ณ.ท้องพระโรง แคว้นฉู่
"ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี"
"ลุกขึ้นเถิด" ฉู่เทียนหลงฮ่องเต้ มองเหล่าขุนนางด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นเคย
"ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมเสนาบดีซ้ายมู่หวังเล่ย มีเรื่องกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ" เมื่อเห็นฮ่องเต้ทรงผายมือเป็นการอนุญาต เสนาบดีซ้ายก็มิได้รั้งรอ
"มีข่าวลือหนาหูที่ทำลายชื่อเสียงเชื้อพระวงศ์ เป็นเรื่องของชินอ๋อง อีกทั้งรองเจ้ากรมอาญา รองแม่ทัพซ้าย และขุนนางอีกหลายท่าน ยื่นฎีกาผ่านกระหม่อมให้ทรงถวายแด่ฝ่าบาท เรียกร้องให้ฝ่าบาททรงพระราชทานสมรสแก่ชินอ๋อง เพื่อสยบข่าวลือพ่ะย่ะค่ะ" เอ่ยจบก็ยื่นฎีกาให้กงกง
เมื่อฉู่เทียนหลงฮ่องเต้ทรงอ่านฎีกาจบ ก็ทรงเอ่ยปาก "แล้วจะแต่งให้กับผู้ใด พวกท่านใช่มีคนเหมาะสมกับชินอ๋องแล้ว"
"กระหม่อมเห็นว่าบุตรีท่านเสนาบดีซ้ายเหมาะสมที่สุดพ่ะย่ะค่ะ" เป็นเสียงเจ้ากรมโยธา หลังจากนั้นก็มีขุนนางอีกหลายท่าน แสดงความคิดเห็น
ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรเหล่าขุนนางที่เสนอความคิดเห็นด้วยใบหน้าอบอุ่นอ่อนโยน แล้วทรงเอ่ยปาก "เมื่อพวกท่านเห็นว่าเราควรประทานสมรสให้ชินอ๋อง เราเองก็คิดเช่นนั้น" ..... "ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่"
สถานศึกษาหลวง
จื่อรั่วมาสถานศึกษาด้วยเนื้อตัวปวดระบม ดีที่หยางหลงยังยอมปล่อยเขามา คนใจร้ายผู้นั้นเอาแต่ทรมานเขาบนเตียง ซ้ำยังไม่ยอมให้เขากลับจวนไปหามารดาอีก
"นี่เจ้า" จื่อรั่วเหลียวมองผู้ที่เรียกตนเองอย่างประหลาดใจ เพราะปกติแล้วตัวเขาเหมือนไร้ตัวตนในที่แห่งนี้จึงถามเพื่อความแน่ใจ "เจ้าเรียกข้ารึ"
ก็เจ้าน่ะซิจะใครเสียอีก "เจ้ามีนามว่ากระไร ข้าหลิวจิ้งเหวิน"
"เอ่อ..ข้าฟางจื่อรั่ว" จื่อรั่วแม้จะตอบคำ แต่ในใจก็ยังสงสัยว่าคนผู้นี้อยู่ๆเหตุใดจึงอยากรู้จักกับเขา
แม้ทั้งสองคนจะคุยกันแต่ผู้คนในห้องก็หาสนใจไม่ ยังคงจำกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของชินอ๋องไม่เลิกรา
จิ้งเหวินเห็นคนตรงหน้ามองเขาแปลกๆจึงเอ่ยปากถาม "เหตุใดเจ้ามองข้าเช่นนั้น"
"ไม่มีอะไร"......... "แต่ว่าเจ้ามีอันใดกับข้ารึ" จื่อรั่วรุู้ว่าตนเองคงเสียมารยาท จึงก้มหน้ามองหนังสือในมือ
"ก็แค่อยากเป็นสหายกับเจ้า ไม่ได้รึ" แม้จะเอ่ยเช่นนั้น แต่จิ้งเหวินกลับเหยียดปากอย่างดูถูก
เมื่อจื่อรั่วเงยหน้ามองอีกครั้งก็เห็นรอยยิ้มจริงใจ จึงยิ้มตอบ "ได้ซิเหตุใดจะไม่ได้"
"ต่อไปเรียนวิชาดาบและทักษะการต่อสู้ ไปเปลี่ยนชุดพร้อมกันเลยดีไหม" จิ้งเหวินเอ่ยปากชวน
"โอว.. แย่แล้ว ข้าลืมเสียสนิทเลย ไม่ได้เตรียมชุดมาทำอย่างไรดี" เพราะถูกหยางหลงรังแกจึงลืมเรื่องนี้ไปสนิท จื่อรั่วคิดแล้วก็รู้สึกกลัดกลุ้มเพราะเขาพึ่งเข้ามาเรียนเพียงไม่นาน หากต้องเอ่ยปากว่าตนเองลืมเอาชุดมา คงถูกมองเป็นคนไร้ความรับผิดชอบเป็นแน่
"อาจารย์วิชาดาบเคร่งครัดยิ่งนักหากรู้ว่าเจ้าลืมเอาชุดมาเจ้าแย่แน่" ยิ่งได้ยิน จื่อรั่วก็ยิ่งกังวล พอนึกขึ้นได้ว่าหยางหลงมอบองครักษ์ให้เขาไว้หนึ่งคน จึงลุกขึ้นยืนทันที "เจ้าไปก่อนเถิด เดี๋ยวข้าตามไป" พูดจบจื่อรั่วก็รีบร้อนออกไป
จิ้งเหวินมองตามแผ่นหลังคนที่พึงออกไป ด้วยสายตาดูถูก หากไม่เพราะคุณหนูเหลียนฮวาให้สืบข่าวเกี่ยวกับคนผู้นี้ ตัวเขาแม้หางตาก็ยังไม่แล
จื่อรั่วเดินออกมาด้านหน้าสถานศึกษา มองหาองครักษ์ที่หยางหลงมอบให้ แต่กลับหาไม่เจอ จึงรู้สึกแย่ กำลังก้าวเท้าจะกลับเข้าไป
"นายน้อยเป็นอะไรหรือเปล่าขอรับ" เสียงองครักษ์หวงหู่
จื่อรั่วเพียงได้ยินเสียงรู้สึกดีใจยื่งนัก รีบเอ่ยปากอย่างร้อนรน "พี่หวง ข้าต้องการชุดที่ใส่สำหรับเรียนวิชาดาบ ท่านช่วยกลับไปเอาให้ข้าทีได้หรือไม่"
"ได้เดี๋ยวข้าไปเอามาให้.. แต่นายน้อยอย่าได้ไปไหนรออยู่ในสถานศึกษาจนกว่าข้าจะกลับนะขอรับ"กล่าวจบหวงหู่ก็หายไปทันที
จื่อรั่วรออย่างกระวนกระวายหน้าสถานศึกษา ก็มีหญิงสาวหน้าตางดงาม จากสถานศึกษาฝ่ายสตรีกำลังเดินเข้ามา
"เจ้าคือฟางจื่อรั่วซินะ"
จื่อรั่วมองหญิงสาวอย่างประหลาดใจ เขาคิดว่าตัวเขาไม่น่าจะรู้จักแม่นางท่านนี้แต่ด้วยมารยาท ก็ยังเอ่ยตอบ "เป็นข้า ....แม่นางคือ"
"ข้าคือว่าที่ชินหวางเฟย ผู้กำลังจะแต่งเป็นพระชายาเอกของหยางชินอ๋อง" เอ่ยจบเหลียนฮวาก็มองสำรวจจื่อรั่วหัวจรดปลายเท้าอย่างดูถูก "ข้าใช่อยากจะเสวนากับบุรุษไร้ยางอายที่มายั่วยวนว่าที่สามีข้าเช่นเจ้านักหรอก แต่เพราะเจ้าทำให้ท่านอ๋องต้องเสื่อมเสียเกียรติ ทางที่ดีเจ้าควรสำนึกตนเองแล้วไสหัวไปซะ อย่ามาเกาะแกะกับว่าที่สามีข้าอีก
จื่อรั่วยืนเหมือนคนไร้สติ กระทั่งเหลียนฮวาจากไปแต่เมื่อใดยังไม่รู้ตัว
"นายน้อย............นายน้อยขอรับ" เป็นเสียงหวงหู่
"พี่หวง" เสียงตอบรับคล้ายคนละเมอ
"หากกลับไปเกรงจะไม่ทัน จึงซื้อแบบสำเร็จมาให้ท่าน ไปลองใส่ดูก่อนนะขอรับ" หวงหู่กล่าวจบก็ยื่นชุดให้เจ้านาย
จื่อรั่วรับชุดแล้วก็เดินหายเข้าไปในสถานศึกษา จัดการเปลี่ยนเป็นชุดรัดรูปทะมัดทะแมง แล้วเดินตรงไปยังลานฝึกดาบ ทั้งสมองยังว่างเปล่า
จิ้งเหวินเห็นจื่อรั่วในชุดทะมัดทะแมงเดินเข้ามาก็ถามทันที "เห.... อาจื่อ ไหนเจ้าบอกไม่ได้เอาชุดมาแล้วเหตุใดถึง..."
แต่จื่อรั่วกลับไม่ได้ตอบคำ เพียงยิ้มให้เล็กน้อย
หลังจากหนึ่งชั่วยามผ่านไป ก็จบการเรียนวิชาดาบ ต่อจากนั้นหลังจากมื้อกลางวัน จะเป็นขี่ม้ายิงธนู ตอนนี้เริ่มมีคนให้ความสนใจจื่อรั่วบ้างแล้ว แต่ขณะกำลังเช็ดหน้าเช็ดตา เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ดังขึ้น
"ข่าวล่ามาแล้วข้าไปแอบได้ยินอาจารย์สนทนากัน ว่าฮ่องเต้ทรงพระราชทานสมรสให้ชินอ๋องกับคุณหนูเหลียนฮวา"
"เจ้าแน่ใจนะ แต่ความจริงก็ไม่เห็นแปลก เพราะทั้งคู่ก็เป็นคู่หมายกันอยู่แล้ว แต่ที่ข้าอยากรู้คือผู้ใดคือบุรุษที่ชินอ๋องหลงใหลต่างหากเล่า"
แล้วยังตามมาอีกมากมาย แต่เพียงประโยคแรกเท่านั้นที่เข้าหูจื่อรั่ว หยางหลงกำลังจะแต่งภรรยา ทั้งที่รู้ว่าสักวันต้องเกิดขึ้น แต่ทำไมหัวใจข้าถึงเจ็บเพียงนี้ แล้วก็มีคนผู้หนึ่งมาสะกิดหัวไหล่ "เจ้าชื่อ จื่อรั่ว ซินะ ข้า ลั่วหลาน"
จื่อรั่วมองคนผู้นี้อย่างประหลาดใจ แต่ก็พยักหน้ารับ ลั่วหลานเห็นคนตรงหน้า สีหน้าไม่ค่อยดี จึงเอ่ยปาก "เจ้าไม่สบายตรงไหนหรือไม่ สีหน้าเจ้าดูไม่ค่อยดีเลย"
"ข้าไม่เป็นอะไร ว่าแต่.. เจ้ามีอันใดกับข้ารึ" เกิดอันใดขึ้นกันเหตุใดวันนี้ถึงได้มีแต่เรื่องที่ทำให้เขาประหลาดใจ ทั้งปวดใจ จื่อรั่วคิด
"ก็ไม่มีอะไร เอ่อ...เพียงแต่จะชวนเจ้าไปทานข้าวพร้อมกัน" ลั่วหลานกล่าวพร้อมเกาแก้มอย่างเขินๆ
เป็นครั้งแรกที่จื่อรั่วเห็นคนออกอาการเขินต่อหน้าเขา ถึงแม้จะยังเศร้า แต่ก็อดยิ้มไม่ได้ ยังไม่ทันเอ่ยปาก
"ลั่วหลาน อย่าได้มายุ่งกับสหายข้า" เป็นเสียงจิ้งเหวิน
"เขาก็เป็นสหายข้าเช่นกัน เจ้ามีสิทธิอันใดมาห้าม"ลั่วหลานหาได้ยอมไม่ สองตระกูลไม่ลงรอยกันก็พลอยให้ลูกหลานไม่ชอบหน้ากันไปด้วย
"แล้วเจ้าจะเอาอย่างไร ประลองดาบกันดีหรือไม่" จิ้งเหวินก็ไม่ยอมเช่นกัน
จื่อรั่วเห็นสถานการณ์ตรงหน้าทำท่าจะบานปลายเพราะเสียงเริ่มดังจนผู้คนหันมอง "จึงรีบเอ่ยปาก พวกเจ้าอย่าทุ่มเถียงกันอีกเลย"
จิ้งเหวินหันมาทางจื่อรั่วแล้วเอ่ยปากแกมข่มขู่ "หากเจ้ารับเจ้าคนผู้นี้เป็นสหายข้าจะไม่ยุ่งกับเจ้าอีก"
" เฮอะ! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงกล้าข่มขู่ผู้คน" พูดจบลั่วหลานก็หันมาทางจื่อรั่ว "เจ้าอย่าได้สนใจคนผู้นี้ เขาก็แค่ปากดีไปอย่างนั้น"
จิ้งเหวินเห็นจื่อรั่วไม่ยอมเชื่อฟังก็โกรธ "ได้...ได้...แล้วเราจะได้เห็นดีกัน" พูดแล้วก็สะบัดหน้าจากไป
ปากจื่อรั่วเดี๋ยวอ้าเดี๋ยวหุบอย่างคนไม่รู้จะพูดอะไร ทั้งยังสงสัยว่าเขาทำผิดอันใด แล้วคนพวกนี้เหตุใดจึงมาวุ่นวายกับเขา
"เจ้าเป็นอะไรไปแล้ว เหตุใดหน้าตาจึงดูตลกเช่นนั้น" ลั่วหลานเห็นจื่อรั่วทำท่าน่าขันก็อดจะถามพร้อมเสียงหัวเราะไม่ได้
พอเห็นตนเองถูกคนหัวเราะเยาะ ก็รู้สึกอับอายขึ้นมา จึงก้มหน้าหนี "ก็พวกเจ้าอยู่ๆก็มาทำแบบนี้ ข้าแค่ตกใจ"
ลั่วหลานเห็นคนตรงหน้าหลบหน้าหลบตาจึงไม่อยากแกล้งอีก "เราไปทานข้าวเถอะ เดี๋ยวต้องเรียนขี่ม้ายิงธนูอีก"
เพราะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ทำให้จื่อรั่วลืมเรื่องที่ทำให้เจ็บปวดไปชั่วขณะ จึงเดินตามอีกคนไปโรงอาหาร
อีกด้านหนึ่ง ภายในเมืองก็มีข่าวประกาศจากสำนักพระราชวัง ฉู่เทียนหลงฮ่องเต้ ทรงพระราชทานสมรสให้แก่หยางชินอ๋อง พิธีอภิเษกสมรสจะจัดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า
จวนเสนาบดีซ้าย
เพียงมีประกาศออกมาจวนเสนาบดีก็วุ่นวายมิใช่น้อย เพื่อเตรียมตัวรับราชโองการ ซ้ำยังมีขุนนางน้อยใหญ่ต่างรีบเร่งเดินทางมาเป็นแขก เพื่อมาประจบประแจง จนตอนนี้ภายในจวนราวกับมีงานเลี้ยงน้ำชาย่อมๆไปเสียแล้ว
"พวกเจ้ารีบให้คนไปรับฮวาเอ๋อจากสถานศึกษา เพื่อกลับมาเตรียมตัวรับราชโองการ ฮูหยินเจ้าจงไปเตรียมชุดที่งดงามที่สุดไว้ให้บุตรสาวของเรา" ท่านเสนาบดีถึงกับสั่งการด้วยตนเอง
"ขอแสดงความยินดีกับใต้เท้า" เจ้ากรมโยธารีบเอ่ยปาก แล้วยังมีขุนนางอีกหลายท่านก็ทยอยกันแสดงความยินดี ส่วนบรรดาฮูหยินทั้งหลายที่ตามสามีมาก็เข้าไปช่วยฮูหยินเสนาบดีเลือกเครื่องแต่งกาย
หลังจากเรียนขี่ม้ายิงธนูเสร็จแล้ว ทุกคนก็เตรียมตัวกลับ จื่อรั่วเดินออกมาพร้อมลั่วหลาน ก็เห็นซุนอี้พร้อมหวงหู่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว "คนที่บ้านข้ามารับแล้ว ข้าขอตัวก่อน" จื่อรั่วหันไปบอกลั่วหลาน ที่เดินมาด้วยกัน
" บ้านข้าก็เช่นกันไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ อาจื่อ" ลั่วหลานเอ่ยจบก็แยกไปทางรถม้าตนเอง
"เร็ว ๆ พวกเจ้า มีคนบอกว่าขบวนขันทีออกจากวังมาแล้ว ราชโองการของฮ่องเต้คงตรงไปบ้านเสนาบดีเป็นแน่รีบตามไปดูกัน"
จื่อรั่วเพียงได้ยินความอดทนที่พยายามมาทั้งวันก็เหมือนจะพังทลาย"พาข้ากลับจวนลี่ฉุน"
"แต่ท่านอ๋อง" ซุนอี้ยังพูดไม่ทันจบ กลับมีเสียงสั่นๆ เอ่ยขึ้นก่อน
"ได้โปรดเถิดพี่ซุน ข้าคิดถึงท่านแม่" ถึงแม้จะเจียมตน แต่ความเจ็บปวดก็ห้ามไม่ได้อยู่ดี ไม่อยากให้ตนเองอับอายมากกว่านี้
ซุนอี้สบตาหวงหู่ เห็นหวงหู่พยักหน้า "ขอรับงั้นเรากลับจวนลี่ฉุนกัน"
อีกด้านหนึ่ง จวนเสนาบดีซ้าย
"ออกมาแล้ว ขบวนกงกงที่อัญเชิญราชโองการของฝ่าบาทพ้นประตูวังมาแล้ว"เพียงได้ยินรายงานมู่หวังเหล่ย ก็ถามหาบุตรีทันที "เร็วเข้าเถอะ ฮวาเอ๋อเล่า เตรียมตัวเสร็จหรือยัง"
จวนเสนาบดีทั้งภายนอกภายในผู้คนต่างทยอยกันมา ทั้งชาวบ้านที่มุงดูด้านนอก และขุนนาง ญาติสนิท มิตรสหาย สร้างความปลาบปลื้มให้เหลี่ยนฮวายิ่งนัก
นางกำลังจะได้แต่งกับชายที่นางรัก บุรุษที่สตรีทุกคนต่างใฝ่ฝันหาจะเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว