ตอนที่ 2 เข้าใจผิด (nc 25+)
ตอนที่ 2 เข้าใจผิด (nc 25+)
กริ๊งงง กริ๊งงง
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นปลุกชายหนุ่มให้ตื่นจากฝันอันเร่าร้อน อีริคเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ส่วนตัวที่โต๊ะข้างเตียงด้วยความหงุดหงิดก่อนจะกดรับสายที่คงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากโทนี่มือขวาคนสนิทคนเดียวเท่านั้น
“มีอะไร”
“เจ้านายครับ ได้เวลาเดินทางไปงานเปิดตัวรถยนต์ที่บริษัทแล้วนะครับ”
“บ้าฉิบ..ขอเวลาครึ่งชั่วโมง”
“ครับ”
อีริครีบลุกจากเตียงเพื่อเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวอย่างรวดเร็ว สามวันแล้วที่เขากลับมาพักที่กรุงเทพฯ แล้วก็เอาแต่ฝันถึงบทรักเร่าร้อนของเขากับพนักงานเสิร์ฟหญิงคนนั้น ถึงแม้ว่าความจริงแล้วจะได้เพียงแค่จูบก็ตาม หลังจากงานปาร์ตี้ริมสระน้ำคืนนั้นเขาก็ให้โทนี่ไปติดต่อขอพบเธอแต่กลับพบว่าเธอเป็นเพียงพนักงานชั่วคราวเท่านั้น แต่เขากลับโหยหาเนื้อนุ่มนิ่มนั่นจนเก็บเอามาฝันทุกคืน
อีริคเลือกสวมชุดสูทอามานี่สีเทาเข้มตัดกับผมสีน้ำตาลอ่อนดูโดดเด่น ดวงตาสีฟ้าเข้มสำรวจตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูห้องพักออกมาพบกับโทนี่ที่ยืนคอยเขาอยู่หน้าห้องพัก โทนี่เปิดประตูรถให้กับเจ้านายก่อนจะสอดตัวเองเข้าไปนั่งด้านหน้าแล้วจึงสั่งให้ออกรถ ชายหนุ่มเลือกพักที่นี่เพราะความหรูหราและเป็นส่วนตัวซึ่งทั้งชั้นมีเพียงห้าห้องเท่านั้นซึ่งเขาก็เหมาทั้งชั้นให้ลูกน้องที่ติดตามได้พักอาศัยอีกทั้งยังใกล้กับบริษัทของเขาที่กำลังจะเปิดอย่างทางการในวันนี้
ร่างบางที่รีบวิ่งลงจากแท็กซี่เข้าไปยังด้านหลังของงานเพื่อเข้าไปพบเพื่อนรักที่รอเธออยู่ด้านใน วันนี้เธอรับงานพร้อมกับฟ้าใส นภา กิตติเจริญ สองสาวรีบจัดการเปลี่ยนชุดที่เจ้าของงานจัดเตรียมไว้ให้ และอ่านรายละเอียดของงานจนจำขึ้นใจ ก่อนจะออกไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆข้างนอกเพื่อซักซ้อมเพิ่มเติมด้วยรูปร่างที่เย้ายวนเมื่อใส่ชุดเกาะอกรัดรูปที่ถึงแม้จะยาวถึงข้อเท้าแต่ก็แหวกขึ้นมาจนแทบจะเห็นอะไรต่อมิอะไรไหมหมด จึงทำให้ชนิดาดูเซ็กซี่เย้ายวน จนใครๆต่างมองเธอด้วยสายตาอิจฉา ในขณะที่นภาก็สวยไม่แพ้เพื่อนของเธอ เพียงแต่หน้าอกของเธอไม่ได้มีมากมายเหมือนกับชนิดาเท่านั้น
สองสาวได้รับเลือกให้ประจำตำแหน่งรถสปอร์ตเปิดประทุนคันหรูซึ่งเป็นคันที่แพงที่สุดและเป็นไฮไลท์ของวันนี้ และยังเป็นจุดเปิดงานอีกด้วย ซึ่งจะเป็นจุดที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
เมื่อใกล้ถึงเวลาเปิดงาน ‘พริตตี้’ สาวทั้งสองก็ก้าวขึ้นบนเวทีเพื่อประกบรถยนต์คันหรู แค่ก้าวเดินความเซ็กซี่ของทั้งสองก็เด่นสะดุดตาเรียกเสียงฮือฮาจากผู้คนโดยเฉพาะผู้ชายที่เข้ามาชมความงามของทั้งรถทั้งคนได้เป็นจำนวนมาก
เมื่อรถหรูคันหนึ่งจอดสนิทที่ประตูทางเข้า พิธีกรจึงประกาศให้ทุกคนในงานทราบถึงพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ เสียงกรี๊ดของสาวๆที่มาดักเจอมหาเศรษฐีหนุ่มหล่อดังขึ้นไปทั่วบริเวณ ดึงความสนใจของผู้ร่วมงานให้หันไปมองรวมทั้ง ชนิดา บุคคลผู้เป็นที่สนใจของหลายๆคนกำลังถูกเหล่าสื่อมวลชนรุมล้อมเข้ามาทำข่าว ทั้งแสงแฟลชและกล้องวิดีโอหลายสิบตัวทำให้ชนิดามองเห็นได้ไม่ชัด ว่าประธานบริษัทที่สาวๆในงานพากันส่งเสียงกรี๊ดหน้าตาเป็นยังไง
“ขณะนี้ประธานบริษัท มาร์แชลโลคาร์ คุณอีริค มารแชลโล ได้เดินทางมาถึงแล้วครับ เชิญท่านประธานด้านหน้าเวทีเลยครับ”
แต่เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาชนิดาก็แทบช็อกเมื่อร่างสูงในชุดสูทสีเทาเข้มเดินขึ้นเวทีมายังจุดที่เธอยืนอยู่ ดวงตาสีฟ้าเข้มคู่นั้นกำลังสะกดให้เธอไม่สามารถขยับตัวได้ ใจของเธอเต้นแรงและมือทั้งสองข้างก็เย็นเฉียบ ยิ่งเขาเดินเข้ามาใกล้เธอก็ยิ่งเหมือนหายใจไม่ออกพยายามสูดอากาศเข้าปอดแต่เหมือนเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ จนเมื่อชายหนุ่มเข้ามาถึงตัวเธอแล้วโน้มใบหน้าอันหล่อเหลาเข้าใกล้แล้วกระซิบข้างหู ชนิดารู้สึกว่าตัวเองใจเต้นแรงมากจนกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงของหัวใจเต้น
“ผมเจอคุณแล้ว”
อีริคแทบจะเก็บอาการตื่นเต้นดีใจไว้ไม่อยู่เมื่อก้าวเท้าขึ้นบนเวทีแล้วเจอเข้าบุคคลที่เขาเฝ้าฝันถึงมาตลอดสามวันสามคืน ยิ่งวันนี้เธออยู่ในชุดนี้ยิ่งดูเซ็กซี่เย้ายวนเป็นที่สุด ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ก็ยิ่งเห็นอาการตกตะลึงของเธอแต่สำหรับเขามันดูเหมือนเชื้อเชิญให้เข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้น และเมื่อเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอแล้วโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างใบหู ก็สังเกตเห็นอาการตื่นกลัวจนหายใจหอบถี่ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงจนเห็นได้ชัด ภาพฝันยามค่ำคืนลอยกลับเข้ามาในหัวทำให้เขาแทบจะเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่อยากจะฉุดเธอออกจากที่นี่แล้วกลับที่พักซะตั้งแต่ตอนนี้ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่เขาก็ทำไม่ได้
“เจ้านายครับ ได้เวลาเปิดงานแล้วครับ”
โทนี่เข้ามากระซิบเตือนสติชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าเจ้านายของเขาจ้องมองผู้หญิงที่เป็นพนักงานเสิร์ฟวันนั้นราวกับจะกลืนกินไม่ยอมขยับตัวไปไหน จนทุกคนต่างมองมาด้วยความสงสัยและนักข่าวก็เริ่มให้ความสนใจยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปทั้งคู่กันมากขึ้น
“อืม”
เมื่ออีริคขยับตัวเดินไปยังด้านหน้าเวที พิธีกรจึงกล่าวเปิดงาน เมื่อประธานบริษัทตัดช่อริ้บบิ้นพิธีเปิดอย่างเป็นการก็เริ่มขึ้น ชนิดาไม่รู้ว่าตัวเองยืนนิ่งด้วยความตกใจไปนานแค่ไหน กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่นภาเดินเข้ามาสะกิดเธอจากทางด้านหลัง
“มิ้ลค์เป็นอะไร”
“ปะ..เปล่า”
“แล้วเมื้อกี้ประธานบริษัทเข้ามาคุยอะไรกับเธอถึงทำให้เธอยืนนิ่งเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ได้ยิน เธอรู้จักเขาด้วยเหรอ”
“มะ..ไม่ได้คุยอะไร..ไม่รู้จัก ทำงานต่อเถอะ”
“เขาเรียกถ่ายรูปแล้ว ไปกันเถอะ”
นภาดึงแขนชนิดาไปด้านหน้าเวทีเพื่อร่วมถ่ายรูปในพิธีเปิด แล้วเธอก็พบว่าตำแหน่งที่เธอต้องยืนนั้นอยู่ข้างชายหนุ่มที่เธอไม่อยากอยู่ใกล้ที่สุด ชนิดาแทบจะฝืนยิ้มไม่ไหวเมื่อพบว่ามีมือปลาหมึกโอบเอวเธอไว้แล้วดึงให้เข้าไปชิดจนหน้าอกเบียดเข้ากับลำตัวของเขา ได้กลิ่นอาฟเตอร์เชฟหอมสะอาดลอยเข้ามาปะทะจมูก
ชนิดาพยายามแกะมือปลาหมึกจากตัวพร้อมกับใช้มืออีกข้างดันหน้าอกชายหนุ่มให้ถอยห่างเมื่อช่างภาพคำกล่าวขอบคุณแต่ยิ่งแกะก็เหมือนจะยิ่งถูกรัดแน่นขึ้นจนแทบจะหายใจไม่ออก
“ปล่อยนะ”
“หึ”
ชนิดาเงยหน้ามองเจ้าพ่อหนวดปลาหมึกเห็นแววตาซุกซนแฝงด้วยความหื่นกระหายของอีกฝ่าย จึงยกรองเท้าส้นเข็มห้านิ้วเหยียบลงไปบนรองเท้าหนังขัดมันของชายหนุ่มอย่างแรงจนเขายอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระแล้วเดินกลับไปที่เดิมเพื่อทำหน้าที่ของเธอต่อ
“ใจเย็นๆครับเจ้านาย”
โทนี่รีบเข้ามาขวางเมื่อเห็นว่าอีริคกำลังจะเดินตามหญิงสาว ก่อนจะดันร่างเจ้านายหนุ่มให้ลงจากเวทีเพื่อพบปะแขกผู้ใหญ่ที่มาร่วมงาน แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบากเมื่อชายหนุ่มไม่ยอมขยับตัวได้แต่ปักหลักยืนนิ่งจ้องมองไปยังเจ้าของร่างเพรียวบางไม่วางตา
“เจ้านายครับ ผมว่า..”
“หุบปาก ฉันรู้ว่าฉันควรทำอะไร นายเฝ้าเธอไว้ให้ดีอย่าให้คลาดสายตา”
อีริคหันหลังลงจากเวทีเข้าไปทักทายแขกที่เข้ามาร่วมงานสื่อมวลชน ถึงแม้ชายหนุ่มจะถูกรุมล้อมด้วยผู้คนมากมายแต่สายตาของเขาก็คอยมองร่างเย้ายวนเป็นระยะ
ชนิดารู้สึกว่ามีสายตาเฝ้ามองตัวเธออยู่ตลอดเวลา และก็เป็นจริงเมื่อสายตาของเหลือบไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงที่เดินมาพร้อมกับผู้ชายคนนั้นที่เธอเพิ่งจะรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นถึงประธานบริษัท อุตสาหกรรมรถยนต์สปอร์ตยักษ์ใหญ่แห่งนี้ จ้องมองมาที่เธอเหมือนเจ้าหน้าที่ที่คอยคุมประพฤตินักโทษไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางยังไงยังงั้น
“มองอยู่ได้ น่ารำคาญ”
ชนิดาพยายามไม่สนใจสายตาที่กำลังมองเธออยู่ จึงให้ความสนใจกับลูกค้าที่เข้ามาดูและสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรถสปอร์ตคันหรู แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเธอรู้สึกว่ามีมือเปียกชื้นกำลังจับสะโพกของเธอ ชนิดาจึงรีบปัดมือนั่นทิ้ง แล้วหันกลับไปมองจึงพบว่าชายแก่คราวพ่อที่ทำทีเป็นสนใจรถยนต์ แท้ที่จริงแล้วกำลังส่งสายตาหื่นจัดมาให้เธออย่างไม่ปิดบัง
“ป๋าอยากจะขี่คันนี้ ต้องจ่ายเท่าไหร่จ๊ะ”
ชนิดาสะอิดสะเอียนกับพฤติกรรมลวนลามของเฒ่าลามกคนนี้เหลือเกิน ทั้งสายตาและมือที่พยายามจะสัมผัสตัวเธอตลอดเวลา ไหนจะคำพูดที่ไม่น่าจะใช่การสอบถามราคารถยนต์นั่นอีก และตอนนี้มือที่เหมือนหนวดปลาหมึกนั่นกำลังจะทำให้เธอหมดความอดทน
นภาที่เห็นว่าเพื่อนรักกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากจึงเดินเข้ามาช่วยเหลือ แต่แล้วมันกลับยิ่งแย่กว่าเดิม เมื่อผู้ชายคนนั้นจับมือบางของนภาเอาไว้แล้วยกขึ้นมาจูบจนน้ำลายเหนียวเหนอะติดอยู่บนหลังมือของเธอ
“ป๋าอยากขี่ทั้งสองคนเลย”
นภาสะบัดมืออย่างแรงจนหลุด แล้วรีบเช็ดหลังมือเข้ากับชุดที่เธอสวมใส่แต่มันก็ยังสกปรกอยู่ดี ชนิดามองการกระทำน่าขยะแขยงของชายตัณหากลับคนนี้จนตัวสั่น แต่ก็พยายามปั้นยิ้มให้อีกฝ่ายจนหวานหยด
“ป๋าชอบกะเทยที่ยังแปลงไม่เสร็จไหมละคะ หนูยังมีเจ้าน้องชายตัวน้อยอยู่นะคะ”
“อึ๋ย..แกสองคนเป็นกะเทยเหรอ กูนึกว่าผู้หญิง ขยะแขยง”
“ใช่ค่ะป๋า นมเนี๊ยะก็ยัดเอานะคะยังไม่มีของจริงหรอกค่ะ ส่วนข้างล่างไม่ต้องถามค่ะยังเป็นแท่งอยู่เลย”
“กูจะอ้วก”
ทั้งสองสาวแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่เมื่อตาแก่หัวงูคนนั้นวิ่งลงจากเวทีจนหน้าแทบจะทิ้มกับพื้น
“ไอ้แก่โง่เอ๊ย”
“กลับไปทำงานกันเถอะมิ้ลค์ แต่ฉันขอตัวไปล้างมือก่อนจะ ชักอยากจะอ้วกขึ้นมาจริงๆซะแล้วซิ”
“อืม..แล้วรีบกลับมานะ”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของอีริคทุกอย่าง จากที่เห็นชายหนุ่มจึงคิดว่าชนิดาคือพริตตี้สาวที่มีอาชีพอย่างอื่นเบื้องหลังแน่นอน การกระทำที่ไม่เอะอะโวยวายเมื่อถูกชายแก่คนนั้นลวนลามแต่กลับยิ้มหวานหยดให้กับผู้ชายคนนั้น ผู้หญิงดีๆที่ไหนจะยอมให้ผู้ชายแก่คราวพ่อทำแบบนั้นกับตนได้ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่า
งานเปิดตัวรถสปอร์ตหรูยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งถึงเวลาปิดงานก็เกือบสี่ทุ่ม ชนิดาและนภาที่ยืนอยู่บนเวทีทั้งวันเพราะเป็นจุดที่ผู้คนให้ความสนมากที่สุดแทบจะก้าวลงจากเวทีไม่ไหวเพราะความเหนื่อยอ่อน
“มิ้ลค์ ฉันว่าเธอโทรบอกแม่ว่าคืนนี้พักกับฉันดีกว่านะ ดึกแล้วอันตรายกว่าจะกลับถึงบ้าน คนสมัยนี้น่ากลัวจะตาย แม่เธอจะได้ไม่ต้องรอแล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วง”
“อืม ก็ดีเหมือนกัน ฉันก็เหนื่อยที่จะนั่งรถแล้ว”
ชนิดาควานหาโทรศัพท์ส่วนตัวในกระเป๋า แล้วจึงเลื่อนหาเบอร์ที่โทรบ่อยที่สุดก่อนจะกดโทรออก สัญญาณรอสายดังขึ้นเพียงไม่กี่ครั้งก็ได้ยินเสียงแม่ของเธอ
“แม่คะ มิ้ลค์เพิ่งเลิกงาน แม่ทานข้าวหรือยังคะ”
“แม่ทานแล้ว แต่ยังไม่นอนรอมิ้ลค์อยู่นะลูก”
“แม่นอนเลยค่ะ มันดึกแล้วมิ้ลค์จะนอนกับฟ้าใสนะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ฟ้าใสเหรอ ก็ดีเหมือนกันกลับตอนนี้อันตราย”
“งั้นแม่นอนเลยนะคะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ค่ะแม่”
“จ๊ะ”
“เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าไปก่อนนะฟ้าใส ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”
หลังจากวางสายแม่ของเธอ ชนิดาก็หันมาพูดกับนภาที่กำลังล้างเครื่องสำอางออกจากใบหน้าแล้วหยิบกระเป๋าสะพายออกไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านนอก ใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางก้าวออกจากห้องน้ำเพื่อกลับไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าต้องหยุดชะงักเมื่อร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเทาเข้มกำลังยืนขวางทางเธออยู่
“ขอทางให้ดิฉันด้วยค่ะ ท่านประธาน”
“จะรีบไปรับงานต่อที่ไหนละคนสวย”
“ดิฉันจะรีบกลับบ้านไม่ได้รับงานต่อที่ไหนค่ะ ขอโทษนะคะเพื่อนของดิฉันรออยู่”
“อย่าเล่นตัวไปหน่อยน่า ผมรู้ว่าคุณรับงานอะไรต่อจากนี้ จะรีบไปรับแขกแก่คราวพ่อขนาดนั้นทำไม ผมให้คุณมากกว่าที่ตาแก่นั่นให้คุณอีกนะ”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“ก็หมายความว่าผมรู้ว่าที่จริงพวกคุณประกอบอาชีพอะไรและทำอาชีพอย่างอื่นบังหน้ายังไงละ”
“ฉันไม่สนใจว่าคุณจะรู้อะไร หรือไม่รู้อะไร แต่ช่วยหลีกทางให้ด้วยค่ะ ฉันไม่อยากให้เพื่อนฉันต้องรอนาน”
“ไม่ต้องห่วงเพื่อนของคุณหรอกผมให้ลูกน้องที่ไว้ใจได้ที่สุดพาเธอไปส่งถึงไหนต่อไหนแล้ว ส่วนคุณคืนนี้ผมจะจ่ายให้มากกว่าที่คุณเคยได้มาเชียวละ”
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่า คุณคงเข้าใจผิดแล้วคะ”
“จะเล่นตัวเพื่อโก่งค่าตัวหรือไงกัน ผมจ่ายให้คุณเท่าไหร่ก็ได้ที่คุณต้องการ”
“ฉันบอกว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงหากิน ฟังไม่เข้าใจหรือไง หลีกไป”
อีริครั้งแขนบอบบางของเธอไว้ ชนิดาดิ้นรนขัดขืน ชายหนุ่มจึงอุ้มร่างบางพาดบ่าแล้วเดินกลับไปยังรถที่จอดรออยู่ที่ประตูด้านหลัง โชคดีที่ทางเดินที่เข้าเลือกใช้ไม่มีใครอยู่แถวนั้นจึงไม่ตกเป็นเป้าสายตาของใคร เขาไม่ทางปล่อยให้หญิงสาววิ่งหายไปเหมือนวันนั้นเด็ดขาด จะด้วยวิธีไหนก็แล้วแต่เขาต้องตอบสนองความต้องการของตัวเองที่มีต่อผู้หญิงคนนี้ ในเมื่อเธอก็ไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ที่เขาจะต้องดูแลทะนุถนอมก็แค่ผู้หญิงหากินที่เล่นตัวเพื่อโก่งค่าตัวเท่านั้น
“ปล่อยนะ จะพาฉันไปไหน ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย..อุ๊บ”
อีริคดันร่างบางเข้าไปในรถใช้มือหนาข้างหนึ่งกอดเอวบางไว้ แล้วใช้มืออีกข้างปิดปากอิ่มที่กำลังตะโกนร้องขอความช่วยเหลือแล้วสั่งให้ออกรถไปยังที่พักของตน แต่มีหรือที่ชนิดาจะยอมให้ชายหนุ่มได้ทำอะไรตามใจ ใบหน้าเล็กสะบัดไปมาแล้วใช้ฟันคมกัดมือหนาที่ปิดปากของเธอ
“โอ๊ยย!!..ยัยบ้า ชอบเจ็บๆใช่ไหม ได้”
“กรี๊ดดด..จะทำอะไร ปล่อยฉันนะ”
อีริคกดร่างบางให้คว่ำหน้าลงกับเบาะแล้วมัดมือทั้งสองข้างด้วยเนคไทไว้ด้านหลัง ความกลัวเข้าจู่โจมชนิดาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างรวดเร็ว
“กรี๊ดดด...ปล่อยนะ..ปล่อยฉัน..กรี๊ดดด”
“อย่าเล่นตัวให้มันมากนัก สู้ทำให้ฉันพอใจจนฉันยอมจ่ายเธอมากๆจะดีกว่านะ”
“กรี๊ดด...ไอ้บ้า..ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนี้ที่แกคิดนะ”
“สายตา ท่าทางยั่วยวนขนาดนั้น คงพรุนหมดแล้วไม่ว่า อย่าปฏิเสธเลยน่าคนสวย”
“กรี๊ดด...กรี๊ดด...กรี๊ดดด”
“หนวกหูโว้ยย”
อีริคใช้สูทอาร์มานี่ของตัวเองมัดปากอิ่มเอาไว้ไม่ให้ส่งเสียงกรีดร้องน่ารำคาญออกมาอีก ขาเรียวที่โผล่จากชุดเซ็กซี่ที่แหวกกว้างทำเอาชายหนุ่มแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ พลันสมองของเขาก็นึกถึงภาพฝันในคืนนั้น ขาเรียวที่ถูกแยกกว้างยกสูงขึ้นก่อนจะสอดแท่งร้อนระอุผ่านเข้าไปในโพรงอุ่นชื้นแล้วกระแทกอย่างเมามัน กำลังจะทำให้เขาขาดสติ มือใหญ่ลูบไล้ไปตามเรียวขาสวยแล้วบีบขย้ำเคล้นคลึงสะโพกกลมมนจนความเสียวซ่านพุ่งกระฉูด
รถยนต์คันหรูจอดสนิทหน้าโรงแรมที่พักของชายหนุ่ม พนักงานต้อนรับรีบทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ด้วยการเปิดประตูให้กับแขกที่มาพักโรงแรมแห่งนี้ แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นมหาเศรษฐีหนุ่มก้มลงแบกผู้หญิงคนหนึ่งออกมาจากรถก่อนจะหายตัวเข้าไปในลิฟต์
“เขางอนกันนิดหน่อยนะ ไม่มีอะไรหรอก แฟนกันก็แบบนี้”
หนึ่งในลูกน้องของอีริคที่ลงจากรถคันถัดมาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของพนักงานต้อนรับที่มองตามเจ้านายของเขาไปจนสุดสายตา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาชายหนุ่มจึงหยิบธนบัตรสีเทาออกมาหนึ่งใบยื่นให้กับพนักงานต้อนรับหนุ่มคนนั้นก่อนจะเดินไปกดเพื่อเรียกลิฟต์ให้กลับมารับตนไปยังห้องพัก
โทนี่ที่กลับมาถึงที่พักก่อนหน้าเปิดประตูห้องพักไว้รอชายหนุ่มที่แบกร่างบอบบางกลับขึ้นมายังห้องพักแล้วปิดประตูให้อย่างรู้หน้าที่
อีริคโยนร่างบอบบางลงบนที่นอนอย่างแรงก่อนจะตามขึ้นไปทาบทับร่างเย้ายวนไว้ไม่ให้ขยับตัวไปไหน ชนิดาดิ้นรนขัดขืนสุดแรง ความกลัวกำลังกัดกินเธอทุกอณูผิว น้ำตากำลังไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอไม่เคยคิดว่าสิ่งที่เธอทำในวันนี้จะทำเธอมาจบลงตรงนี้ด้วยความเข้าใจผิดของผู้ชายคนนี้
“ได้เวลาสนุกของเราแล้ว เลิกสร้างภาพว่าตัวเองเป็นสาวบริสุทธิ์อ่อนต่อโลกสักที”
“อื้ออ..”
ปากอิ่มที่ถูกปิดด้วยสูทอาร์มานี่ส่งเสียงต่อต้านชายหนุ่มที่กำลังถลกกระโปรงของเธอขึ้นกองที่รอบเอวบาง สองขาที่เป็นอิสระพยายามทำร้ายร่างกายชายหนุ่มให้มากที่สุดไม่สนใจว่าตอนนี้สภาพด้านล่างของเธอจะเป็นยังไง
ปึก!
ปลายเท้าเล็กถีบหน้าอกชายหนุ่มเข้าอย่างจัง แต่สำหรับอีริคที่ออกกำลังกายเป็นประจำจนกล้ามเนื้อเป็นมัด สัมผัสแค่นี้ไม่สามารถหยุดความต้องการของชายหนุ่มได้
“หยุดดิ้นสักที อย่าเล่นตัวมากนัก ของเคยๆอยู่แล้วมันคงไม่สึกหรอไปมากกว่าเดิมหรอก รับรองว่าคุณต้องชอบจนร้องขอจากผมอีกหลายครั้งแน่”
ชนิดายังคงดิ้นรนขัดขืนไม่หยุด อีริคที่หมดความอดทนจึงจับขาทั้งสองข้างตรึงไว้กับที่นอน ร่างบางหมดหนทางดิ้นรนต่อสู้เพราะมือทั้งสองข้างถูกพันธนาการไว้ก่อนหน้าชนิดาส่งสายตาอ้อนวอนให้กับชายหนุ่มแต่สำหรับอีริคในตอนนี้มันเป็นสายตาเชิญชวนเสียมากกว่า ชายหนุ่มกระชากร่างบางเข้าหาตัวจนสะโพกกลมกลึงสัมผัสเข้ากับหน้าขาแกร่งก่อนจะแยกขาเรียวให้กว้าง แล้วจึงโน้มใบหน้าลงไปใกล้หน้าอกอิ่มก่อนจะใช้ลิ้นร้อนเลียไล้ไปทั่วเนินอกที่ส่ายไปมา แต่ยิ่งคนใต้ร่างสะบัดตัวหน้าอกของเธอก็ยิ่งสัมผัสกับใบหน้าชายหนุ่มยิ่งขึ้น อีริคเริ่มซุกไซ้ใบหน้าไปตามลำคอหอมกรุ่นค่อยๆดูดเม้มไปทั่ว ขณะเดียวกันก็ปล่อยมือที่จับข้อเท้าทั้งสองข้างไว้แล้วทิ้งน้ำหนักตัวทับคนใต้ร่างจนไม่สามารถขยับตัวได้ ก่อนจะสอดมือเข้าไปด้านหลังนวลเนียนแล้วรูดซิปชุดของเธอลงจนสุดแล้วปลดตะขอบราไร้สายของเธอออก
เมื่อปราศจากสิ่งรั้งอีริคจึงกระชากเสื้อผ้าออกจากคนใต้ร่างจนหมด ความสวยงามอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนปรากฏสู่สายตาชายหนุ่มเป็นครั้งแรก เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนที่มีรูปร่างสวยงามขนาดนี้มาก่อน อีริครีบอ้าปากก้มลงดูดดึงเม็ดทับทิมเข้าสู่ปากอย่างกระหาย เคล้นคลึงสองเต้าอวบอัดไว้ในมือจนร่างบางบิดส่ายไปมาด้วยความเสียวซ่าน เธอไม่อยากเสียความบริสุทธิ์ให้กับผู้ชายคนนี้แต่ร่างกายของเธอกำลังโอนอ่อนผ่อนตามมือและลิ้นของเขาที่ช่ำชองในรสสวาทจนต้องส่งเสียงครางออกมาทั้งๆที่ยังมีเสื้อของเขามัดปากเธอเอาไว้
“อื้ออ”
ชนิดาที่ไม่เคยถูกผู้ชายคนไหนสัมผัสร่างกายรุกล้ำขนาดนี้มาก่อนกำลังร้อนเป็นไฟเพราะความอ่อนหัดในเรื่องบนเตียง เมื่อเจอเข้ากับสัมผัสวาบหวามของชายหนุ่มจึงทำให้ร่างกายเกิดความรู้สึกแปลกๆ ไม่มีแรง อ่อนราวกับขี้ผึ้งลนไฟ อีริคยิ่งได้ใจเมื่อเห็นคนใต้ร่างส่งเสียงครางให้ได้ยินจึงเลื่อนมือใหญ่ลงไปสัมผัสกุหลาบงามที่เขาอยากจะแทรกเข้าไปความรู้จักภายในดอกไม้ดอกนี้เหลือเกิน มือใหญ่บดขยี้เกสรดอกไม้จนผลิตน้ำหวานออกมารดมือของเขาเต็มไปหมด ชายหนุ่มละมือจากอกอิ่มเพื่อปลดเข็มขัดหนังอย่างดีก่อนจะปลดกางเกงของตนลงมากองที่หัวเข่าเพื่อปลดปล่อยแท่งร้อนระอุใหญ่โตให้ออกมาลิ้มรสน้ำหวานที่ไหลช่ำไปทั่วมืออีกข้างของเขา อีริคเงยหน้าขึ้นมือใหญ่ทั้งสองข้างยกสะโพกกลมมนขึ้นแล้วจึงแทรกแท่งร้อนเข้าไปในโพรงอุ่นชื้นรวดเดียวจนมิด
พรวด!
“อื้ออ..อื้อออ..อื้อออ”
ร่างบางที่เคลิ้มไปกับสัมผัสของชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัวด้วยความเจ็บที่แล่นแปลบไปทั่วร่าง ชนิดาดิ้นรนและส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
“ดูแลตัวเองดีใช้ได้..แน่นมาก..อา”
“อื้อออ”
อีริคกัดฟันในความคับแน่นของคนใต้ร่างสมกับที่เขาเฝ้าฝันมาตลอดสามวัน ชายหนุ่มค่อยๆขยับสะโพกอีกครั้งมันบีบแน่นจนเขาแทบจะขยับไม่ได้ ชายหนุ่มรู้สึกถึงคนใต้ร่างเริ่มปรับสภาพรับความใหญ่โตของเขาได้จึงขาเริ่มขยับสะโพกเร็วขึ้น ความรู้สึกเสียวซ่านอัดแน่นจนแทบปริแตกกระหน่ำเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง อีริคหยุดขยับสะโพกของตัวเองไม่ได้ตัวตนร้อนระอุใหญ่โตจ้วงแทงกุหลาบงามไม่หยุด
“ซี๊ดด..อ้า..”
ตอนนี้เขาอยากได้ยินเสียงเธอ อยากได้สัมผัสจากเธอแต่มือที่ตอนนี้จับเอวบางของเธอไว้ก็ไม่สามารถเอื้อมไปปลดพันธนาการที่มือและปากของเธอได้
“สุดยอด...อืม..แน่น..ซี๊ดด”
“อื้ออ..”
ชนิดาที่สติหลุดออกจากร่างอีกครั้งเพราะความเสียวจากการกระหน่ำจ้วงแทงของชายหนุ่ม ความรู้สึกวูบวาบแล่นพล่านไปทั่วร่างจนร่างกายร้อนไปหมด เขากำลังทำให้เธอมีความสุขและเจ็บปวดไปพร้อมๆกัน
“อื้อออ...”
“อ้า..ไม่ไหวแล้ว..ซี๊ดด”
ชนิดารู้สึกเสียวซ่านที่แตกกระจายไปทั่วร่างมันกำลังพุ่งสูงขึ้นเหมือนตัวเธอกำลังจะลอยขึ้นแตะขอบสวรรค์และเมื่อชายหนุ่มเพิ่มความเร็วสะโพกที่โหมกระหน่ำเข้าออกร่องสวาทมากยิ่งขึ้น ร่างบางก็กรีดร้องหายใจหอบถี่เหงื่อไหลโทรมกายกุหลาบงามกระตุกตอดรัดแท่งร้อนถี่ๆ จนอีริครู้ได้ว่าหญิงสาวได้แตะขอบสวรรค์เรียบร้อยแล้ว และเกือบจะพร้อมกันน้ำสีขาวขุ่นก็พุ่งทะลักออกมาจากส่วนปลายเปรอะเปื้อนหน้าท้องแบนราบจนหมด
อีริครู้สึกว่าความต้องการที่มากล้นของเขามันไม่มีทางสงบลงเพียงครั้งเดียวอย่างแน่นอนเมื่อถูกความคับแน่นของเธอบีบรัดตัวตนของเขาแบบนี้ ชายหนุ่มลุกขึ้นจัดการเสื้อผ้าของตัวเองจน หมดก่อนจะกลับเข้ามาหาร่างยั่วยวนที่นอนหมดแรงบนเตียงนอนอีกครั้ง
พลันสายตาของเขาก็ปะทะเข้ากับหยดเลือดสีแดงที่เปรอะเปื้อนบริเวณที่เธอนอนอยู่ อีริครีบแกะพันธนาการที่มือทั้งสองข้างและปากของเธอให้เป็นอิสระ ร่างบางที่สติกลับเข้าร่างและรู้ว่าตัวเองได้เสียความบริสุทธิ์ที่รักษามาตลอดยี่สิบสองปีให้กับผู้ชายที่เธอได้พบเขาเพียงสองครั้ง ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าร้องไห้แล้วปล่อยให้เขาแกะเนคไทและสูทที่มัดปากและมือของเธอเอาไว้
“นี่มันอะไรกัน”
“...”
ชนิดาไม่ตอบรับหรือปฎิเสธคำถามของชายหนุ่ม มือบางดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดบังร่างกายเปลือยเปล่าเธอไม่มีอะไรจะพูดอีกต่อไปแล้วในเมื่อเธอพูดไปหมดแล้วและเขาก็ไม่ยอมรับฟังซ้ำยังกล่าวหาว่าเธอเล่นตัวเพื่อโก่งค่าตัวจากเขาอีก มันจึงไม่มีความจำเป็นที่เธอจะตอบคำถามอะไรของเขาอีก เพราะสิ่งที่เขาได้เห็นและได้รับในตอนนี้คือคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับเธอแล้วเช่นกัน
“ตอบผมมา นี่มันหมายความว่ายังไง คุณยังบริสุทธิ์..แล้ว...โธ่เว้ย”
“ปล่อยฉันไป..ฮืออ”
“ไม่! ผมยังไม่รู้ว่าคุณชื่ออะไรด้วยซ้ำจะให้ผมปล่อยคุณกลับไปได้ยังไง”
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้..ฮึก..ถึงยังไงเราก็คงไม่มีทางได้เจอกันอีก”
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“ก็บอกว่าไม่ต้องพบกันอีกตลอดชีวิตยังไงละ!”
อีริคกำหมัดแน่นจะไม่ให้พบกันอีกตลอดชีวิตอย่างนั้นเหรอ เขาไม่มีทางยอม ในเมื่อเขาเป็นคนแรกของเธอและตอนนี้เธอก็เป็นของเขาแล้วจะให้เขาปล่อยเธอไปเป็นของคนอื่นอย่างนั้นเหรอ ไม่มีทาง!!
“ไม่มีทาง ตอนนี้คุณเป็นของผมแล้ว”
“ฉันเป็นคน มีชีวิตจิตใจ ไม่ใช่ของของใคร อย่าหวังว่าจะได้อะไรจากฉันอีก”
“หึ มาดูกันว่าฉันจะได้อีกกี่ครั้ง จนกว่าเธอจะตอบคำถามที่ฉันอยากรู้จนหมด จะรอดูพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกันไหมละยาหยี”
*** อันดับแรกก็ต้องขอกำลังใจให้รักลดาด้วยนะคะ ทั้งโหวต คอมเม้น หรือให้คะแนน
*** สำหรับเรื่องนี้เป็นยังไงยังไงกันบ้างค่ะ บอกเล่ากันเข้ามาเยอะๆนะคะ สนุกหรือเปล่าช่วยบอกรักลดาด้วยนะจะได้เปลี่ยนเรื่องใหม่
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น