ชั้นบนสุดของโรงแรมสิริธาร...
ภายในห้องทำงานของท่านประธานผู้บริหารสูงสุด ชายชรานั่งอยู่โต๊ะประจำตำแหน่งมองหน้าหลานชายคนเล็กที่นั่งอยู่เก้าอี้ตรงข้ามเล็กน้อย
โดยมี นายสุบิน เตสะพล...
ชายวัยเกือบห้าสิบปี ซึ่งเป็นเลขาของนายชยุทธมาเนิ่นนานประมาณยี่สิบปียืนอยู่ไม่ห่าง
“สุบิน... ฉันบอกแกไปตามคนที่จะมาช่วยสอนงานให้เจ้าแทนมาหรือยังล่ะ?”
“ใกล้จะถึงแล้วครับท่านประธาน...”
เลขาวัยกลางคนรีบโค้งก้มตอบคำถามของเจ้านายที่เคารพทันที
“คุณสุบินสอนงานผมเองก็ได้... คุณปู่ไม่เห็นต้องไปรบกวนให้เวลาใครเลยครับ”
ภาวัตค่อนข้างรู้สึกคุ้นเคยกับเลขาของผู้เป็นปู่มากกว่าที่เขาจะต้องเรียนรู้งานโรงแรมจากคนอื่น
“โถ่!!! คุณแทนให้ผมสอนมีหวังจะง่วงนอนกันเปล่าๆสู้คนนี้ไม่ได้หรอกครับ... ผมรับรองตาสว่างทั้งวันเลย”
เลขาวัยกลางคนหันมามองหน้าเจ้านายหนุ่มแล้วอมยิ้มสายตากรุ่มกริ่มเป็นประกายแปลกๆ
จนท่านประธานใหญ่จำต้องกระทำบางสิ่งเพื่อเป็นการห้ามปราม
“ฮะแฮ่ม!!! แกพูดมากแล้วนะสุบิน...”
“ขอประทานโทษครับท่านประธาน”
ขณะที่สุบินจึงรีบก้มหน้าหลบสายตาลงอย่างคนรู้ความผิดของตัวเองทันที...
“ก๊อก!!! ก๊อก!!!”
เพียงไม่นานเสียงเคาะประตูด้านห้องทำงานดังขออนุญาติขึ้นก่อนที่จะเผยร่างเพรียวบางสวมชุดเสื้อสูทสีแดงเข้มเข้ารูปพับแขนถึงศอกเล็กน้อย สวมทับเสื้อสายเดี่ยวสีขาวรับกับกระโปร่งสั้นสีดำรัดเอวคอดกิ่วโชว์ขาเรียวยาว รองเท้าส้นสูงเกือบสี่นิ้วก้าวเดินเข้ามาอย่างมั่นใจ...
“สวัสดีคะ คุณปู่ให้คนไปตามหนูมาพบมีอะไรหรือเปล่าค่ะ?”
ณัชชารีบยกมือไหว้ท่านประธานใหญ่อย่างนอบน้อมหลังจากที่ได้รับโทรศัพท์โดนเรียกตัวก็วางงานทุกอย่างไว้แล้วรีบตรงดิ่งมาทันที
ซึ่งหญิงสาวได้เข้ามาทำงานที่นี่หลังจากเรียนมหาวิทยาลัยจบตามความต้องการของบิดาเพราะพลโท. รวิชรู้จักคุ้นเคยกับนายชยุทธเป็นอย่างดี
แต่ทว่า... กว่าหญิงสาวจะผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ต้องใช้ความพยายามอดทนพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นยอมรับในฐานะพนักงานคนหนึ่งเพราะทุกคนต่างมองว่าเธอเด็กเส้น
จนสุดท้ายณัชชาก็ทำสำเร็จด้วยความสามารถจริงๆ เธอได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองกรรมการผู้จัดการโรงแรมสิริธาร
ขณะเดียวกัน...
ชายหนุ่มสติหลุดราวกับตกอยู่ในภวังค์เผลอมองหญิงสาวตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามาแบบตาไม่กระพริบ
“สวัสดีค่ะ คุณภาวัต!!!”
ซึ่งณัชชาไม่ได้สนใจยกมือไหว้ชายหนุ่มตามมารยาทก่อนจะรีบหันกลับมาหาท่านประธานใหญ่ที่เริ่มต้นบอกกล่าวถึงสาเหตุเรียกหญิงสาวรุ่นหลานมาพบ
“ถ้าปู่อยากรบกวนเวลาทำงานหนูณัชช่วยพาเจ้าแทนไปดูงานในโรงแรมของเราทั้งหมดได้มั้ย?”
“เออ.. คือหนูเป็นแค่เพียงพนักงานธรรมดา... มันคงไม่เหมาะที่จะพาระดับผู้บริหารดูงานได้ค่ะ คุณปู่ให้คุณสุบินพาคุณภาวัตไปจะเป็นเรื่องที่ดีกว่านะคะ”
ณัชชาออกปากปฏิเสธทันทีเพราะเธอยังโกรธเคืองภาวัตอยู่มากจนไม่อยากเข้าใกล้ชายหนุ่มอีกแล้ว
ทางด้านชายชราเริ่มสัมผัสได้ว่าจะต้องมีเรื่องบาดหมางอะไรบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคนแน่นอนเพราะปกติแล้วไม่เคยเห็นณัชชาเอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวกับงานเลยสักครั้ง
“ไม่เป็นไรครับ!!! คุณปู่... เธอคงไม่มีความสามารถมากเพียงพอที่จะทำมันจริงๆ ผมไปเดินดูงานเองก็ได้... อย่ารบกวนใครเลยครับ”
ภาวัตพูดจาอย่างนี้ก็เหมือนเขากำลังดูถูกและตบหน้าหญิงสาวฉาดใหญ่... และมีหรอคนอย่างณัชชาคนนี้จะยอมแพ้ไม่มีทาง
“ตกลงค่ะ คุณปู่... หนูจะเป็นคนพาคุณภาวัตไปดูงานในโรงแรมทั้งหมดเองคะ”
เมื่อชายหนุ่มได้ยินคำตอบจากณัชชาอย่างนั้นจึงรอยยิ้มเล็กน้อยอย่างคนที่กำลังถือไพ่เหนือกว่า
ซึ่งการกระทำทุกอย่างของภาวัตล้วนอยู่ในสายตาของชายชราและนายสุบิน
ในที่สุด...
ณัชชาจำใจต้องพาภาวัตไปดูการทำงานด้านต่างๆ ภายในโรงแรมทั้งหมด
เริ่มต้นจากชั้นล่างสุดห้องอาหารขนาดใหญ่เป็นอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์นานาชาติกว่าสามสิบเมนูทำให้ลูกค้าทั้งในและนอกโรงแรมได้เข้ามารับประทานอย่างจุใจ
“ห้องอาหารของเราสามารถตอบโจทย์ของลูกค้าที่อยากได้บรรยากาศสวยๆ รสชาติอาหารอร่อยและราคาคุ้มที่จะจ่าย เราจึงเป็นหนึ่งในร้านบุฟเฟ่ต์ที่ลูกค้าประทับใจมากที่สุดค่ะ”
ณัชชาอธิบายโดยไม่เคยหันมองหน้าสบตาภาวัตเลยสักครั้ง ทุกคำพูดของหญิงสาวมีแค่เรื่องงานเท่านั้น
เวลาผ่านไป...
หญิงสาวพาชายหนุ่มเดินดูตามห้องพักลูกค้าและตามชั้นต่างๆ พร้อมทั้งอธิบายให้เข้าใจด้วยคำพูดที่แสนจะฉะฉานชัดเจน
“ณัชยังไม่หายโกรธพี่อีกหรอ?”
ภาวัตเอ่ยถามหญิงสาวข้างกาย ในขณะที่ขึ้นลิฟท์มาด้วยกันแค่สองคน
“เปล่าค่ะ”
ณัชชาตอบสั้นๆ รอจนประตูลิฟท์เปิดออกชั้นเก้าก็รีบสาวเท้าเดินนำชายหนุ่มออกทันที
หญิงสาวมุ่งหน้าเข้าไปในห้องพักเอ็กเซ็กคิวทีฟ สูท. ที่วันนี้ยังไม่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ
ภายในตกแต่งอย่างมีระดับแบบไทยร่วมสมัยห้องนอนและห้องนั่งเล่นแยกกันเป็นสัดส่วน เหมาะกับนักธุรกิจที่ต้องการที่ต้องเดินทางและผักผ่อนอย่างมีสไตล์
ในพื้นที่ส่วนตัวพร้อมสัมผัสกับทัศนียภาพอันแสนงดงามของเมืองหลวงประเทศไทยด้วย
“พี่เหนื่อยแล้ว!!! วันนี้เราพอกันแค่นี้ก่อนได้มั้ย?”
ภาวัตทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาสีน้ำเงินเข้มตัวหนึ่ง ในห้องนั่งเล่น อย่างหมดแรง หลังจากที่ณัชชาพาเขาตะเวนสำรวจโรงแรมมาตลอดทั้งวันแทบไม่ได้พัก...
“ไม่ได้ค่ะ แค่นี้มันยังไม่ถึงครึ่งในวันแรกของฉัน ที่เคยเจอมาเลยน่ะค่ะ”
ณัชชายืนกอดอกมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่อย่างเหน็ดเหนื่อย พร้อมทั้งส่ายหน้าเบาๆ
“ณัชช่วยหน่อยสิ!! พี่ลุกไม่ไหวแล้วน่ะ”
ภาวัตทำเจ้าเล่ห์ยื่นมือขึ้น ขอความช่วยเหลือจากหญิงสาวสายตาเว้าวอน จนหญิงสาวหลงเชื่อยอมยื่นมือไปจับมือชายหนุ่มดึงสุดแรง แต่แทนที่เขาจะลุกขึ้น
แต่กลับเป็นณัชชาเอง... ต้องล้มลงไปปะทะกับร่างใหญ่ที่แข็งแรงมากกว่า ก่อนที่ภาวัตจะรีบสวมกอดหญิงสาวนั่งลงที่โซฟาตัวเดียวกัน
“นี่!! คุณแกล้งฉันหรอ? ปล่อยน่ะ”
ณัชชาพยายามดันตัวเองให้หลุดพ้น จากอ้อมแขนอันแกร่งราวกับหินผา แต่ก็ทำไม่ได้เพราะยิ่งดิ้นรนมากเท่าไร ภาวัตก็รัดร่างบางแน่นมากขึ้นเท่านั้น
“พี่ไม่ปล่อย... จนกว่าณัชจะยอมหายโกรธแล้วยอมพูดกับพี่ดีๆ”
“ก็.. ฉันไม่ได้โกรธอะไรคุณเลย”
ณัชชาเมินหน้าหนีและยังทำปากแข็งเหมือนเดิม
“ถ้าณัชยังไม่ยอมรับแบบนี้ พี่จะต้องทำโทษแล้วน่ะ”
ภาวัตทำตาดุใส่หญิงสาว...
“ฉันไม่ใช่เด็กน้อยน่ะค่ะ ที่ต้องกลัวโดนผู้ใหญ่ทำโทษ”
ณัชชารีบหันมาเถียงชายหนุ่มกลับทันที ทำให้สายตาของหญิงสาวต้องประสานเข้ากับสายตาคมของชายหนุ่มพอดี
ภาวัตรู้สึกหวั่นไหวมาก จนเขาไม่สามารถอดทนต่อความหอมหวานที่อยู่ตรงหน้าได้อีกต่อไป
😁😁😁😁😁😁😁😁😁😁😁
..............................................................................................