกแกล้งข้าเถิดนะเจ้าคะ”
“เช่นนั้นก็เข้าห้อง อดทนรออีกคืนเดียว ข้าต้องตายแน่ ๆ”
หยางเหวินเย่มิได้โกหก เขาต้องการนางเหลือเกิน หลายคืนที่ผ่านมาต้องนอนตัวแข็ง เบื้องล่างเคร่งเครียดตึงแน่น อยากจะจับเจ้ามังกรสอดแทรกกลางกายสาวเสียให้สิ้นเรื่อง แต่หากทำเช่นนั้น เถียนเถียนน้อยก็คงไม่มีวันให้อภัย แค่ถูกอดีตคนรักกอดจูบโดยมิทันระวัง นางยังมิยอมสนทนาดีด้วยตั้งเจ็ดวัน แล้วหากฝืนใจนางในยามนี้ เขาก็คงได้แต่ตัว ส่วนหัวใจนั้นคงย่อยยับเพราะความผิดหวัง
ทว่าวันนี้ หยางเหวินเย่จะมิยอมทนอีก
อย่างน้อยเขาต้องได้กอดนาง จูบนาง หรือได้ทำอะไรหลาย ๆ อย่าง อย่างที่ใจอยากจะทำ
“หากเถียนเถียนไม่พร้อม ทำแบบเมื่อหลายวันก่อนก็ได้”
หยางเหวินเย่ยอมถอยก้าวหนึ่ง ยามเห็นดวงตาหวาดระแวงของภรรยา ทว่าก็ยังมิยอมเลิกเห็นแก่ตัว
มิได้สอดแทรกกลางกาย ขอแค่ได้กอดจูบภรรยาก็ยังดี
คิดได้เท่านั้นก็แข็งขืนจนแทบจะระเบิด
“ได้หรือไม่...” หยางเหวินเย่รั้งตัวนางให้มาแนบชิด มิลังเลที่จะเบียดเสียดเจ้าแท่งเนื้ออุ่นร้อนให้ภรรยาได้เข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องรีบเร่ง ดวงหน้าของนางซับสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากที่ถูกแต้มชาดสีชาดอ่อน ๆ นั่นเปรอะเปื้อนจนดูไม่ได้
ทว่าหยางเหวินเย่กลับชอบมันอย่างมาก
ดวงตากลมโตสีน้ำผึ้งนั่นเขาหลงใหล แก้มอิ่มนั่นเขาก็อยากจะบดจูบลงไปซ้ำ ๆ มิต้องถามถึงริมฝีปากบวมเจ่อน่าสงสารนั่น หยางเหวินเย่ชอบทุกอย่างในตัวภรรยา
หากจะเรียกว่าหลงภรรยาก็คงไม่ผิดนัก
“ปากเจ้าเลอะไปหมดแล้วเถียนเถียน” ทว่าพอนางตั้งใจจะเช็ดออก หยางเหวินเย่กลับร้องห้ามเอาไว้ พร้อมกับจูบซ้ำ ๆ จนเถียนเถียนสาบานกับตนเองว่าจะไม่แต้มปากสีชาด ให้ปรากฏเป็นหลักฐานยามถูกล่วงเกินอีก
“เรากลับห้องเถอะเจ้าค่ะท่านพี่” สาวงามหมดแรงปฏิเสธ ทิ้งตัวลงบนอกกว้างของสามี อย่างน้อยให้เขาเอาเปรียบอยู่ในห้อง ยังดีกว่าทำการมิบังควรให้บ่าวในบ้านเห็นและเอาไปนินทาว่ากล่าว
ผู้เป็นสามีได้ยินดังนั้นก็ถึงกับยิ้มกว้าง อารามดีใจยิ่งกว่าได้ออกศึกที่มองไม่เห็นหนทางแพ้เสียอีก เขาสอดแขนเตรียมอุ้มภรรยา ทว่าเสียงดังเอะอะโวยวายทำให้ต้องเปลี่ยนอากัปกิริยากลางคัน
ซูหนี่ว์ปรากฏตัวอยู่ในสวน โดยมีจางฉวนและเสี่ยวเหมยวิ่งตามมาด้วย มองดูจากรอยแดงบนใบหน้าของบ่าว หยางเหวินเย่จึงเดาได้ว่าทั้งคู่คงพยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว
ทว่ายังไม่ทันจะหันไปอธิบายให้เถียนเถียนได้ฟังว่าเขามิได้นัดหมายให้นางมาพบ ภรรยาเจ้าของดวงตาสีน้ำผึ้งก็วิ่งหนีไปไกลเสียแล้ว
ทุกอย่างที่หยางเหวินเย่พยายามมาตลอดบ่าย ยามนี้กลับไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
เซี่ยซูหนี่ว์ เจ้าเลือกเวลาได้แย่ที่สุด!
******************
นังกระซู่นี่ก็มาบ่อยจริง!!!!
รอบนี้ห้ามพลาดนะพี่หยางงงงง