หลี่จิ้งเงยหน้ามองป้ายสำนักฝูเฉาที่อยู่ตรงหน้า ก่อนมาถึงที่นี่นางได้แปลงโฉมตนเองเล็กน้อยโดยทายาเปลี่ยนสีผิวแล้วรวบผมขึ้นเป็นทรงหางม้าง่ายๆ จึงทำให้นางดูทะมัดทะแมงเหมือนจอมยุทธ์หญิง
ภายในมีคนเดินไปมาอยู่ประปราย นางเดินเข้าไปหาผู้ดูแลที่นั่งอยู่หลังโต๊ะพร้อมกับวางภาพวาดโจรเด็ดบุปผา “ข้าต้องการจับเจ้านี่”
ผู้ดูแลวัยกลางคนเงยหน้ามองหญิงสาวที่ถึงแม้จะทาผิวคล้ำแต่ความงามของนางยังเผยออกมาให้เห็น จากนั้นจึงก้มมองภาพวาดพอรู้ว่าเป็นใครเขาทำหน้าเหยเกทันที
“เอ่อ…แม่นางไม่ใช่ข้าจะดูถูกเจ้าหรอกนะ แต่เจ้าโจรเด็ดบุปผานี่มันร้ายกาจมาก ทั้งทางการทั้งสำนักเราหรือกระทั่งนักล่าหัวทั้งหลายยังตามจับมันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ข้าว่าเจ้าถอดใจเถิด”ไม่อย่างนั้นเจ้าคงถูกเจ้าโจรนี่ทำมิดีมิร้ายแทนเอานะ
หลี่จิ้งยังทำหน้านิ่ง “ไม่ลองจะรู้ได้อย่างไร ข้ายังยืนยันว่าต้องการจับเขา”
ผู้ดูแลถอนหายใจ คิดว่าคงมีคนอยากลองดีอีกแล้วแถมยังเป็นหญิงสาวคนหนึ่งอีก “ได้ถ้าเจ้าต้องการขนาดนั้น ข้าคงไม่ห้ามแล้ว”
เขาหยิบข้อมูลส่งให้นางพร้อมกับให้นางลงรายชื่อและมอบแผ่นป้ายของสำนักให้ “นี่คือข้อมูลทั้งหมดของโจรเด็ดบุปผา เวลาที่มันจะออกก่อเหตุไม่แน่ไม่นอนแต่ส่วนมากจะเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงอีกทั้งมันยังคงอยู่ในเมืองหลวงนี้ ต้องแล้วแต่โชคเจ้าแล้วว่าจะเจอมันหรือไม่”
“ขอบคุณ ว่าแต่ถ้าตามจับได้แล้วให้เงินรางวัลตามนี้จริงใช่ไหม”
“…” นี่นางคิดว่าจะจับมันได้จริงๆหรือ?
“อืมใช่ ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตายขอเพียงเจ้านำมันมาส่งที่สำนักเรา เงินรางวัลนี้ย่อมเป็นของเจ้า”
หลี่จิ้งพยักหน้ารับก่อนจะหยิบข้อมูลเล่มหนาเดินจากไป
นางหามุมหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนเปิดอ่านข้อมูลนั้นอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานนางก็อ่านจบแล้วจึงพอสรุปได้ว่า โจรเด็ดบุปผานี้วรยุทธไม่ธรรมดา ขนาดผู้มีวรยุทธขั้นเก้ายังไม่สามารถเอาชนะมันได้ง่ายๆ ตอนก่อเหตุผู้ที่เคราะห์ร้ายล้วนเป็นหญิงสาวที่เป็นบุตรีของขุนนาง ส่วนช่วงก่อเหตุต่างเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง นางลองนับวันเวลาพบว่าเป็นคืนนี้พอดี!
หลี่จิ้งลองไล่ดูรายชื่อสถานที่เกิดเหตุดูว่ายังมีที่ไหนบ้างที่โจรเด็ดบุปผายังไม่เคยไป ถึงนี่จะเป็นความลับห้ามเผยแพร่ออกไปแต่เพื่อตามจับให้ตรงจุดทางการเลยต้องให้ข้อมูลนี้แก่ผู้ที่จะออกตามล่า
หลี่จิ้งขมวดคิ้วเล็กน้อย แบบนี้มันไม่ง่ายเหมือนอย่างที่นางคิดไว้ในทีแรก แต่คืนนี้เป็นโอกาสอย่างไรคงต้องมีเบาะแสบ้าง
“นี่ คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงล่ะ”
“หือ? อ่อใช่ เจ้าโจรเด็ดบุปผาจะออกก่อเหตุคืนนี้สินะ”
“อืม ไม่รู้ว่าบุตรสาวบ้านขุนนางคนไหนจะโชคร้ายอีก เจ้าเห็นไหมวันนี้ทหารตรวจตราต่างเพิ่มกำลังเยอะกว่าปกติ”
“ตอนนี้เหลือเป้าหมายไม่มากแล้วนี่ แต่ข้าได้ยินข่าวลือมาบ้างว่าเป้าหมายต่อไปน่าจะเป็นบุตรสาวของท่านราชครูที่พึ่งกลับมาไม่นาน เห็นว่านางงดงามไม่น้อย”
“จริงหรือ! แต่แบบนั้นมันไม่เสี่ยงเกินไปหรือ ท่านราชครูคือคนระดับไหนกัน แค่บริเวณรอบจวนยังคุ้มกันแน่นหนาขนาดนั้น”
“ไม่รู้สิ นี่เป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น บางครั้งอาจจะไม่ใช่ก็ได้”
พอได้ฟังชาวบ้านที่เดินผ่านไปจบ หลี่จิ้งขมวดคิ้วมุ่น พวกเขาหมายถึงหลิงลู่อย่างนั้นหรือ? แย่ล่ะสิตนเองเผลอปล่อยนางไว้คนเดียวไม่รู้ว่านางจะกลับถึงจวนแล้วหรือยัง
หลี่จิ้งรู้สึกวุ่นวายใจ นางรีบย้อนคืนกลับไปที่จวนตระกูลเฉินอย่างเร็ว ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ถึงยามค่ำคืน แต่โจรเด็ดบุปผาคาดเดาความคิดได้ยาก นางต้องไปเตือนหลิงลู่สักหน่อยแล้ว
พอมาถึงหน้าจวนหลี่จิ้งเรียกคนเฝ้าประตูมาถามทันที “หลิงลู่กลับมายัง”
“คุณหนูหรือขอรับ? ไม่ใช่ว่าออกไปพร้อมกับท่านหรอกหรือ”คนเฝ้าประตูมองนางอย่างงุนงง
หลี่จิ้งรู้สึกถึงลางร้าย “เจ้าไปแจ้งให้ท่านราชครูและคุณชายเฉินทราบว่าหลิงลู่หายตัวไป ส่วนข้าจะออกตามหาล่วงหน้าไปก่อน”
“หา!?”คนเฝ้าประตูตกใจ เขาอยากจะถามอะไรเพิ่มแต่กลับไม่เห็นเงาร่างของหลี่จิ้งเสียแล้ว พอได้สติเขาจึงรีบหมุนตัววิ่งเข้าไปในจวนอย่างร้อนรน
หลี่จิ้งย้อนกลับมาจุดที่ตนกับนางแยกกัน นางคอยสอบถามผู้คนรอบๆโดยบรรยายลักษณะของหลิงลู่ แต่ไม่มีใครรู้เลย
หลี่จิ้งรู้สึกร้อนใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถึงนางจะรู้จากข้อมูลมาว่าเจ้าโจรนั่นจะทำการล่วงเกินหญิงสาวตอนที่พระจันทร์ขึ้นเท่านั้น แต่อีกฝ่ายกลับจับตัวหญิงสาวไปแบบนี้ไม่รู้จะเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรหรือไม่
เสี่ยวชิงเห็นท่านแม่มีสีหน้ากังวลมันจึงเอ่ยถาม
“จี้?” (ท่านแม่เป็นอะไรหรือ?)
“ข้ากำลังตามหาคนน่ะสิ”หลี่จิ้งตอบกลับไปอย่างลืมตัว
“จี้”(ใครกัน?)
“หลิงลู่…”หลี่จิ้งหยุดชะงัก นี่นางจะพูดกับนกไปทำไมกัน
“จี้” (อ๋อ ท่านตามหานางนั่นเอง ข้ารู้ว่านางอยู่ที่ไหน)
หลี่จิ้งหันไปมองเสี่ยวชิงที่เกาะอยู่บนไหล่นางทันที “เจ้ารู้?”
เสี่ยวชิงผงกหัว “จี้”(ข้าจับพลังชีวิตของนางได้ จึงรู้ว่าตอนนี้นางอยู่ที่ไหน)
“เจ้ามีความสามารถนี้ด้วย?”หลี่จิ้งมองมันอย่างไม่ค่อยจะเชื่อ
เสี่ยวชิงไม่พอใจ “จี้!”(ท่านไม่เคยถามข้าเลยว่าข้ามีความสามารถอะไร เรื่องนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของความสามารถของข้าเท่านั้น!)
“…” เอาเถิดนางเป็นคนผิดเอง
“ข้าขอโทษ ว่าแต่ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน เจ้าช่วยพาข้าไปหานางได้หรือไม่”
เสี่ยวชิงหายงอนเมื่อได้ยินคำขอโทษอย่างจริงใจ มันกระพือปีกอย่างร่าเริง ก่อนจะบินนำหน้านางไป “จี้”(ท่านตามข้ามา)
หลี่จิ้งจึงใช้วิชาตัวเบาตามมันไป
กลับมาที่จวนของท่านราชครู พอพวกเขาทราบว่าเฉินหลิงลู่หายตัวไป ทุกคนต่างร้อนใจมากโดยเฉพาะเฉินถู
“รีบนำกำลังคนออกตามหาเร็วเข้า!”
เฉินไป๋หงรีบเอ่ยห้าม “ท่านลุงแบบนั้นถ้าคนอื่นแตกตื่นจะไม่เป็นผลดีกับชื่อเสียงของหลิงลู่นะขอรับ เราควรจะออกตามหาอย่างลับๆ”
เฉินถู “ใช่ๆ ข้าร้อนใจเกินไปจนลืมนึกถึงเรื่องนี้”จากนั้นเขาจึงสั่งให้บุตรชายทั้งสองนำกำลังออกไปค้นหาอย่างลับๆ ห้ามให้ชาวบ้านรู้โดยเด็ดขาดว่าบุตรสาวของเขาหายตัวไป
ตอนนี้เขาเสียใจยิ่งที่ไม่ได้ให้คนคอยตามพวกนางออกไปข้างนอก เพราะบุตรสาวคัดค้านแท้ๆ มีเพียงหญิงรับใช้เพียงคนเดียวที่ตามไปด้วยแต่ตอนนี้ยังไม่เห็นนางด้วยซ้ำ อีกทั้งไม่กี่ชั่วยามฟ้าก็จะมืดแล้วทำเอาเขากังวลยิ่งนัก
เฉินไป๋หงออกไปตามหาเช่นกัน เขาสงสัยยิ่งว่าเกิดเหตุอันใดที่ทำให้หลี่จิ้งกับหลิงลู่ต้องแยกกันจนเกิดเหตุการณ์นี้ได้
ขณะที่เขาพึ่งออกมาหน้าจวนกลับเห็นสาวใช้ของหลิงลู่วิ่งโซซัดโซเซมา พอเห็นเขาจึงรีบคารวะแล้วเอ่ยเสียงสั่น
“คุณชายเฉินได้โปรดรีบไปช่วยคุณหนูด้วยเจ้าค่ะ!”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมนางถึงหายตัวไปเจ้ารีบพูดมา”
จากนั้นสาวใช้จึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เฉินไป๋หงฟัง ตั้งแต่หลี่จิ้งจะไปตามจับโจรแล้วเฉินหลิงลู่จะกลับมาบอกเฉินไป๋หงให้ไปช่วย แต่ระหว่างทางพวกนางดันถูกฉุดไปในตรอกหนึ่งจากนั้นสาวใช้จึงถูกทำให้สลบลง พอตื่นขึ้นมาก็ไม่พบเฉินหลิงลู่แล้ว
เฉินไป๋หงขมวดคิ้วมุ่น เรื่องนี้จะโทษหลี่จิ้งไม่ได้เพราะนางเองคงไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น พอนางรู้นางจึงรีบออกไปตามหาก่อนพวกเขา
พอทราบต้นสายปลายเหตุ เขาจึงมุ่งหน้าไปที่หอจรัสสาขาย่อยของสหายเพื่อไปสืบข้อมูลบางอย่าง
หลี่จิ้งที่วิ่งตามเสี่ยวชิงมาพบว่ามันพานางออกนอกตัวเมืองเล็กน้อย บ้านเรือนเริ่มบางตารอบๆเต็มไปด้วยป่าไผ่ “ทางนี้แน่หรือ?”
“จี้”(แน่นอน พลังชีวิตนางอยู่ทางนี้อีกทั้งใกล้ถึงแล้ว)
ตามที่นางสอบถามเสี่ยวชิง พบว่าเสี่ยวชิงมีความสามารถในการจับพลังชีวิตของคนใกล้ตัวนางได้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ที่ไหนมันสามารถหาพบ
หลังจากบุกป่าไผ่มาสักพักหลี่จิ้งจึงเห็นกระท่อมหลังเล็กและเก่ามากหลังหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าไผ่ ยากที่คนจะสังเกตเห็นเพราะมันอยู่ลึกมาก
“จี้!”(ที่นี่แหละ!)
หลี่จิ้งรีบซ่อนตัว“นางอยู่ด้านใน?”
เสี่ยวชิงผงกหัว หลี่จิ้งมองไปรอบๆบริเวณนี้ไม่มีใครอาศัยอยู่แน่นอน นางพยายามเอียงหูฟังไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่นนอกจากเสียงลมและเสียงไม้ไผ่เสียดสีกัน
หลี่จิ้งหรี่ตามองกระท่อมเก่านั่นอยู่สักพัก จึงพบจุดที่ไม่ปกติ ที่นี่มีค่ายกล!
***ขออภัยที่หายไปนานนะเจ้าคะ ไรท์พึ่งว่างจริงๆ😅😅🙏🙇♀️