EP 02
"นะ..นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน" มิลล่าหันไปถามคนข้างๆเสียงสั่น ความหวาดกลัวถาโถมเข้าใส่จนไม่มีสติจะแก้สถานการณ์ตรงหน้า ในขณะที่เสียงเหล็กขูดลากกับพื้นถนนดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หัวใจที่เหมือนจะหยุดเต้นไปในตอนแรกกระตุกวูบด้วยความหวาดกลัว
"ชะ..ชนมัน!" ชายหนุ่มปริศนาพยายามเค้นเสียงบอกอีกครั้ง เนื้อตัวเริ่มสั่นเทาเพราะเสียเลือดมากเกินไป มิลล่ากำพวงมาลัยแน่นเมื่อเผลอสบตากับคาลวินที่เดินเข้ามาใกล้ๆ แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นเธอที่นั่งอยู่ในรถ แต่ดวงตาสีน้ำข้าวคู่นั้นก็ทำให้เธอตัวแข็งทื่อได้
คาลวินเหลือบมองคราบเลือดที่ติดอยู่หน้ารถของเธอเพียงนิด ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมามองเธอที่แอบอยู่ในความมืดอีกครั้ง
"ชะ..ชนมัน ไม่งั้นเราจะ..อึก..ตะ..ตายกันหมด"
มิลล่าสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เมื่อความเย็นเฉียบจากวัตถุสีดำสัมผัสกับขมับ แม้จะไม่ได้หันไปมองตรงๆก็รู้ทันทีว่าวัตถุนั้นคือปืน หากย้อนเวลากลับไปได้เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว เธอคงจะเลือกเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่รับเจ้าของปืนที่จ่ออยู่ตรงขมับขึ้นรถมาด้วย
"อะ..ไอ้นั่นมันเป็นปีศาจ..อึก..ระ..เราได้ตายพร้อมกันแน่ถ้าเธอเปิดประตูรถ"
ไวเท่าความคิด มิลล่าถอยรถไปข้างหลังอย่างรวดเร็วเมื่อคาลวินเดินเข้ามาใกล้ๆจนเกือบถึงหน้ารถ ก่อนจะตัดสินใจเหยียบคันเร่งเต็มแรง ชนปะทะกับรถยนต์ทั้งสองคันที่จอดขวางอยู่ตรงหน้า
โครม!!
"อึก!" แรงปะทะของรถที่แรงพอสมควรทำให้เธอเผลอปล่อยพวงมาลัย ขณะที่เท้ายังเหยียบคันเร่ง แม้จะเจ็บแขนทั้งสองข้างแต่เธอก็ขับรถออกมาจากตรงนั้นด้วยความเร็ว
"ฉะ..ฉันจะช่วยคุณแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ ถ้ารอดไม่ต้องตามหาฉัน ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น" ความหวาดกลัวยังถาโถมเข้าใส่จนร่างกายสั่นเทา มิลล่าเอ่ยบอกคนข้างๆเสียงสั่น ในขณะที่เขาเก็บปืนไว้ข้างเอว
"ขะ..ขอบใจ" น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแผ่วเบาจนคนที่ได้รับคำขอบคุณใจหาย มิลล่าข่มความกลัวไว้ในใจ เหยียบคันเร่งจนเกินความเร็วที่กฎหมายกำหนด หางตาเหลือบมองกระจกหลังเป็นระยะ
เคล้ง!
คาลวินปล่อยแท่งเหล็กในมือร่วงลงพื้น ขณะที่มองรถยนต์คันหนึ่งขับห่างออกไปเรื่อยๆด้วยความเร็ว เขายกมือห้ามลูกน้องที่ตั้งท่าจะตามรถคันนั้นไป ก่อนจะหยิบบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ออกมาด้วยมือที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือด พ่นควันบุหรี่ขาวคลุ้งออกจากปาก แล้วเดินกลับไปที่รถของตัวเอง ดวงตาคมเหลือบมองความเสียหายของรถยนต์ทั้งสองคนเพียงนิด ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ หลุดออกจากปากของเขา
มิลล่าซบหน้าลงบนพวงมาลัย พลางนึกย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว หลังจากส่งคนเจ็บถึงมือหมอแล้ว ขณะที่เธอยังจอดรถอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
มือเรียวเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ตกอยู่ข้างเท้าขึ้นมา หน้าจอปรากฏแสงสว่างเมื่อยกมือถือขึ้นมาจ่อหน้า ท่ามกลางความเงียบที่คละคลุ้งด้วยกลิ่นคาวเลือดมีเสียงตวาดดังเล็ดลอดออกมาจากมือถือเบาๆ
"ฮะ..ฮัลโหล"
(มิลล่า! เกิดอะไรขึ้นวะ!) น้ำเสียงร้อนรนของคนปลายสายบ่งบอกถึงความเป็นห่วงเป็นใย
"พะ..เพลิง ฉันเจอเขา"
(มึงตั้งสติก่อนดิ๊ ค่อยๆเล่าให้กูฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น มึงเจอใคร แล้วคนที่อยู่ในรถกับมึงเป็นใคร)
"ฉันเจอคาลวิน"
(...) คนปลายสายเงียบไปเมื่อได้ยินชื่อของบุคคลอันตรายจากปากของเพื่อนรัก (ขอชัดๆอีกที มึงเจอใครนะ)
"คาลวิน เขามากับลูกน้องของเขา ถือแท่งเหล็กลงมาจากรถ แท่งเหล็กในมือเขาเปื้อนเลือดด้วย เขาตามมาทำร้ายคนที่ฉันช่วยไว้"
(มึงตั้งสติหน่อย กูจับต้นชนปลายไม่ถูก)
"ฉันกำลังจะไปหาทับทิม แต่จู่ๆ ก็มีคนกระโดดออกมาขวางหน้ารถ เขาเลือดเต็มตัว ฉันเลยรับเขาขึ้นมาบนรถเพราะคิดว่าเขาบาดเจ็บเพราะฉัน แต่พอขับรถออกมาตรงนั้นก็มีรถสองคนขับมาตัดหน้า มันเป็นรถของคาลวิน เขาตามมาทำร้ายคนที่ฉันช่วยไว้ ฉันไม่มีทางเลือกเลยชนรถเขาแล้วขับหนีมา"
(มึง...มึงบอกว่ามึงช่วยศัตรูของคาลวิน แล้วก็ขับรถชนรถของคาลวินด้วย?)
"มันมีทางเลือกให้ฉันเลือกซะที่ไหนล่ะ ฉันไม่กล้าขับรถคันนี้แล้ว ไม่กล้ากลับห้องตัวเองด้วย"
(คาลวินไม่เห็นหน้ามึงใช่ไหม)
"ไม่ ฉันไม่รู้ว่าเขาจำทะเบียนรถได้ไหม แต่คิดว่าในสถานการณ์แบบนั้นคงจำไม่ได้ เขาไม่เห็นหน้าฉัน"
(งั้นมึงเอารถกูไปใช้ก่อน รถคันนั้นก็เอาเข้าอู่ไป เดี๋ยวกูไปรับอีทับทิมที่ห้องแล้วไปหามึง)
"ฉันไปนอนกับแกได้ไหม"
(เออ เดี๋ยวกูไปรับ ถ้ากลัวไม่ต้องวางสายก็ได้)
"ขอบใจ" มิลล่าวางโทรศัพท์มือถือไว้บนหน้าขาโดยไม่วางสาย แล้วซบหน้าลงบนพวงมาลัยอีกครั้ง เธอไม่เคยรู้จักกับคาลวินมาก่อน ครั้งแรกที่เจอกันคือวันที่เผลอสบตากับเขาเมื่อวันก่อน บรรยากาศรอบตัวของเขาดูอันตรายจนไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย ยิ่งได้เห็นเขาในวันนี้ก็ยิ่งตอกย้ำว่าความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้เกินจริง
หากไปเป็นได้เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาเลย
@หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
เหมือนพระเจ้าจะรับฟังคำขอของเธอ หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเธอยังใช้ชีวิตตามปกติ คาลวินไม่ได้ตามหาเธอเหมือนที่คิดไว้ในตอนแรก ขณะที่เธอเองก็หลีกเลี่ยงการไปสถานเริงรมย์ที่เคยเจอเขาครั้งแรก
"มึงจะล่อกแล่กมองซ้ายมองขวาอีกนานไหม แม่งเหมือนคนมีคดีติดตัวเลย" เพลิงเอ่ยขึ้นด้วยความรำคาญ เขาเห็นมิลล่ากวาดตามองรอบๆผับตลอดเวลา ขณะที่นั่งดื่มเหล้ากันอยู่ในโซนวีไอพีของผับแห่งหนึ่ง
"ลองมาเป็นฉันดูไหมล่ะ"
"ปกติไม่เคยเห็นมึงกลัวใคร ใครมาหาเรื่องก็ใส่เดี่ยวตลอด กับคนนี้มึงดูกลัวจังเลยนะ"
"แล้วฉันจะเอาอะไรไปสู้กับเขาล่ะ นั่นมันมาเฟียนะ ถ้าแกเก่งนักลองไปสู้กับเขาให้ดูหน่อยสิ"
"เพื่อนกูนี่ปากดีจริงๆเลย งั้นกูขออวยพรมึงให้ได้ให้โดนก็แล้วกัน"
"ขอขัดจังหวะหน่อยนะคะเด็กๆ" น้ำเสียงมีจริตของใครบางคนดังขัดขึ้นก่อนที่มิลล่าจะได้แหวใส่เพื่อนรัก ทำให้เพลิงและมิลล่าหันไปหาเจ้าของเสียงนั้นอย่างพร้อมเพรียง
"ดีเจ๊" เพลิงทักทายอย่างสนิทสนม
"ดีจ้ะพ่อหนุ่มแบดบอย วันนี้มากันสองคนเหรอ" พราวเอ่ยถามเด็กหนุ่มรุ่นน้อง เธอเคยเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของทั้งสองคน แต่เรียนจบมาแล้วหนึ่งปีกว่า และยังเป็นของเจ้าผับแห่งนี้
"ทิมมันอกหักหนีไปเที่ยวต่างจังหวัดกับพ่อแม่มันแล้ว"
"น้องทับทิมของเจ๊น่าสงสารจริงๆ แต่ตอนนี้เจ๊ก็น่าสงสารพอกัน น้องมิลช่วยเจ๊หน่อยสิ~" เธอหย่อนสะโพกนั่งลงข้างๆรุ่นน้อง ดึงแขนอีกฝ่ายมากอดอย่างออดอ้อน
"คงไม่ได้จะให้มิลไปรับแขกให้ใช่ไหม"
"ฮือ~ ช่วยเจ๊หน่อยนะ เด็กที่ร้านหยุดไปสองคน แถมวันนี้มีแขกซุปเปอร์วีไอพีมาด้วย เจ๊อยากให้มิลไปช่วยรับรองแทนเด็กของเจ๊หน่อย น้าาา~"
"ไม่เอาด้วยหรอก มิลไม่ชอบพวกเฒ่าหัวงู"
"คนนี้หล่อนะ ไม่ได้หล่อธรรมดาแต่หล่อมากกก มิลช่วยเจ๊หน่อยนะ แค่ไปนั่งกับแขกเฉยๆเอง ไม่มีกอด ไม่มีจูบ แค่คอยดูแลเฉยๆ"
"มิลไม่ชอบทำอะไรแบบนั้น ขี้เกียจเปลี่ยนชุดด้วย"
"สายเดี่ยวจัดเต็มมาขนาดนี้ไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว นะๆ ช่วยเจ๊หน่อยนะคนสวย"
"..." มิลล่ามองหน้ารุ่นพี่อย่างลำบากใจ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตอบตกลง "ก็ได้ค่ะ มิลช่วยแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ"
"อ๊ายยยย! น่ารักที่สุดเลย งั้นรีบไปกันดีกว่า เจ๊ยืมตัวน้องมิลหน่อยนะ เดี๋ยวมานั่งเป็นเพื่อน" พราวรีบหยัดกายลุกขึ้น หันไปพูดกับเพลิงในประโยคท้าย แล้วลากแขนมิลล่าเดินขึ้นไปบนชั้นสองของผับพร้อมกัน
"ขออนุญาตค่ะ...!!!" มิลล่าเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ หลังเปิดประตูห้องวีไอพีเข้ามาเจอกับชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำหลายคน ทว่าคนที่ทำให้เธอเกือบลืมหายใจไปชั่วขณะคือชายหนุ่มลูกครึ่งที่นั่งอยู่บนโซฟา เขายกขาไขว่ห้าง ในขณะที่แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักโซฟา พร้อมกับพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก
"คะ..คาลวิน"
--------------------------------------
ขนาดยังไม่พูดอะไรสักคำยังสัมผัสได้ถึงความเลว 5555555555555 น้องมิลควรไปทำบุญสะเดาะเคราะห์นะ 😂
ช่วยคอมเมนต์ให้เค้าหน่อยน้าาา ได้อ่านคอมเมนต์แล้วกระชุ่มกระชวย~ เมนต์สั้นๆก็ชื่นใจแล้ว~
ฝากกดถูกใจให้เวย์หน่อยนะคะ