- 13 -
“มันเคยข่มขืนมึง!...ตอนมึงอยู่ม.4 มึงจำได้มั้ยเหตุการณ์วันนั้น ที่กูเคยบอกให้มึงลืม...คราวนี้มึงจะเลิกยุ่งกับมันได้รึยัง?!”
“...”
สรรพสิ่งทุกอย่างดับเงียบลง คนที่ปกติจะหน้านิ่งไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ บัดนี้ใบหน้ากับซีดขาวไร้สีเลือดใดๆ เขามองหน้าผมอย่างกับอยากจะอธิบาย สายตาสื่อความหมายว่าเขาทั้งเสียใจ ทั้งรู้สึกผิด ทั้งรู้สึกแย่กับตัวเอง
...ไม่จริงใช่มั้ย?...คืนนั้นผมแค่ฝันไปนี่นา...
...ก็พี่ชายผมบอกแบบนั้น!!!!
ผมส่ายหน้าช้าๆ ไม่สบตาใคร ผมโกรธเขาที่ทำเรื่องระยำกับผม โกรธพี่ชายที่หลอกผมว่ามันเป็นแค่ความฝันและหลีกเลี่ยงที่จะบอกความจริง โกรธทุกคน อับอาย...ขายหน้า
ถอยหลังช้าๆก่อนจะวิ่งหนีออกจากประตูบ้านไปทันที
“มาย...มาย!”
ไม่สนใจเสียงตะโกนเรียกร้องใดๆ วิ่งไปที่โรงจอดรถ ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซต์บิ๊กไบค์คันใหญ่ของพี่ชายที่เสียบกุญแจคาไว้ แล้วบึ่งออกไปเต็มขีดจำกัดความเร็ว
ไม่อยากสู้หน้าใครทั้งนั้น...ไปที่ไหนก็ได้...หายไปจากตรงนี้ก็พอ
.
.
อารมณ์ของผมสงบลงนิดหน่อยหลังจากที่ซิ่งรถไปรอบๆเมือง ให้ลมเย็นๆมันปะทะใบหน้า ให้มันพัดคราบน้ำตาผมไปที...เอาความรู้สึกแย่ๆออกจากตัวผมไป...ผมไม่ชอบความรู้สึกแง่ลบต่อตัวเองเลย
รถบิ๊กไบค์คันใหญ่จอดลงที่ตลาดกลางคืนริมแม่น้ำ ผมแค่เคยผ่านแต่ไม่เคยลองเดินเลยสักครั้ง ตอนนี้ผมแค่อยากเป็นคนอื่น ไม่อยากเป็นตัวเอง...ไม่อยากรับรู้ว่าผู้ชายแบบผม...เคยผ่านอะไรมา
เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจดังไปทั่ว แสงไฟสีส้มจากร้านรวงถูกตกแต่งสวยงาม ผมหยุดยืนตรงเหล็กกั้นริมแม่น้ำ มองแสงไฟจากตึกสูงและบ้านเรือนที่ตกกระทบลงบนแม่น้ำ....มันสวยงาม ล้อมรอบด้วยผู้คนมากมาย แต่ผมกลับโดดเดี่ยว ผมก็อยากให้มันเป็นแค่ฝันไป...
แต่ผมจะทำยังไง ในเมื่อความจริงมันก็คือความจริง ผมก็อยากจะขยะแขยงตัวเองหรอกนะ แต่มันก็ผ่านไปนานแล้ว จะรู้สึกแย่ไปก็เท่านั้น ในเมื่อมันไม่ใช่ความผิดของผมสักหน่อย...ทำไมผมต้องรังเกียจตัวเองด้วย?
...ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำลงไปในคืนนั้นมันเป็นเพราะความเมา หรือเพราะเขาคิดอะไรกับผมจริงๆ
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การถูกข่มขืนมันก็เป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายเสมอ...ผมคงไม่อยากที่จะเจอหน้าเขาอีก ต่อให้พี่ชายจะหายโกรธเกลียดเขาหรือไม่ ยังไงผมก็คงไม่เข้าไปหาเขาอีกอยู่ดี...ยังไงผมและเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกันอยู่แล้ว
“...มาย?”
ผมหันไปมองตามเสียงเรียกด้านหลัง ก็พบกับญาติผู้พี่ที่ไม่เจอหน้ากันมาสักพัก หลังจากที่เขาแต่งงานไปอยู่กับสามีที่ลอนดอน
“เฮียภีม?!”
ฟุบ
ผมโผลเข้ากอดอาเฮียทันที...บางทีตอนนี้ผมอาจจะต้องการแค่อ้อมกอด
“เป็นอะไรล่ะคนสวย?”
“เฮีย!”
ผมยู่หน้าลงทันที เฮียภีมชอบทำเหมือนผมเป็นน้องสาว ผมเบื่อมาก...แต่เฮียภีมอะดุ ใครจะกล้าเถียงด้วย
“มาร้องไห้ทำไมตรงนี้...แล้วมาได้ยังไง?”
ผมหลบตาญาติตัวเองที่ฉลาดสมกับเป็นศัลยแพทย์มือทอง ถ้ายังจ้องตากันต่อไป...ผมคงได้คายเรื่องทุกอย่างออกไปหมดแน่
เมื่อมองไปทางอื่นก็สะดุดลงที่หนุ่มลูกครึ่งหน้าฝรั่งจ๋าที่หล่อเกินมนุษย์มนา ยืนสงบเสงี่ยมข้างเฮียภีม...เขาคือคุณเซเธิร์น สามีของอาเฮีย...เจ้าพ่อค้าอาวุธสงคราม
“สวัสดีครับคุณเซธ”
ผมยกมือไหว้ตามมารยาทเด็กไทยให้ฝรั่งต่างถิ่น ซึ่งสามีของเฮียภีมก็ยกมือรับไหว้แล้วยิ้มตอบมาให้ผมเช่นกัน...หล่อเหี้ยๆ
“เนียนนะมึง...หนีออกจากบ้านมาล่ะสิ”
“...”
เฮียภีมอะแสนรู้...ผมไม่อยากคุยด้วยเลย
“...มึงไม่ต้องพูดหรอก กูสืบเองได้ กูเก่ง”
น่ากลัวชิบหาย! ควรดีใจหรือเสียใจดีที่เจอคุณหมอหน้าหล่อแบบเฮียภีม
“...คือ มาย...”
“ป่ะ...กูจะพามึงหนีเอง!”
.
.
ครื่นนน ครื่นนน
เสียงคลื่นซัดสาดเข้าริมฝั่ง พระอาทิตย์กำลังเกาะจับขอบน้ำเพื่อปีนขึ้นไปบนท้องฟ้า แสงสีส้มอมชมพูนวลทองสาดส่องระยิบระยับกระทบแผ่นน้ำ ผมผ่อนคลายลงมาก นั่งบนผืนทรายขาวนุ่มละเอียด ให้ลมเบาๆพัดเอื่อยๆผ่านผมไป
เฮียภีมพาผมมาที่บ้านพักตากอากาศในประเทศไทยของตระกูลแมคคารท์นีย์ หรือ บ้านของคุณเซธ สามีอาเฮีย เป็นคฤหาสน์สีขาวเน้นกระจกทั้งหลังบนหาดส่วนตัว โดยรอบไม่มีผู้คนใดๆนอกจากเหล่าบอดี้การ์ดที่กระจายกันอยู่อย่างทั่วๆ
“จะนั่งเล่นMVอีกกี่เพลงดีครับคุณมาย?...คิดว่าเป็นนางเอกรึไง?”
อาเฮียนั่งลงข้างๆผมพลางยิ้มมุมปากชนิดที่ว่าถ้าผมเป็นผู้หญิง ผมคงต้องละลายลงไปกับน้ำทะเลแน่ๆ
“เปล่าสักหน่อย”
ผมมองอะไรไปเรื่อยๆ ไม่ได้สบตาคนพูด
“กูรู้เรื่องแล้วนะ...”
ผมไม่แปลกใจหรอกครับที่คนอย่างหมอภีมจะรู้...เขาเป็นคนหล่อ ฉลาด และเป็นที่พึ่งให้กับใครหลายๆคนได้ เขาเป็นหลานคนโตของตระกูล เขาคอยดูแลน้องๆทุกคนได้เป็นอย่างดี
“...”
“มาย...กูจะไม่ปลอบมึงหรอกนะ เพราะว่าน้องกูอะโตแล้ว...น้องกูมันมีสมอง มันคิดเองได้ ว่าอะไรเป็นอะไร...”
ผมนิ่งเงียบและรับฟังคนอายุมากกว่า
“และกูก็จะไม่ตัดสินด้วย ว่าเรื่องที่เกิดกับมึงมันเป็นเรื่องเลวร้ายหรือไม่...แต่กูเชื่อว่าทุกอย่างมันมีเหตุผลเสมอ”
“...”
“...มึงจะตัดสินเขาแค่เพราะเขาบังเอิญมาทำร้ายมึงมันไม่ได้...ความบังเอิญมันไม่มีอยู่จริงหรอกมาย”
ผมถูกเขาจ้องเข้ามาในดวงตา สายตาคู่นั้นจ้องเข้ามาลึกจนคล้ายกับผมถูกสะกดจิต ผมเข้าใจความหมายที่เฮียภีมพยายามจะสื่อ...นั่นสิ อยู่ดีๆคนเมาจะเดินขึ้นบันไดวนมาหลายๆขั้น และเดินเปะปะมาที่ห้องผมได้ง่ายๆได้ยังไง ในเมื่อบ้านเราก็ออกจะกว้างขวางจนเกินไป...มันไม่ใช่จากความเมาแน่ๆ
“...”
“ถ้ามองให้ลึกลงไป...มันอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้...”
“ดียังไงครับ?”
ผมขมวดคิ้วฉงน ไม่เข้าใจในสิ่งที่คนอายุมากกว่ากำลังพูด
“ถ้ามันเป็นแบบที่กูคิด...น้องกูก็กำลังจะมีผู้ชายที่รักมั่นคงมากๆคนนึงเข้ามาในชีวิต”
“ห้ะ?!”
ผมตาโตขึ้นเอียงคออย่างงุนงง มองคนเป็นพี่ที่ฉีกยิ้มเอ็นดูมาให้ผม อะไรคือผู้ชายที่รักมั่นคง?...เกี่ยวอะไร?
“...ให้โอกาสเขาเถอะมาย...เขากำลังพยายามแก้ไขให้มันถูกต้องอยู่”
“...”
ผมนิ่งเงียบไป เข้าใจที่เฮียพูด...แต่ความรู้สึกของผมตอนนี้มันไม่พร้อมจริงๆ...ไม่กล้าจะสู้หน้าเขาจริงๆ
“หึหึ มึงป๊อดว่ะมาย”
หมอภีมหัวเราะขำๆตรงข้ามกับหน้าเครียดๆของผมซะจริงๆ
“ป๊อดอะไรครับ?”
“มึงอะแคร์เขา มึงรู้ตัวบ้างมั้ย?”
ผมขมวดคิ้วเข้าไปอีกปม เฮียภีมจะรู้ได้ยังไงว่าผมรู้สึกอะไรกับพี่ไนท์
“เปล่านะ”
จึก จึก
นิ้วเรียวขาวจิ้มๆลงมาที่หัวของผมและเจ้าของนิ้วก็ยิ้มอ่อนโยนส่งให้ผมอีกครั้ง
“คิดเข้าไปนะสมองเมล็ดถั่วของมึงเนี่ย...คิดไปมึงก็ไม่รู้ตัวหรอก...มึงต้องใช้ตรงนี้ต่างหาก...”
แล้วคนเป็นแพทย์หนุ่มก็จิ้มลงมาที่หน้าอกซ้ายของผม
“มึงลองรู้สึกดูสิ.....มึงไม่ได้เกลียดเขาหรอก มึงเกลียดเขาไม่ลงหรอกเพราะมึงอะ...รู้สึกไปแล้ว”
“...”
ผู้ชายคนนี้มีรอยยิ้มที่อ่อนโยนทำให้รู้สึกละมุนทุกครั้งที่เข้าใกล้ เหมือนมีเวทมนต์ที่ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกดีขึ้นได้แบบน่าอัศจรรย์...ไม่แปลกเลยที่คุณเซธจะรักพี่ชายผมมากขนาดนั้น
“ชีวิตเป็นของมึงนะมาย...มึงโตพอที่จะดูแลตัวเองได้ มึงแสบเกินกว่าที่จะมานั่งซึมเป็นแมวหงอยแบบนี้...ไม่แน่นะ ถ้าคืนนั้นมึงรู้ตัว...มึงนั่นแหละ อาจจะเป็นฝ่ายข่มขืนเขาแทนก็ได้!”
“เฮียภี๊มม!”
“ฮ่าาาาาาาาา”
แล้วคนหล่อก็อ้าปากหัวเราะใส่ผม จนผมเองก็เผลอยิ้มตาม จริงสิ ตอนนี้ผมไม่ได้เหมือนตอนนั้นสักหน่อย ถึงใครจะมองว่าผมดูใสๆ ดูเหมือนเรียบร้อยน่ารัก แต่ความจริงแล้วผมก็ไม่ใช่คนยอมคนขนาดนั้น เฮียภีมสอนให้ผมแข็งแกร่งขึ้นและรู้จักเอาตัวรอดตั้งหลายเรื่อง
หมับ
ผมคว้าคนตัวโตกว่ามากอดแล้วกดหน้าลงกับบ่ากว้างของคนเป็นพี่ชาย
“ขอบคุณนะเฮีย...ขอบคุณครับ”
แปะๆ
คุณหมอคนเก่งตบๆหลังปมแล้วลูบเบาๆ
“ไม่ต้องกลัวนะมาย...ถ้าใครทำอะไรมึงอีก...จงจำไว้ว่ามึงมีแบ๊คเป็นพ่อค้าอาวุธสงครามที่ใหญ่ที่สุดในโลก”
ผมหลุดยิ้มอีกครั้ง...นั่นสินะ! ผมตอนนี้กับผมตอนนั้นไม่เหมือนกันสักหน่อย...จะเสียใจไปทำไมวะ?
.
.
.
To be continued
Ps : เฮียภีมมาจากเรื่อง Behind the mask นะครับ เผื่อใครยังไม่เคยอ่าน พอดีว่าอาเฮียและคุณสามีมาเที่ยวปีใหม่ที่เมืองไทยครับ
ฮ่าาาาาาาาา
คอมเมนท์ติชมได้เหมือนเดิม เค้าอ่านทุกคอมเมนท์จริงๆ และพยายามตอบทุกเมนท์ด้วยนะ
Facebook : I’m Mynt