นางเอกใช้ศิลปะการรำและสูตรความงามสร้างพันธมิตร ก่อนค่อยนำไปสู่ความขัดแย้งรักสามเส้าและศึกใหญ่

นวนิยายเรื่องนี้ตั้งอยู่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ปี พ.ศ. 2228 ดินแดนสยามที่กำลังรุ่งเรืองด้วยการค้าขายกับต่างชาติ ความสงบสุขยังปกคลุมทั่วแผ่นดิน ก่อนที่กลิ่นอายสงครามจะคืบคลานเข้ามา

หัวใจของเรื่องอยู่ที่หญิงสาวผู้หนึ่ง ซึ่งค้นพบว่าความงามคือพลังในการเยียวยาจิตใจ สร้างมิตรภาพ และจุดประกายศรัทธา ท่ามกลางความรัก หึงหวงขบขัน ดราม่า และบทเรียนชีวิตที่สอนให้รู้จักรักตัวเอง ปล่อยวาง และเติบโตภายใน ผสานตำนานเอเชีย สายมูเตลู และปรัชญาการใช้ชีวิต

นวนิยายโรแมนติก ผสมแฟนตาซีเบาๆ แบบย้อนยุคเอเชีย (แนวแก้แค้นเบาๆ ผจญภัย และซอฟต์พาวเวอร์ไทย)

ในปี พ.ศ. 2228 อาณาจักรสยามยังสงบสุข เต็มเปี่ยมด้วยการค้าขายกับชาวต่างชาติ ราชสำนักกรุงศรีอยุธยาคึกคักด้วยราชทูตจากแดนไกล โดยเฉพาะชาวฝรั่งเศสที่นำของแปลกประหลาดมาถวาย เหลียนหมิง ชายหนุ่มวัยยี่สิบหกปี ผู้สืบทอดเชื้อสายราชวงศ์จีนที่ลี้ภัยมาจากแผ่นดินใหญ่ ได้รับแต่งตั้งเป็นแม่ทัพพิเศษคุมกองทัพทางตะวันตก เขามีเสน่ห์ลึกล้ำ ดวงตาคมกริบดุจดาบเหล็ก หัวใจเย็นชาดุจน้ำค้างแข็ง จนกระทั่งวันหนึ่ง เสียงปี่พาทย์ในพิธีบวงสรวงครูใหญ่ กลับกลายเป็นเสียงฟ้าผ่า ที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

ที่สำนักนาฏศิลป์เสิงสวรรค์กลางกรุงศรีอยุธยา พราวมุก ลูกสาวเจ้าสำนักวัยยี่สิบสองปี กำลังผ่านพิธีบวงสรวงครูใหญ่

พ่อของเธอเป็นขุนนางเก่าแก่ที่เคยรับใช้ราชสำนัก เธอได้รับการฝึกฝนให้เป็นผู้ถ่ายทอดนาฏศิลป์ไทยชั้นสูง ท่วงท่าอ่อนช้อยดุจสายน้ำไหล แต่ในพิธีนั้น จิตใจเธอพลันวูบวาบ ราวกับวิญญาณครู ดึงเธอเข้าสู่ภวังค์ เธอหลับยาวนาน ราวกับหลุดไปยังอีกภพหนึ่ง

เมื่อตื่นขึ้น พราวมุกพบตัวเองอยู่กลางค่ายทหารที่เต็มไปด้วยกลิ่นดินเปียกชื้นและเสียงร้องคำรามของชายฉกรรจ์ หอกแหลมคมหลายร้อยเล่มชี้ตรงมาที่ลำคอเธอ และสายตาเย็นชาของชายหนุ่มบนหลังม้าสีดำมะเมื่อม

เหลียนหมิง สิ่งแรกที่เขาสัมผัสได้ในการพบเจอกับเธอ ไม่ใช่ความตกใจ แต่เป็นกลิ่นหอมอันประหลาด กลิ่นที่วนเวียนดุจมนตร์สะกด ไม่ใช่ธูปหอมหรือน้ำอบทั่วไป หากแต่ลึกซึ้ง ราวกับกลิ่นของดอกไม้บานในหุบเขาลึกลับ ผสานกับผิวพรรณสีข้าวกล้องของหญิงสาวผู้นี้ แม้ชุดขาวที่ขาดวิ่นจากการเดินทางไกล ยังเผยเรียวร่างอ่อนช้อยดุจกลีบดอกบัว

"เจ้าคือใคร" เหลียนหมิงถาม เสียงของเขาไม่ดุดันอย่างที่ควร แต่กลับแผ่วเบา ราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน "และกลิ่นนั้น... มันมาจากไหน ไม่เหมือนสตรีสามัญเลยสักนิด"

"ข้าชื่อพราวมุก ลูกสาวขุนนางผู้ถ่ายทอดนาฏศิลป์แก่ราชสำนัก" เธอตอบด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวแต่สง่างาม

"กลิ่นที่ท่านกล่าวถึง เป็นเพียงสารสกัดจากสมุนไพรพื้นบ้านที่ข้าคัดสรร เพื่อบำรุงผิวพรรณและจิตใจให้สดชื่นเสมอ"

เหลียนหมิงขยับม้าเข้าใกล้ สายตาจับจ้องเธอราวกับชั่งน้ำหนักเพชรเม็ดงาม ผิวของพราวมุกส่องประกายวิจิตร เล็บยาวเรียวทาด้วยสีแดงอ่อนจากเหง้าพืช ผมดำสนิทยาวสลวย จัดทรงด้วยไหมขาวสไตล์โบราณ ผสานกลิ่นหอมจากว่านชักมดลูกและดอกมะลิป่า "พราวมุก" เขาออกเสียงด้วยสำเนียงจีน "หมายถึงมุกที่เปล่งประกายและศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่"

"ใช่เจ้าค่ะ" เธอตอบ "แม่ข้าบอกว่า มุกเม็ดงามต้องผ่านการขัดเกลาจึงจะรู้คุณค่าของตนเอง"

ในขณะนั้น พราวมุกไม่รู้เลยว่า การตื่นขึ้นในค่ายนี้คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางภายในจิตใจ เธอจะต้องเรียนรู้ว่าความงามมิใช่เครื่องล่อลวง แต่เป็นแสงสว่างที่จุดประกายศรัทธาในผู้อื่น และในตัวเธอเอง

เหลียนหมิงไม่ได้ขังพราวมุกในคุกมืด แต่สั่งให้จัดโรงเต้นรำเก่าแก่ให้เธอ มีอ่างหินใหญ่ พื้นดินอัดแน่น และเทียนหอมจุดไว้ประปราย คืนแรกในค่าย เขาแอบมองเธอจากห้องข้างเคียง เห็นเธอเทน้ำลงอ่าง ผสมรากแมงลัก ใบตะไคร้ และดอกมะลิสด กลิ่นหอมฟุ้งกระจายราวกับพิธีกรรมลึกลับ

"การบำรุงผิวต้องสมดุลระหว่างความชื้นและพลังจากพืช" เธอพึมพำกับตัวเอง อาบน้ำสิบนาที แล้วลูบผิวด้วยเนื้อหมี่ขาวสกัดจากสยาม ตามด้วยน้ำมันเมล็ดมะพร้าวผสมเหล้าขาวไทย เพื่อรักษากลิ่นหอมและบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเธอเดินผ่านค่าย ทหารจีนหลายคนหันมอง สายตาร่วงโรยราวกับถูกมนตร์ เหลียนหมิงเรียกนายทหารสนิทชื่อหวังเฉิงอวี่มาถาม "นี่คือเวทมนตร์หรือศิลปะกันแน่"

"ท่าน" หวังเฉิงอวี่ตอบ "ข้าคิดว่าเป็นเพราะเธอดูแลตนเอง ด้วยความรู้จากธรรมชาติ"

พราวมุกใช้ความรู้ที่สืบทอดจากสำนัก ผสานตำนานไทยเรื่องว่านวิเศษและสายมูเตลู ทำครีมบำรุงจากเหง้าขมิ้นชัน ขัดผิวด้วยขมิ้นผสมน้ำผึ้งและมะนาว เพื่อให้ผิวสว่างใส กลั่นน้ำหอมจากดอกอัญชันและว่านหางจระเข้ สีเล็บจากเหง้าบีทรูทแดงอ่อนโยน เหลียนหมิงพยายามห้ามใจไม่ให้มองเธอ "นี่ไม่ใช่แค่ศิลปะ" เขากระซิบกับตัวเอง "แต่เป็นสงคราม ที่เธอใช้ธรรมชาติเป็นอาวุธ"

สัปดาห์ผ่านไป ข่าวลือเกี่ยวกับ "สตรีจากสยามที่มีกลิ่นหอมดุจปาฏิหาริย์" แพร่สะพัด ทำให้ชายหนุ่มจีนอีกสี่คนมาหา

เจิ้นฮวา องค์ชายใจกว้างผู้อยากรู้เคล็ดลับความงาม; หลี่ซวน นักมวยร่างกำยำที่หวังเสริมความแข็งแรง; ตัวเหมิงปง นายทหารที่เดินตามกลิ่นที่โชยมา กลิ่นนี้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่ง; และหวังเฉิงอวี่ ผู้ใฝ่หายาอายุวัฒนะ

พวกเขายืนนอกเต็นท์ สับสนว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ แล้วประตูเปิด พราวมุกก้าวออกมาในกระโปรงผ้าไหมผสมไทย-จีน ผมยาวประดับดอกไม้ป่าตากแห้ง กลิ่นหอมอ่อนโยนฟุ้งกระจาย "อ้า" หลี่ซวนอุทาน "นางฟ้า"

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว