U&Me
4
เช้าวันใหม่ที่แสนสดใส …
ลัลล๊าาาาๆ
ผมเดินลงมาจากบันไดหรูของบ้านอย่างอารมณ์ดี วันนี้ผมมีเรียนเช้าเลยต้องแหกขี้ตาตื่น และตอนนี้ผมกำลังจะไปเรียน
“อิมเมจมานี่สิลูก มาดูสิว่าใครมาหา” เสียงใสๆของแม่ผมดังขึ้นมาทางห้องรับแขก
“คร้าบบบบบ~ ว่าแต่ใครมาหาผมอ่ะ” ผมว่าพลางเดินเข้าไปในห้องรับแขก เมื่อเห็นหน้าคนที่มาหา ผมว่าผมวิ่งออกไปจากห้องรับแขกตอนนี้ยังทันไหม
คลาสเตอร์ เขามาทำอะไรที่นี่?
“นายมาทำไมอ่ะ?” ผมถามขึ้นด้วยสีหน้าเฉยๆบึ้งตึงเล็กน้อย ถ้าเป็นเวลาที่เรายังเป็นแฟนกัน ผมคงไม่รอช้าที่จะปรี่เข้าไปหอมแก้มเขาฟอดใหญ่
“เป็นอะไรไปน่ะอิมเมจ คลาสเตอร์เขามาหาไม่ดีใจเหรอ” แม่ผมว่า
แม่ผมท่านเป็นผู้หญิงสมัยใหม่และยังยอมรับเพศที่สาม ซึ่งแม่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้าผมจะคบกับผู้ชายด้วยกัน ขอแค่เขารักผมมากๆก็พอ และแม่ผมก็ยินดีซะเลยเกินถ้าได้คลาสเตอร์มาเป็นลูกเขย ซึ่งต่างจากแม่ของคลาสเตอร์ ท่านน่ะเกลียดผมอย่างกับอะไรดี
“ทะเลาะกันเหรอลูก” อันนี้แม่ผมท่านหันไปถามคลาสเตอร์
“ครับ ทะเลาะกันนิดหน่อย เดี๋ยวก็ดีกันแล้วครับ” คลาสเตอร์ตอบยิ้มๆแลดูสุภาพ
“แม่คร้าบบบบ ผมไปเรียนก่อนนะ รักแม่นะครับ ฟอดดดดด~” ผมทำเป็นไม่สนใจคลาสเตอร์ วิ่งแจ้นไปกอดแม่แล้วหอมแก้มท่านฟอดใหญ่ ผมน่ะรักแม่ที่สุดเลย แม่ผมท่านอายุสี่สิบกว่าๆแต่ยังสวยยังสาวเหมือนคนอายุยี่สิบต้นๆเลย นี่ไม่ได้อวยแม่ตัวเองนะ แต่ท่านยังสาวยังสวยจริงๆไม่งั้นจะมัดใจคุณพ่อจอมเจ้าชู้ได้ไง
“ป้าแจ่ม เรียกลุงสมชายไปส่งผมที่มหาวิทยาลัยที” ผมหันไปสั่งกับป้าแจ่มแม่บ้านคนสนิทของคุณแม่ ป้าแจ่มท่านอยู่กับแม่ของผมมาเป็นยี่สิบกว่าปีแล้ว ตั้งแต่ผมยังเล็กเลยแหละ และผมก็นับป้าแจ่มเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่ง
“คุณหนูค่ะ ลุงชมชายไปส่งคุณผู้ชายที่บริษัทค่ะ” ป้าแจ่มบอก อ้าวแล้วนี่ผมจะไปเรียนยังไง อีกอย่างจะให้ผมขับรถไปเรียนก็คงจะไม่ไหวเพราะผมขับรถไม่แข็งอ่ะดิ
“คลาสเตอร์งั้นแม่วานไปส่งอิมเมจหน่อยสิ” อันนี้แม่ผมหันไปพูดกับคลาสเตอร์ที่นั่งยิ้มหน้าบานเลย
“ผมเต็มใจครับคุณแม่ ถึงคุณแม่ไม่บอกผมก็ต้องไปส่งอิมเมจอยู่แล้วเพราะยังไงอิมเมจก็เป็นแฟนผม” คลาสเตอร์ว่า
“เราเลิกกันแล้ว” ผมโพล่งออกไปอย่างลืมตัวว่าแม่นั่งอยู่นี่
“ว่าไงนะลูก เลิกกันแล้ว!” อันนี้เสียงแม่ผม ท่านถามขึ้นมาอย่างตกใจ
“อิมเมจเขาโกรธผมอยู่นะครับ เลยพูดออกไปแบบนั้น อีกหน่อยเราก็คืนดีกันแล้ว” คลาสเตอร์ว่าให้แม่ผมสบายใจ
“ก็คงงั้น เพราะเจ้าอิมเมจน่ะ เวลาโกรธแล้วมักพูดประชดแบบนี้แหละ ฮ่าๆ ลูกคลาสเตอร์ไม่ต้องไปถือสานะลูก” แม่ผมว่า
“ผมไปเรียนก่อนนะครับแม่ ป้าแจ่ม สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้แม่กับป้าแจ่มก่อนจะเดินออกมาจากบ้าน ไม่มีใครไปส่ง ขึ้นแท็กซี่ไปคนเดียวก็ได้
“คลาสเตอร์ไปส่งอิมเมจสิลูก” เสียงแม่ผมดังตามหลังมา แม่ผมนี่จริงๆเลยไม่ถามลูกชายตัวเองเลยว่าอยากไปด้วยไหม
“เดี๋ยวไปส่ง” คลาสเตอร์เดินตามหลังผมมาติดๆ
“ไม่ต้อง เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปส่ง” ผมว่าโดยไม่มองใบหน้าหล่อๆของคลาสเตอร์และเดินดุ่มๆไปที่หน้าบ้าน
“ก็บอกว่าจะไปส่งไง วันนี้นายมีเรียนเก้าโมงไม่ใช่เหรอ นี่มันแปดโมงสี่สิบแล้วนะ ถ้าขึ้นแท็กซี่ไปนายเข้าเรียนไม่ทันแน่ๆ”
“ไม่ต้องยุ่ง” ผมไม่สน
“อย่าดื้อสิอิมเมจ”
“ฉันไม่ได้ดื้อ แต่ฉันไม่จำเป็นต้องให้นายไปส่ง” ผมยังคงเถียงกลับ
“ฉันบอกดีๆไม่ฟังเองนะ” คลาสเตอร์บอกก่อนที่ร่างสูงๆของเขาจะเข้ามาประชิดตัวผมและอุ้มผมขึ้นในท่าเจ้าหญิง
“นี่นายจะทำอะไร ปล่อยฉันลงนะ ปล่อย!” ผมดิ้น มือเล็กๆก็ทุบไปที่อกกว้างของอีกฝ่ายแต่เหมือนเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด
คลาสเตอร์ยัดผมเข้าไปในรถลัมเบอร์กินี่คันสวยของเขาแถมยังคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย ร่างสูงรีบอ้อมไปประจำที่คนขับและขับออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ฟังเสียงโวยวายของผมเลยสักนิด
บื้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!
มหาวิทยาลัย XXX
เพียงไม่กี่นาทีรถคันสวยก็เข้ามาจอดที่หน้าตึกคณะของผม
“ขอบคุณที่มาส่ง” ผมหันไปขอบคุณร่างสูงข้างๆด้วยใบหน้าบึ้งตึง ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ แต่แขนข้างหนึ่งผมกลับถูกกระชากไว้ เขาดันตัวผมให้ติดกับเบาะรถ
“นายจะทำอะไร?” ผมถามอย่างระแวง ถ้าเขายังทำตัวเหมือนตอนที่เรายังเป็นแฟนกันแบบนี้ ผมว่าผมคงตัดใจจากเขาไม่ได้ง่ายๆแน่ ให้ตายเหอะ นี่ผมก็พยายามแกล้งทำตัวบึ้งตึงใส่เวลาที่เขาอยู่ใกล้ๆ
คลาสเตอร์จ้องหน้าผมพร้อมกับขยับใบหน้ามาใกล้จนริมฝีปากของเขาประกบลงมาที่ริมฝีปากบางของผม เขาจูบผมอย่างแผ่วเบาก่อนจะผละออก หลังจากนั้นก็หอมแก้มผมทั้งสองข้างฟอดใหญ่
ฟอดดดดดดดดดดดด~
“ตั้งใจเรียนนะครับคนดี”
จุ๊บ~
เขาจูบลงมาที่หน้าผากของผมอย่างอ่อนโยน
ตึกตักๆๆๆๆ >>> เสียงหัวใจผม
“อื้ม! รู้แล้ว ปล่อยฉันได้ยัง” ผมว่าเสียงแผ่ว ก้มหน้างุด ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด ให้ตายเถอะ! นี่ผมแพ้ทางคลาสเตอร์เหรอเนี่ย
“เรียนเสร็จเดี๋ยวมารับ”
“มะ ไม่ต้อง” ผมรีบปฏิเสธ ผมไม่อยากอยู่ใกล้เขาไปมากกว่านี้แล้ว ผมกลัวว่าผมจะใจอ่อนนะสิ
“ถึงนายจะปฏิเสธแต่ฉันก็จะมารับนายทุกวัน ถึงนายจะไม่ยอมขึ้นรถไปกับฉันแต่ฉันก็จะมารอนายที่นี่ทุกวัน”
ฮือออออ~ คลาสเตอร์พูดซะจนน้ำตาผมจะไหลเลย
“คลาสเตอร์ นายตัดใจจากฉันเถอะ เพราะยังไงความรักของเรามันก็เป็นไปไม่ได้”
“ไม่!! ฉันรักนายนะอิมเมจ” คลาสเตอร์ดึงร่างเล็กของผมไปกอดไว้แน่น
“ตัดใจจากฉันซะเถอะ นายอย่าทำให้ฉันลำบากใจไปมากกว่านี้เลย ปล่อยฉันได้แล้วฉันจะไปเรียน” ผมผละออกจากอ้อมกอดของคลาสเตอร์ก่อนจะเดินลงไปจากรถของเขาและเดินเข้าตึกเรียนโดยไม่หันหลังกลับไปมองเขาอีกเลย
เมื่อเดินเข้าตึกมาได้สักพักผมก็รีบต่อสายไปหาไอ้บ้าแวมไพร์ทันที แมร่ง! ไม่รู้มันหายหัวไปไหน ต้องโทรไปต่อว่าสักหน่อย เป็นแฟนภาษาอะไรกันว่ะ
ตู๊ดๆ ตู๊ดๆ
“ไอ้บ้าแวมไพร์ นี่นายหายหัวไปไหนห่ะ!!!” หลังจากปลายสายกดรับแล้วผมก็กรอกเสียงแว้ดๆลงไปทันที
(“อื้ออ~ แวมกำลังนอนหลับอยู่ค่ะ ตอนนี้เขาไม่สะดวกคุย”) เสียงผู้หญิงตอบกลับมาด้วยท่าทางงัวเงีย
“เธอเป็นใคร แล้วตอนนี้ไอ้แวมไพร์มันอยู่ที่ไหน?” ผมถามขึ้น รู้สึกโมโหนิดๆ นี่แมร่งไปนอนกับผู้หญิงรึไงกัน
(“ฉันเป็นแฟนแวมค่ะ ตอนนี้เรากำลังนอนอยู่ห้อง อื้ออ~ แวมค่ะ ไม่เอา ขวัญไม่ไหวแล้ว อ๊ะๆ อื้ออออ~ อย่าค่ะ อ๊ะๆๆ เมื่อคืนยังไม่พออีกเหรอค่ะ ยะ อย่า อ๊าาาาส์”)
ติ๊ดดด!
ผมกดตัดสายทันทีเพราะทนฟังเสียงครางกระเส่าของผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ รู้สึกโกรธจนเลือดขึ้นหน้า
ไอ้แวมไพร์ นายตายแน่!!
ผมกำไอไฟนในมือไว้แน่น พยายามเก็บอาการโมโหเอาไว้
“เป็นอะไรของมึงว่ะอิมเมจ” เสียงใสๆของไอ้ชานมดังขึ้นจากข้างหลัง
“อยากฆ่าคนว่ะ!!” ผมหันไปตอบมันเสียงเข้มก่อนจะเดินปึงปังเข้าห้องเรียน
“อะไรของมันแว๊” >>> เสียงไอ้ชานม
12.35 น.
ในที่สุดก็เรียนเสร็จสักที สามชั่วโมงที่แสนน่าเบื่อกับการนั่งฟังอาจารย์สอนซึ่งมันไม่ได้เข้าหัวสมองของผมเลยสักนิด
เมื่อเดินออกมาจากตึกสูงของคณะ ผมก็เห็นร่างสูงที่แสนคุ้นเคยยืนส่งยิ้มกว้างมาให้
นี่คลาสเตอร์ยังมารอรับผมจริงๆเหรอเนี่ย
“ไหนว่าเลิกกันแล้วว่ะ ทำไมยังมีไปรับไปส่งกันด้วย” ไอ้ชานมแซวผม ผมหันไปทำหน้ายักษ์ใส่มัน ก็เลิกกันแล้วนะสิแต่คลาสเตอร์ก็ยังไม่เลิกยุ่งกับผมสักที นี่ผมพูดจนปากเปียกปากแชะไปหมดแล้วเขาก็ยังไม่คิดจะฟัง ดื้อจริงๆเลย
“ไปกินข้าวกัน ไปกินด้วยกันนะชานม” คลาสเตอร์เดินมาทางที่ผมยืนอยู่ก่อนจะชวนไปกินข้าว
“พอดีฉันมีนัดกับพี่ศรันแล้วอ่ะ ขอโทษด้วยนะ นั่นไงพี่ศรันมาแล้ว ฉันไปก่อนนะ” หลังจากนั้นไอ้ชานมก็วิ่งแจ้นไปหาร่างสูงของคนรักปล่อยให้ผมเผชิญหน้ากับคลาสเตอร์คนเดียว แงง! ไอ้เพื่อนบ้า
“ฉันไม่หิว!” ผมบอกออกไป
โครกกก~ ครากกกกกก~
ให้ตายเหอะเสียงท้องของผมร้องขึ้นมาอย่างน่าอาย ตอนนี้ผมหิวข้าวสุดๆไปเลย แถมเมื่อเช้าผมยังทานแค่แซนวิชชิ้นเดียวเอง
“ฮ่าๆ ไหนว่าไม่หิว” คลาสเตอร์หัวเราะผมเบาๆ
“ไม่ต้องมาหัวเราะเยาะเลย ถึงหิวยังไงฉันก็ไม่ไปกินกับนายหรอก” ผมว่าก่อนจะเดินหนีไปแต่คลาสเตอร์ยังมิวายเดินตามผมมาอีก
“นี่จะไปไหน?”
“ไปกินข้าวที่โรงอาหาร” ผมตอบส่งๆ ตอนนี้ผมไปไหนก็ได้แค่ไปให้พ้นๆหน้าร่างสูงที่ยังตามตื้อผมไม่เลิก
“นายไม่ชอบกินที่โรงอาหารไม่ใช่เหรอ นายบอกว่าอาหารไม่อร่อย คนก็เยอะเสียงดังน่ารำคาญ” คลาสเตอร์ว่าซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผมเคยพูดออกไปจริงๆ
“แต่ตอนนี้ฉันชอบกินข้าวที่โรงอาหารแล้ว”
“มากับฉันอิมเมจ ทำไมดื้อจังห๊ะ!” คลาสเตอร์พูดเสียงเข้มมือหนากำหมับเข้าที่ข้อมือเล็กๆของผมและลากให้เดินตามเขาไป
“ปล่อยฉันนะคลาสเตอร์ ฉันบอกว่าไม่ไปกับนายไง” ผมบิดข้อมือให้หลุดจากมือหนาๆของเขาแต่ยิ่งผมบิดผมยิ่งเจ็บไปหมด
เกลียดตัวเองที่มีแรงน้อยนิดซะจริงๆเลย จะขัดขืนร่างสูงก็ไม่ได้สักอย่าง ส่วนไอ้แวมไพร์ไหนว่าจะช่วยฉันไง ตอนนี้มันคงกำลังนอนกกอยู่กับผู้หญิงอย่างมีความสุขเลยสินะ ไอ้บ้า! ถ้าฉันเจอหน้านายเมื่อไหร่ตายแน่ จะทำให้ไม่กล้านอนกับผู้หญิงอีกเลยตลอดชีวิต
ห้างสรรพสินค้า XXX
“กินอะไรดีอิมเมจ” คลาสเตอร์หันมาถามผมอย่างอารมณ์ดี ตอนนี้เราสองคนอยู่ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
“…” ผมเลือกที่จะเงียบไม่ตอบ ตอนนี้ใบหน้าของผมคงบูดบึ้งเหมือนไปกินรังแตนมาจากที่ไหนสักที่
“กินอาหารญี่ปุ่นมั้ย? ของชอบนายเลยนะ”คลาสเตอร์ก็ยังเป็นคลาสเตอร์ที่จะจำได้เสมอว่าผมชอบกินหรือไม่ชอบกินอะไร
“เอ๊ะ! หรือว่ากินอาหารอเมริกันดี” คลาสเตอร์ยังพล่ามต่อไป
“แวมค่ะ ขวัญอยากกินอาหารญี่ปุ่นจังค่ะ” ระหว่างที่ผมกับคลาสเตอร์กำลังเลือกร้านอาหาร เสียงแหลมๆของผู้หญิงคนหนึ่งก็เรียกร้องความสนใจจากผมได้เป็นอย่างดี ผมหันไปมองยังต้นเสียงก็เห็นร่างสูงที่ผมหมายหัวเอาไว้ ข้างกายของมันมีผู้หญิงแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดคนหนึ่ง แต่ไอ้แวมไพร์เหมือนมันจะยังไม่เห็นผม มือหนาของมันโอบเอวยัยผู้หญิงคนนั้นก่อนที่ทั้งสองจะเดินเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่นด้วยกัน
“ฉันจะกินอาหารญี่ปุ่น” ผมหันไปบอกคลาสเตอร์ก่อนจะรีบปรี่ไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นทันที “ทานกันกี่ท่านค่ะ” เสียงพนักงานต้อนรับสาวสวยดังขึ้นเมื่อผมเดินเข้าไปในร้าน แต่ผมก็ไม่สนใจหรอก เดินตรงไปยังโต๊ะที่ไอ้แวมไพร์กับผู้หญิงคนนั้น
ก่อนอื่นผมต้องทำเป็นบังเอิญเจอมัน
“อิมเมจนายจะเดินไปไหน โต๊ะเราอยู่ทางนี้” เสียงของคลาสเตอร์ร้องบอกเมื่อเห็นผมเดินมาอีกทาง และนั้นก็ทำให้ไอ้แวมไพร์เห็นผมเข้าพอดี ผมแสยะยิ้มใส่มัน
“อิมเมจนายมาได้ไง” มันถาม
“เหาะมามั้ง ขยับไปฉันนั่งด้วย” ผมตอบมันแบบกวนๆอย่างที่มันเคยตอบผมและบอกให้มันขยับไปนั่งเก้าอี้ด้านใน
“นี่ใครค่ะแวม?” ยัยผู้หญิงที่มากับมันถามขึ้น
“เอ่อ” มันอ้ำอึ้ง
“อิมเมจโต๊ะเราอยู่ทางนู่นนะ” คลาสเตอร์ตามผมมา เมื่อเขาเหลือบเห็นไอ้แวมไพร์ ใบหน้าหล่อๆก็กลายเป็นบูดบึ้งทันที
“ฉันจะนั่งโต๊ะนี้ คลาสเตอร์นายไปนั่งทางผู้หญิงคนนั้นสิ”
“แวมค่ะ นี่มันอะไรกันค่ะ” ยัยนั้นหันไปแว้ดๆเอาคำตอบจากไอ้แวมไพร์ ตอนนี้คลาสเตอร์ก็ยอมนั่งลงข้างๆยัยผู้หญิงเสียงแหลมตามที่ผมบอก
“เอ่อ คือ…” ตอนนี้ไอ้แวมไพร์ก็ยังอ้ำอึ้งต่อไป
“สั่งอาหารมาทานกันดีกว่าเนาะ ฉันหิวแล้ว” ผมว่า ทำท่าอารมณ์ดีสุดๆ ไม่นานพนักงานสาวสวยก็เดินมารับออเดอร์ที่โต๊ะของพวกเรา
“รับอะไรดีค่ะ?”
“ผมเอาซาชิมิ คิริทัมโปะ แซลมอนมากิ เทมปุระกุ้ง สลัดปลาแซลมอน พิซซ่าญี่ปุ่น โอโคโนมิยากิ แล้วก็ซูชิครับ”
“ขอทวนรายการอาหารนะคะ มีซาชิมิ คิริทัมโปะ แซลมอนมากิ เทมปุระกุ้ง สลัดปลาแซลมอน พิซซ่าญี่ปุ่น โอโคโนมิยากิ ซูชิ”
“ครับ”
“ดิฉันเอาแค่สลัดปลาแซลมอนค่ะ” ยัยผู้หญิงที่ชื่อขวัญสั่ง
“สลัดปลาแซลมอนนะคะ แล้วท่านอื่นๆรับอะไรดีค่ะ”
“พอแล้วครับ” คลาสเตอร์ตอบ สงสัยเขาเห็นผมส่งมาซะเยอะเลยมั้งเลยไม่ได้สั่งอะไรเพิ่ม
“งั้นรออาหารสักครู่นะคะ” พนักงานสาวสวยว่า ก่อนที่เธอจะเดินออกไป
“อิมเมจทำไมนายสั่งมาเยอะจัง” ไอ้แวมไพร์หันมาถามผม
“ฉันหิว” ผมตอบ
“ถ้ากินไม่หมดนะ ฉันจะจับกรอกปาก” มันว่า
ไม่นานเกินรออาหารมากมายที่ผมสั่งก็มาวางตรงหน้า อื้อหื้อ! น่ากินทั้งนั้นเลย ตอนนี้ผมหิวมากๆขอกินก่อนก็แล้วกันเรื่องอื่นค่อยเคลียที่หลัง
อ้ำาาา~ อร่อยจางงงงงงงงงงง
อ่าาา~ อิ่มแปร้เลย ผมเดินออกมาจากร้านและรูปพุงตัวเองไปด้วย
“แวมค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ ที่วันนี้ซื้อเสื้อผ้า รองเท้าให้ขวัญตั้งมากมาย จุ๊บ~” ยัยผู้หญิงที่ชื่อขวัญว่า แถมยังจุ๊บแก้มไอ้แวมไพร์ต่อหน้าต่อตาผมอีก
“ไปนอนกับผู้ชายแล้วให้เขาซื้อนั้นซื้อนี่ให้มันก็ไม่ต่างอะไรกับขายตัวหรอก” ผมว่าลอยๆ นั้นทำเอายัยผู้หญิงที่ชื่อขวัญเลือดขึ้นหน้าเลยครับ
“ไอ้เตี้ย! นี่แกว่าใครห๊ะ!!!” ยัยนั้นหันมาแว้ดใส่ผม
“ป๊าววว~ ไม่ได้ว่าใคร แค่พูดลอยๆ แต่เหมือนจะมีคนร้อนตัวนะ” ว่าแล้วก็สะใจชะมัด
“อร๊ายยยยยยยยยย~ แก” ยัยนั่นเต้นแด่วๆ ชี้หน้าผมไปด้วย
“อิมเมจฉันว่าเรากับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวฉันไปส่ง” คลาสเตอร์เหมือนจะเห็นว่าสถานการณ์ระหว่างผมกับยัยขวัญไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่เขาเลยชวนผมกลับบ้าน
“นายกลับไปก่อนเถอะคลาสเตอร์ เดี๋ยวฉันให้แวมไพร์ไปส่ง” ผมหันไปบอกคลาสเตอร์ เขาชักสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยที่ผมเลือกจะไปกับไอ้แวมไพร์
“นี่แกเป็นใครทำไมแวมต้องไปส่งแกด้วยห๊ะ!” ยัยนั่นยังกัดผมไม่เลิก
“ก็เป็นแฟนไงล่ะ!” ผมตอบ
“นะ นี่ กะ แกพูดว่าอะไรนะ?” ยัยนั่นเหมือนจะตกใจ ทวนคำถามด้วยน้ำเสียงติดๆขัดๆ
“ฟังดีๆนะ ว่าฉันกับแวมไพร์เราเป็นแฟนกัน” ผมพูดเสียงดังใส่หน้าผู้หญิงคนนั้นก่อนจะเดินไปควงแขนไอ้แวมไพร์ ที่ผมพูดเสียงดังเพราะต้องการให้คลาสเตอร์ได้ยินด้วยเผื่อว่าเขาจะได้เลิกยุ่งกับผมสักที
จังหวะนี้ผมเหลือบไปมองใบหน้าหล่อๆของคลาสเตอร์ เขาทำหน้าเศร้าแววตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ผมมองแล้วก็อดสงสารไม่ได้
ฉันขอโทษนะคลาสเตอร์ ถ้าไม่อยากเจ็บก็เลิกยุ่งกับฉันสักที ฉันเองก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้เท่าไหร่หรอก เพราะฉันเองก็เจ็บไม่แพ้นายเหมือนกัน
“จริงเหรอค่ะแวม?” ยัยขวัญหันไปเอาคำตอบจากไอ้แวมไพร์
“ตอบยัยนี่ไปสิว่าเราเป็นอะไรกัน” ผมหันไปบอกมัน ถ้าไม่ตอบว่าเราเป็นกันฉันฆ่านายตายตรงนี้แน่!!
“จริงครับ อิมเมจเป็นแฟนผม” ไอ้แวมไพร์หันไปตอบยัยขวัญ ผมยิ้มกว้างกับคำตอบของมัน
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด~” ยัยนั่นกรีดร้องเสียงดังลั่นก่อนจะวิ่งหนีไปด้วยความสติแตก
ผมแทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่กับอาการเสียสติของยัยนั่น
ผลั๊วะ!!!
เสียงหมัดหนักๆทำให้ผมหันไปมองทันที คลาสเตอร์กำหมัดแน่นและชกไปที่ใบหน้าหล่อๆของไอ้แวมไพร์
“โทษฐานที่แกนอกใจอิมเมจ มากินข้าวกับผู้หญิงคนอื่น” ว่าแล้วคลาสเตอร์ก็เดินจากไปทันที
ผมมองตามหลังร่างสูงไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เขาคงรู้ดีสินะว่าผมน่ะเกลียดคนนอกใจขนาดไหน
“ไอ้เชี่ยนี่หมัดหนักชะมัด!” ไอ้แวมไพร์พูดขึ้นหลังจากที่คลาสเตอร์เดินไปแล้ว มันลูบแผลพกช้ำที่มุมปากป้อยๆ
“สมน้ำหน้า!!” ผมว่าก่อนจะเดินหนีไปอีกคน
“เฮ้ยยย~ รอด้วย จะให้ฉันไปส่งไม่ใช่เหรอ” เสียงของไอ้แวมไพร์ดังมาตามหลังก่อนที่ร่างสูงๆของมันจะวิ่งตามมาและเอาแขนหนักๆขึ้นมาพลาดไหล่ผม
เรื่องที่นายไปนอนกกกับผู้หญิงมีเคลียแน่แวมไพร์!! ผมคาดโทษมันไว้ในใจ
คอยดูเถอะว่าระหว่างที่นายคบกับฉัน ฉันจะทำให้นายไม่กล้าไปทำเจ้าชู้ใส่ใครได้อีกเลย…แวมไพร์ หึหึ!
********************
to be continue
อ่านแล้วก็ช่วย 'เม้น+โหวต' เป็นกำลังใจด้วยนะคะ
1 เม้น 1 กำลังใจ จุ๊บบ~
********************