เช้าวันจันทร์ที่ 3 กันยายน 2561
เวลา 06:20 น.
ตอนนี้เฟียร์กำลังยืนอยู่ในลิฟต์ของหอ เขาบินกลับมาจากภูเก็ตพร้อมกับบอลและหินตั้งแต่ตีห้าเนื่องจากขอกลับมาก่อน โดยให้เหตุผลว่าติดธุระด่วน ซึ่งให้พี่ของบอลช่วยอธิบายให้ผ่านโทรศัพท์ ตามจริงจะต้องอยู่ทำกิจกรรมต่อตอนเช้า แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีกะจิตกะใจจะทำอะไรต่อเลยทั้งสิ้น วันนี้วันจันทร์มหา’ลัยปิดยาวไปจนถึงวันพุธเนื่องจากวันสำคัญบางอย่าง
แกร็ก!
เสียงประตูห้องเปิดออก คนเข้ามารีบสาวเท้าเข้าไปหาคนตัวเล็กจนทั้วทุกมุมห้องทันที
“เหี้ยเอ๊ยยยย!!” เฟียร์สบถคำหยาบลั่นห้องเมื่อเข้ามาแล้วกลับไม่เห็นร่างบาง โทรหาตั้งแต่วันเสาร์จนตอนนี้ก็ยังไม่รับ เขารู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า ถามยามล่างหอก็บอกว่าเห็นออกไปตั้งแต่เมื่อคืนวันศุกร์แล้วยังไม่เห็นกลับเข้ามาเลย ถ้าจะกลับบ้านก็คงจะไม่ใช่ เพราะของสำคัญก็ยังอยู่ที่ห้อง เดินไปดูที่โต๊ะทำงานก็เห็นเมื่อกายจะทิ้งงานค้างไว้
“กูจะเป็นบ้าแล้วนะกาย...” สมงสมองของเขาตอนนี้มันแทบจะระเบิด เขาไม่เคยเครียดเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต
ก็อกๆๆ
เสียงคนเคาะประตูห้องดังขึ้น เฟียร์จึงรีบเดินไปเปิดทันที
“ไอ้เฟียร์ กูไม่เห็นปาล์มเลยว่ะ...หินมันก็ไม่เห็นเมียมัน” พอเปิดออกไปเขาจึงเห็นว่าเป็นบอลกับหิน
“กูจะทำไงดีวะ...” เฟียร์พูดด้วยใบหน้าเหมือนคนจนปัญญาก่อนจะเดินไปนั่งกุมขมับอยู่ที่โซฟา เขากังวลมาตั้งแต่วันที่มีสายแปลกๆโทรเข้ามาแล้ว มันบอกว่าให้ดูแลคนที่เขารักดีๆก็จะมีใครล่ะนอกจากกาย ถ้าเป็นคู่อริ ตั้งแต่ขึ้นปีหนึ่งพวกเขาก็ยังไม่ได้ไปหาเรื่องใครเลย แปลกไปกว่านั้นคือแฟนเพื่อนทั้งสองก็หายไปด้วย
Rrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ของหินที่ตอนนี้กำลังเดินวนอยู่รอบห้องด้วยใบหน้าเครียดๆดังขึ้น เพื่อนทั้งสองจึงหันมามอง เจ้าตัวหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์แปลกแต่ไม่ได้รีรอเลยที่จะกดรับ
“ฮัลโหล…”
(หึ...มึงคงกำลังกระวนกระวายอยู่สินะ)
“มึงเป็นใคร…”
(ดรีมนี่เมียมึงป่ะ)
“มึงเอาดรีมไปไว้ไหน ห๊ะ!!?” ตะคอกใส่ปลายสายด้วยความโมโห จนบอลกับเฟียร์ลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ๆ
ตู๊ด…
“ฮัลโหล…สัส!”
“ใครวะ?” บอลถาม
ตึ้ง...
แต่เสียงข้อความเข้าดันขึ้นมาเสียก่อน หินจึงรีบกดเปิดเข้าไปดูแต่เขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นเป็นภาพของดรีมที่นอนหันหลังเปลือยเปล่าแถมยังมีรอยช้ำเต็มตัว
(เบอร์แปลก): โทษทีๆเมียมึงนี่เร่าร้อนจริงๆ
“เหี้ยย!!!!!!เอ๊ยยยย!!!!!” หินสบถคำหยาบลั่นห้อง ตอนนี้เขาโกรธจนแทบจะเป็นบ้า เฟียร์กับบอลก็พลอยที่จะเครียดไปด้วย
(เบอร์แปลก): บอกเพื่อนมึงอีกสองคนด้วย ให้เตรียมเงินมารับตัวคนของพวกมัน
“…” เขาไม่พูดอะไรนอกจากจะยื่นโทรศัพท์ให้เพื่อนดู เป็นรูปที่ส่งมาใหม่คือรูปของกายกับปาล์มนอนขดตัวอยู่บนพื้นห้อง
“เหี้ยเอ๊ย!!!!” บอลสบถคำหยาบขึ้นมาลั่นห้องก่อนจะเดินออกไปนอกระเบียงพร้อมกับหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ ส่วนเฟียร์ตอนนี้กำลังยืนสงบสติอารมณ์ของตัวเองอยู่ จะให้ฆ่าคนตอนนี้ก็ยังได้เลย มันกล้ายังไงมาเล่นของรักของหวงของเขา คบกันมายังไม่เคยปล่อยให้ร่างขาวๆนุ่มๆไปนอนบนพื้นที่มีแต่ฝุ่นแบบนั้นเลย กายมันก็ไม่ได้ใส่แว่น คอนแทคเลนส์ก็ลืมไว้ที่ห้อง สายตาก็สั้น แค่คิดเฟียร์ก็อยากฆ่าคนที่มันจับไปแล้วก็หั่นไปชิ้นๆทิ้งลงคลองแล้ว
Rrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ของหินดังขึ้นอีกรอบเขาเลยยื่นไปให้เพื่อนคืน
“ฮัลโหล…” หินรีบกดรับเสียงนิ่ง
(เตรียมเงินมาคนละสองแสน แล้วมาเจอกันที่โกดังXX เวลา 20:00 น. ตรง พวกกูจะรออยู่ที่นั่น อย่าคิดจะแจ้งตำรวจล่ะ กูไม่รับประกันความปลอดภัยกับคนของพวกมึง)
(เออ...ฝากบอกไอ้เฟียร์กับไอ้บอลด้วย พวกมันทำน้องกูไว้แสบมากนะ) ปลายสายพูดจบก็กดตัดสายไปทันที หินขมวดคิ้วให้กับคำพูดตอนท้ายของคนที่โทรเข้ามาก่อนจะหันไปหาเฟียร์
“มันว่าไง?” เฟียร์ถาม บอลเองก็เดินเข้ามาในห้องพอดี
“มันบอกให้เตรียมเงินคนละสองแสนไปแลกเอาคนของพวกเรา”
“ที่ไหน” เขาถามต่อ
“โกดัง XX วันนี้สองทุ่มตรง”
“กูได้หมด ขอแค่ได้ปาล์มมันมาคืน” บอลพูดเสริม
“กูคงไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นว่ะ ยังไงคงต้องยืมพวกมึงก่อน…แม่งเอ๊ย…” หินพูดออกมาด้วยความเครียดก่อนเขาจะเดินไปนั่งลงบนโซฟา
“ได้ตลอดแหละ…” บอลตอบ
“ไอ้เฟียร์...กูว่าพวกไอ้นัทว่ะ” หินพูดขึ้นมาอีก
“เมื่อกี้ก่อนที่มันจะวางสายมันบอกว่าพวกมึงเคยทำน้องมันไว้” พูดจบเฟียร์กับบอลก็ขมวดคิ้วเข้าหากันทันที
“ไอ้เหี้ยนนท์...” ยืนคิดไปสักพักก่อนจะนึกขึ้นได้ มันก็ทำให้เฟียร์กำหมัดไว้แน่น เมื่อตอน ม.6 เขาเคยมีเรื่องทะเลาะกันกับนัทน้องของนนท์เรื่องชู้สาว ซึ่งหญิงสาวคนนั้นก็คือโม แต่เฟียร์กลับมารู้ทีหลังว่าโมเองก็เล่นกับนัทด้วย จึงทำให้ทั้งสองต้องเลิกกัน…พวกเขามีเรื่องทะเลาะกันจนทำให้อีกฝ่ายอย่างนัทต้องเข้าโรงพยาบาลไปหลายเดือน
“หึ...ในเมื่อไม่เข็ดหลาบ ก็ช่วยไม่ได้...” บอลพูดเสียงนิ่ง..
..
..
อีกฝั่งหนึ่ง
“ลุกมาเปลี่ยนชุด…” ร่างสูงของแทนสั่งคนที่กำลังนอนเปลือยกายอยู่
“หึ...ถ้าไม่ใช่คำสั่งของนายกูคงเอามึงจนตายไปล่ะ” เขาขยับไปไขกุญแจที่ข้อเท้าออกให้ดรีม แล้วจับคนตัวเล็กเปลี่ยนชุดเหมือนกับตุ๊กตาไม่มีความเจ็บปวด ดรีมอาจจะขัดขืนบ้างแต่ก็ไม่มีแรงห้ามอีกคนได้ ตอนนี้เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวขนาดใหญ่กว่าตัวจนเลยมาถึงหัวเข่ากับกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเล็ก สภาพของเขาตอนนี้เหมือนคนไม่มีแรงจะใช้ชีวิตต่อ ปากที่เคยแดงก็ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด สภาพร่างกายก็ดูโทรม
“ตามมา…” ข้อมือช้ำถูกลากให้เดินตามออกไป หลายครั้งที่จะล้มแต่ดรีมก็ได้แต่เกาะผนังตามทางเดินไว้ เขาไม่ได้กินข้าวมากกี่วันแล้ว…
แกร็ก…
แทนเปิดประตูห้องที่ขังอีกสองคนไว้พร้อมกับเหวี่ยงดรีมลงไปกับพื้นอย่างแรง
“อึก…”
“ดรีม!!” ทั้งสองตะโกนเรียกชื่อคนที่นอนกองอยู่ที่พื้นก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปดู
“ไอ้เลว!!! มึงทำอะไรเพื่อนกูห๊ะ!?” ปาล์มลุกขึ้นไปกำคอเสื้อของคนตัวสูงไว้ด้วยความโมโห ส่วนกายตอนนี้กำลังดูเพื่อนที่นอนเจ็บอยู่
“หึๆ...ตัวเตี้ยแล้วยังอวดเก่งอีกนะ”
พลั่ก!
“โอ๊ย! ไอ้เหี้ยยย…” ร่างเล็กถูกผลักจนล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น ก่อนเขาจะลุกขึ้นแล้ววิ่งไปทุบประตูที่เพิ่งปิดลง
“เปิด! ไอ้พวกสารเลว!!!” ด่าทอออกไปไม่ยั้ง แต่ก็ไร้วี่แววจากคนข้างนอก
“ดรีมโอเคไหม? ค่อยๆลุกขึ้นนั่งนะ” กายพยายามพยุงเพื่อนให้ลุกขึ้น
“ฮึก…” แต่ดรีมกลับสะอื้นพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนัก เขารู้สึกผิดมากๆรู้สึกผิดที่ล่อให้ทั้งสองคนออกมาเจออะไรแบบนี้
“เฮ้ยดรีม…ไม่เอาอย่าร้องไห้นะ” ปาล์มวิ่งเข้ามาโอ๋ ขนาดพวกเขายังไม่ร้องเลย สงสัยคงเพราะมีกันและกันอยู่
“เราขอโทษ ฮือออออ…” ทั้งสองคนพยายามปลอบใจเพื่อนไม่ให้ร้องไห้ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าดรีมจะหยุดร้อง เขาเอาแต่พูดคำว่าขอโทษๆออกมาไม่หยุด
“ชูๆๆไม่เป็นไรๆไม่ต้องขอโทษ” กายลูบหลังเพื่อนพร้อมกับพูดปลอบใจ ถึงจะไม่รู้ว่าดรีมกำลังขอโทษเรื่องอะไรอยู่ก็เถอะ สักพักดรีมจึงค่อยๆเงียบลง
“ไหนดรีมลองเล่าให้ฟังหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น?” ปาล์มถาม คนตัวเล็กก็นิ่งไปสักพัก ก่อนจะเอาแต่ก้มหน้า แต่เขาก็ยอมอธิบายสาเหตุต่างๆออกมา ว่าทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้
ตั้งแต่ที่พี่สาวของดรีมจากไป เขาก็ต้องช่วยแม่หาเงิน เนื่องจากครอบครัวก็ไม่ได้มีรายได้อะไรมากนัก ทุกๆวันหลังเลิกเรียนดรีมจะต้องไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ ถึงมันจะเหนื่อยแต่เขาก็ต้องทำ เขาทำงานแบบนี้มาจนจบ ม.6 และมีเงินเก็บ แต่พอสอบติดมหาลัยในกรุงเทพ ค่าใช้จ่ายมันก็ยิ่งเยอะขึ้น ถึงจะได้ทุน แต่มันก็เหมือนจะไม่พอ แถมแม่ของเขายังต้องมาล้มป่วยเป็นโรคร้ายชนิดหนึ่งที่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการรักษาอีก คนหน้ามืดที่กำลังตกอยู่ในห้องๆหนึ่ง ห้องที่ไม่มีทางออกอย่างเขา จึงต้องหาทุกวิถีทางที่จะหาเงินมาให้ได้ จนมาได้งานแบบนี้ เขาก็วางแผนมานานพอสมควร จนเจอเป้าหมายคนแรกของเขาพอดีในระหว่างเดินกลับหอ นั่นก็คือปาล์มที่เป็นลมให้เขาเห็น เขาพยายามทำตัวเป็นมิตรกับปาล์มไว้ให้มากที่สุดและยิ่งรู้ว่ากายเป็นเพื่อนกับปาล์มมันยิ่งทำให้งานของเขาง่ายขึ้น แต่แผนกำลังดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่นเขากลับมาเจอเข้ากับหิน เพื่อนสนิทคนเดียวที่ย้ายโรงเรียนหนีเขาไปตั้งแต่ ม.5 ในความรู้สึกของเขาแล้ว พอได้เห็นหิน มันก็ดันทำให้เขารู้สึกผิด แถมยังเริ่มรู้สึกมีใจให้ร่างสูงมากขึ้นเรื่อยๆจนเกือบจะล้มเลิกงานที่ตัวเองกำลังดำเนินการอยู่ แต่เขาก็พยายามที่จะออกห่างจากคนตัวสูง พยายามคิดถึงหน้าแม่และอนาคต จนแผนดำเนินการได้สำเร็จ…แต่กลับกลายเป็นว่าตัวเองดันโดนคนที่จ้างเขามาหลอกใช้ แถมยังโดนรุ่นพี่ที่เขาเคยชอบข่มขืนทำร้ายอีก ความรู้สึกของเขาตอนนี้เหมือนคนที่ไม่จำเป็นที่จะต้องมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว แต่พอนึกถึงหน้าแม่ของเขา นึกถึงหน้าพี่สาว และก็นึกถึงหน้าของคนที่ฝากเกียร์ไว้กับเขา มันก็ทำให้เขารู้สึกอยากมีชีวิตต่อ ถึงจะรู้ดีว่าสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปนั้น มันจะผิดมากเกินกว่าจะให้อภัยได้ก็เถอะ
“ฮือออออ…” พอดรีมพูดอธิบายจนจบก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้ขึ้นมาเขาเลยหันไปมอง
“กาย…มึงจะร้องไห้ทำไม?” ปาล์มถามด้วยความงง
“สงสารดรีมอะ ฮือออ…” ร่างบางงอแงขึ้นมาเหมือนเด็ก ดรีมพอเห็นแบบนั้นเขาจึงขยับเข้าไปกอดเพื่อนทันที
“เราไม่น่าทำแบบนี้เลย...” พูดเสียงแผ่ว
“ในเมื่อทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นแล้ว เรารู้ว่าดรีมคงไม่ได้ตั้งใจอยากจะให้มันเป็นแบบนี้ เราเองยกโทษให้ดรีมได้นะ แต่ดรีมต้องสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก…” ได้ยินที่ปาล์มพูดดรีมจึงได้แต่พยักหน้าตอบรับ แน่นอนว่าเขาจะไม่ทำอีกแล้วแน่ๆแต่ผลกรรมในครั้งนี้มันคงต้องทำให้เขาลำบาก
Contact Me
twitter @heartfilia_emma
Page ไรท์เอ็ม
แท็ก #รักนี้เกิดที่หอใน
ลิงก์สั่งซื้ออยู่หน้าแนะนำข้างบน
(ราคา 252฿)