[กระทิงxไดม่อน] 04
ภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ที่มีเฟอร์นิเจอร์ไม่ได้หรูหราอะไรมากนัก เรียกได้ว่าค่อนไปทางอาภัพเห็นจะได้ เพราะเตียงไม้เก่าๆ ที่ผุเป็นรูประหนึ่งจะพังแหล่มิพังแหล่ ตู้เสื้อผ้าที่ถึงแม้จะบานโตแต่ดูไร้ประโยชน์ทันทีเพราะในนั้นมีเพียงเครื่องแบบทำงานสองสามชุด และชุดลำลองอีกสองสามตัวเท่านั้น นอกจากนี้ก็มีทีวี ตู้เย็น อ่างล้างจาน โต๊ะและเก้าอี้ที่มีสภาพไม่ต่างจากนี้มากนัก
และใช่.....ห้องนี้คือห้องของก๊วยเจ๋ง หรือคนขับรถของฟ้านั่นแหละ
"อย่าบอกนะ ว่าสิงสถิตอยู่ที่นี่น่ะ" หญิงสาวทำท่ารับไม่ได้อย่างแรงทันที "บ้าไปแล้ว อะเฟรดมากอะพี่"
"เอ่อ...."
"เงินเดือนไม่พอเหรอ คนขับรถของฟ้าทำไมมีสภาพห้องทุเรศทุรังแบบนี้คะ"
"คือผม...."
"ฟ้าเป็นถึงลูกสาวเพียงคนเดียวของเจ้าสัวบดินทร์ แต่กลับมีคนรถอาศัยอยู่ในที่แบบนี้ ฟ้าไม่อยากให้คนนอกมาว่าหรือดูถูกตระกูลฟ้าได้นะคะ ทำไมไม่ยอมไปอาศัยอยู่ในบ้านของฟ้าล่ะ ถึงจะเป็นตึกคนใช้แต่หรูกว่าอพาร์ทเมนท์นี้เป็นไหนๆ"
ร่างบางเอ่ยไม่ยอมหยุดปากจนชายหนุ่มที่ฟังถึงกับแอบถอนหายใจออกมา
"ผมอยากมีพื้นที่ส่วนตัว จริงๆ อยู่ที่นี่ผมสบายใจมากกว่าครับคุณฟ้า"
ฟ้าชักสีหน้าไม่พอใจทันทีที่ได้ยินคำอธิบายของก๊วยเจ๋ง
"ไม่ได้ค่ะ พี่จะต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านของฟ้าตั้งแต่วันนี้ แล้วฟ้าจะขึ้นเงินเดือนให้อีกสองเท่าไม่ต้องห่วง!"
"แต่คุณฟ้-"
หญิงสาวไม่ฟังอะไรอีกทั้งนั้นเธอตัดสินใจเองเสร็จสรรพ ไม่สนคำค้านของชายข้างๆ เลย สักพักฟ้าถึงคิดอะไรขึ้นมาได้...
เธอนั่งไขว่ห้างลงบนเตียงก่อนจะกดโทรศัพท์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่หาคุณนายอรนิภาหรือก็คือคุณหญิงแม่ของไดม่อนนั่นแหละ
ยังไงเสียเธอก็ต้องรายงานสิ่งที่เห็นให้ ถึงหลักฐานเพียงอย่างเดียวในโทรศัพท์จะหายไปแล้วจากการตกน้ำก็เถอะ
"ไม่คิดเลยว่าพี่ไดม่อนกับไอ้ล่ำนั่นจะมีความสัมพันธ์แบบนั้นกัน!"
"คุณฟ้าน่าจะปล่อยพวกเขาไปนะครับ อันที่จริงระดับคุณฟ้าไม่เห็นต้องง้อผู้ชายคนไหนเลย ล-"
ยังไม่ทันที่ก๊วยเจ๋งจะพูดจบหญิงสาวก็ตะคอกแทรกขึ้นมาเสียก่อนด้วยความโมโห
"ฟ้าไม่ได้ง้อ!!!"
"........."
"ฟ้าแค่เจ็บใจที่แพ้คนอย่างมัน ฟ้าไม่ดีตรงไหนห๊ะ หน้าฟ้าก็ทำ ตัวฟ้าก็ทำ สกุลรุนชาติก็เหนือกว่ามันเห็นๆ!"
"คุณฟ้า! ผมไม่คิดเลยว่าคุณฟ้าเป็นเด็กแบบนี้"
ร่างสูงที่ปกติจะมีท่าทางปวกเปียกไร้น้ำยาคนนั้นคนเดิมหายไปทันที กลับกลายเป็นชายหนุ่มที่ดูน่าเกรงขามและดุดันจนฟ้าตัวเกร็งไปหมดด้วยความกลัว
อันที่จริงก็ไม่เห็นจะมีอะไรเสียหายเลยนี่นา ก็มันเสียศักดิ์ศรีนี่ที่เธอแพ้คนอื่น ยิ่งเป็นผู้ชายด้วยแล้ว....
"โอ้ย! หงุดหงิด ไม่ฟ้องก็ไม่ฟ้อง! แต่พี่ต้องไปกับฟ้าวันนี้ จบนะ"
ไม่ฟงไม่ฟังอะไรมันทั้งนั้น หญิงสาวยังคงใช้ความเอาแต่ใจที่มีมาตั้งแต่เด็กบังคับให้คนขับรถที่ตนเองรู้สึกถูกชะตาตามไปพักอาศัยที่บ้านของเธอโดยไม่ถามความสมัครใจของก๊วยเจ๋งเลยสักนิด และถึงแม้ว่าจะรู้ด้วยความเป็น 'ฟ้า' ก็คงไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว เธอไม่เคยสนใจอะไร
เพราะคิดมาแล้วว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุด
แต่น่าแปลกที่เมื่อครู่คนอย่าง 'คุณฟ้า' ลูกสาวเจ้าสัวบดินทร์จอมเย่อหยิ่งและเอาแต่ใจคนนี้กลับฟังเสียงของคนขับรถตัวเล็กๆ ตาดำๆ อย่าง 'ไอ้เจ๋ง' ข้อนี่แหละที่คนอย่างไอ้เจ๋งมันรู้สึกว่าผู้หญิงที่กำลังจูงมือมันอย่างเผด็จการตอนนี้ กำลังซ่อนความน่ารักและน่าเอ็นดูไว้ข้างใน ภายใต้หน้ากากคุณหนูร้ายๆ แบบนี้
อาจด้วยการอบรมเลี้ยงดู
อาจด้วยสังคมที่คุณฟ้าโตมา
หรือด้วยเหตุผลร้อยแปดอะไรก็แล้วแต่
ที่ทำให้ตอนนี้ไอ้ก๊วยเจ๋ง ผู้ชายกากๆ จนๆ กำลังคิดว่าหญิงสาวคนนี้ดูจะไม่ได้ร้ายอย่างที่คิดเสียเท่าไหร่
ในขณะเดียวกัน ถึงแม้ว่าฟ้าจะไม่ได้บอกกล่าวอะไรคุณนายอรนิภา แต่มีหรือ 'มนุษย์แม่' คนนี้จะไม่รู้ความเป็นไปของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตนเอง
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!"
'เพล้ง!'
แขนเรียวกวาดข้าวของเครื่องแก้วเพชรนิลจินดาลงพื้นจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ไปหมด แม่บ้านหรือคนสนิทไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เลยสักคน ล่าสุดที่เห็นคุณนายโกรธจนทำลายข้าวของแบบนี้ได้ก็คงเป็นต้องที่คุณนายอรนิภาจับได้ว่าคุณท่านซ่อนอีหนูไว้ลับหลัง
ถึงขั้นบุกไปอ่างอาบอบนวดกลางดึกเพื่อตบอีหนูของคุณท่านจนสลบเข้าไอซียูขนาดนั้น
พวกหล่อนเห็นแล้ว 'สยอง' ไม่มีใครอยากลองดีกับคุณนายอรนิภากันนักหรอก ชื่อเสียงกิตติศัพท์เลื่องลือขนาดนี้
"ไม่จริง.....เป็นไปไม่ได้ ลูกชายฉันต้องปกติดีสิ"
"............."
"เป็นเพราะมัน เป็นเพราะมัน!"
คืนนั้นทั้งคืนเหล่าแม่บ้านและคนสนิทต่างได้ยินเสียงเครื่องแก้วมากมายกระทบตกลงพื้น แม้กระทั่งแจกันลายครามที่คุณท่านไปประมูลมาให้คุณนายอรนิภายังแตกเป็นเสี่ยงๆ
มันก็คงจะไม่แปลกเท่าไหร่เพราะทุกคนรู้กันหมดว่าคุณนายเป็นคนโมโหร้าย
แต่ครั้งนี้มันแปลกออกไปเพราะทั้งคืนนั้นทุกคนได้ยินเสียงพึมพำเรื่องลูกชายของคุณนายกันทั้งคืน โดยปกติแล้วคุณนายก็มักจะกังวลเรื่องของลูกชายตัวเองนั่นแหละ แต่ว่าครั้งนี้มันแปลกไปด้วยบริบทมันต่างกัน
ครั้งนี้มันน่ากลัว
ดูแตกต่างจากทุกที
เหมือนกับว่า....พายุลูกใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นยังไงยังงั้น
.
.
.
.
.
ผ่านมาเกือบอาทิตย์ได้หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้น ไดม่อนกับกระทิงกลับมาร่าเริงรักใคร่กันเหมือนเดิมเพราะคุณนายแม่ของไดม่อนไม่มาวุ่นวายอะไรอีกแล้ว รวมถึงฟ้าด้วย
พักนี้จึงมีอะไรหวานๆ เต็มไปหมด
กระทิงกำลังนอนคว่ำให้ไดม่อนชโลมครีมกันแดดที่หลังให้อยู่ ตอนนี้ชายหนุ่มเปลือยท่อนบนให้เห็นแผงอกและมัดกล้ามเป็นลอนสวยบางๆ ที่หน้าท้อง ทั้งตัวของกระทิงมีเพียงกางเกงว่าบน้ำรัดรูปสีดำขายาวเท่านั้น
ไม่แปลกเลยที่ไดม่อนจะหวง....
เพราอย่างนั้นมือหนาจึงนวดไปก็บีบไปด้วยความหมั่นเขี้ยวในความดื้อดึงของกระทิง ใบหน้าหล่อๆ ของไดม่อนจึงยับยู่ยี่ไปหมดด้วยความไม่พอใจ ไม่พอแค่นั้นเขายังต้องส่งสายตาเขม่นไปให้พวกคนรอบข้างทั้งชายน้อยชายใหญ่ สาวน้อยสาวใหญ่ที่พากันส่งสายตาหวานๆ และท่าทางกระสันอยากได้กระทิงจนตัวสั่นแบบนี้
"บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าแต่งตัวแบบนี้"
"มาทะเลนะ พี่ม่อนจะให้ทิงนุ่งขาวห่มขาวเหรอ"
เจ้าของเอวคอดพูดติดตลกทันที "หึงไม่เข้าเรื่อง"
"ใครว่าหึงเล่า....เขาเรียกหวงตั้งหาก!"
ถึงร่างสูงจะชอบหยอดคำหวานและอาการชวนเลี่ยนทุกวัน ทว่าให้ตายยังไงกระทิงก็ไม่เคยชินกับคำพูดหวานๆ และอาการเหล่านั้นของไดม่อนได้เลย
หลักฐานที่ว่าคือตอนนี้กระทิงหน้าแดงแจ๋ไปหมดแล้วด้วยความขวยเขิน
"นี่ก็ใส่ขายาวแล้วไงจะเอาไงอีก ทีพี่ใส่ขาสั้นทิงยังไม่บ่นเลยนะ"
"แต่พี่มีเสื้อไงคะทิง...แต่หนูเล่นเปลือยบนแบบนี้พี่ก็หน้ามืดแย่สิคะ"
ว่าไปก็ทาครีมที่หลังให้คนรักไป ไดม่อนยังแอบขยุบขยิบปากเหมือนสวดมนต์อะไรทำนองนั้นด้วย กระทิงกับไดม่อนเถียงกันอีกครู่ใหญ่ยังหาที่ลงไม่ได้ก็จบด้วยการดีพคิสแทน
นั่นแหละ....เมื่อคืนก็จูบจนปากช้ำไปหมดแล้ว
ปัญหาทุกอย่างพวกเขาเคลียร์กันที่เตียงตลอดเลย ไม่พ้นเรื่องใต้สะดือ ไม่พ้นเรื่องอย่างว่า แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็มั่นใจในความรักของพวกเขานะ มันไม่น้อยไปกว่าอาการอยากได้อยากโดนของกันและกันเลย
พูดไปก็กระดากปาก แต่มันคือเรื่องจริงของมนุษย์นี่นา
ทุกคนต้องการเซ็กส์ เพียงแต่จะมากหรือจะน้อยขึ้นอยู่กับตัวบุคคลเท่านั้นเอง
แล้วเผอิญว่าคู่ของกระทิงและไดม่อนดันมีความต้องการสูง แถมยังใช้เป็นแรงขับเคลื่อนในการดำเนินชีวิตอีกตั้งหาก
"มาเที่ยวพักผ่อนทั้งที แต่พี่ม่อนกลับเอาเรื่องปวดหัวมาให้ทิง"
"อะๆ พี่ไม่บ่นแล้ว"
วันนี้ทั้งคู่ไม่ได้มีแผนการจะทำอะไรมากนักหรอก ชีวิตช่วงนี้ราบรื่น เหมือนแรกๆ ที่คบกันเลย เขาเลิกทำอาชีพกลางคืน ทำแต่ร้านกาแฟ พี่ไดม่อนทำงานที่บริษัทแต่ส่วนมากจะหอบมาทำบ้าน ถ้าจะมีไปประชุมต่างประเทศก็จะพาเขาไปด้วยเสมอ
คือชีวิตของเขาไม่ต้องการอะไรมากกว่านี้อีกแล้วล่ะ
ที่บ้าน ครอบครัวก็อยู่สุขสบายกันหมดแล้วไม่ขาดอะไร พ่อแม่เขาหลังเกษียณยิ่งสวีทหวานกันเข้าไปใหญ่ แต่เดิมกระทิงก็เคยโดนพ่อแม่รังเกียจไม่ยอมรับเหมือนกัน ด้วยความหัวโบราณของที่บ้าน แต่พอเวลาผ่านไปทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทาง ญาติพี่น้องของเขารับได้ พ่อแม่ของเขารับได้ ทุกคนมีความสุขดี เขาเองก็มีความสุข
เรื่องรักแน่นอนว่ามีความสุขอยู่แล้ว ถึงจะเป็นความสัมพันธ์ชายกับชายก็ตาม
กระทิงคิดไว้เสมอว่าอยากอยู่กับไดม่อนไปจนแก่....อาจจะมีบ้านหลังเล็กสักหลังก็พอ หมาหนึ่งตัว ปลูกต้นไม้รอบๆ บ้าน ไม่ต้องไปเที่ยวที่ไหนไกลๆ ก็ได้ อยู่นิ่งๆ พักผ่อนกับคนรักอยู่ในบ้าน....มันคงเป็นอะไรที่มีความสุขมากแน่ๆ
ไม่ต้องมีลูกก็ได้
ไม่ต้องสร้างครอบครัวตามบรรทัดฐานของสังคมก็ได้
แค่ใช้ชีวิตแบบที่เขาต้องการและมีความสุข นั่นก็มากพอ
"คิดอะไรคะ ยิ้มหวานเชียว"
ร่างสูงเอ่ยถามคนรักยิ้มๆ "บอกพี่บ้างสิ"
"เปล๊าาา ทิงไม่ได้คิดอะไรหรอก"
"ไม่ได้คิดอะไรได้ยังไง เห็นๆ อยู่ว่ายิ้มหวานเยิ้มขนาดนั้น"
"แค่คิดว่าอยากใช้ชีวิตกับใครบางคนไปจนแก่เท่านั้นเอง"
แม้กระทิงจะไม่ได้พูดดังอะไรมากนัก อีกทั้งยังมีเสียงคลื่นทะเลกลบอีก ทว่าคนฟังกลับได้ยินเต็มสองหู ชัดทุกถ้อยคำเลยก็ว่าได้
และนั่นทำให้หัวใจของไดม่อนพองโต
'พรึ่บบบบ!'
"อ๊ะ พี่ม่อนจะทำอะไรทิงเนี่ย"
'ฟอดดดดด!'
ไดม่อนรวบคนรักมากอดไว้ก่อนจะฟัดแก้มไปมาทั้งสองข้าง แม้ว่ากระทิงจะพยายามดิ้นเพราะอายคน แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงของอีกคนได้ เหมือนจะก้างนะแต่เอาเข้าจริงไดม่อนแข็งแรงกว่าเขาอีก ทั้งตัวมีแต่กล้ามเนื้อ
"โอ๊ยพี่ม่อน....ฮะ...อย่าๆ"
เจ้าของเอวคอดหัวเราะคิกคักเพราะนอกจากไดม่อนจะฟัดแล้วยังจี้เอวเขาอีกด้วย "พี่ม่อนหยุดนะ"
นัยย์ตาของไดม่อนเป็นประกายทันทีที่ได้แกล้งอีกคน เขามีความสุขที่กระทิงยิ้มและหัวเราะ ดีใจมากเลยนะที่อีกฝ่ายคิดแบบนี้ เพราะมันก็ไม่ต่างจากเขาเลย เขาเองก็อยากคบกับกระทิงไปจนแก่เหมือนกัน
แม้ลึกๆ เขาจะอยากมีลูกก็ตาม....แต่สมัยนี้มันมีกรรมวิธีหลากหลายในการมีลูกแล้วนี่?
"พี่รักหนูนะทิง"
"อื้อ.....ทิงก็รักพี่"
'จุ๊บ!'
.
.
.
.
ภาพการหยอกล้อของกระทิงและไดม่อนถูกปาปารัสซี่ถ่ายเก็บเอาไว้หมดแล้ว แน่นอนว่าแม่ของไดม่อนนั่นแหละที่จ้างมา
คุณนายอรนิภารักลูกมาก บังคับลูกต่างๆ นานาให้ไปในทิศทางที่ตนต้องการมาตั้งแต่ไดม่อนยังเล็กๆ อันที่จริงแล้วคนระดับตระกูลเศรษฐีที่ร่ำรวยเหมือนหล่อน ก็มักจะอบรมสั่งสอนลูกให้ไปในครรลองเดียวกันทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเป็นภูริศ หรือ ริวกิเอง ก็มีชะตาไม่ต่างจากไดม่อนหรอก
พวกเขาถูกที่บ้านจัดสรรทุกอย่างให้ทั้งหมด แต่ไดม่อนโชคดีหน่อยที่....มันเป็นความโชคดีที่คุณนายอรนิภาคิดเองว่าโชคดี เพราะในการตัดสินใจหลายๆ อย่างหล่อนก็ตามใจไดม่อนมาเสมอ ถึงแม้ปากหล่อนจะว่าค้านก็ตาม
แต่เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด
หนึ่งคือตระกูลของหล่อนจะได้รับความอับอาย
สองคือหล่อนอยากได้หลาน บ้านคุณหญิงวารีแม่ของภูริศได้หลานไปสามคนแล้ว....ถ้าไอ้คนรักของลูกชายมันสามารถตั้งครรภ์ได้หล่อนจะไม่ขัดอะไรหรอกนะ เพราะมันคงจะพอหยวนได้
ถ้าหมดหนทางจริงๆ ก็คงต้องยอม....ยอมให้เข้ามาอยู่ในบ้านด้วย
แต่ไม่ได้รับปากว่าหล่อนจะยอมให้มาอยู่ตลอดชีวิต เพราะสุดท้ายแล้วก็คงต้องเลือกใช้วิธีนั้น
'ยังไงแม่ของลูกก็ต้องสำคัญกว่าอยู่แล้ว จริงมั้ยล่ะ....?'
ไวเท่าความคิดคุณนายอรนิภาเมื่อได้รับรูปจากปาปารัสซี่ผ่านทางข้อความ หล่อนก็โทรศัพท์หาคนรู้จักทันที
"ที่เคยบอกว่ามีวิธีอยู่น่ะ คือวิธีการอุ้มบุญใช่มั้ย"
.
.
.
.
tbc.