“ทำหน้าให้ดี ๆ หน่อยสิยัยมิริน หรือว่าแกอิจฉาที่เพื่อนแต่งงานมีผัวเป็นตัวเป็นตน” มุนินทร์ปรายตามองเพื่อนที่ทำหน้าเบื่อโลกอยู่ตลอดเวลา
“ใครมันจะไปอิจฉา คนมีผัวคือคนมีกรรม” ภันทิลาสวนกลับทันควัน สำหรับภันทิลาการแต่งงานก็เหมือนโซ่ตรวน อีกอย่างเธอไม่เชื่อมั่นในความรัก ถามว่าเหงาไหมก็มีบ้างเป็นบางครั้งบางคราว เธอเองก็มีความต้องการตามธรรมชาติเหมือนคนทั่วไป แต่ไม่เคยคบใครถึงขั้นตกลงเป็นแฟน คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตถูก Stop ไว้แค่เพื่อน ความสัมพันธ์ไม่พัฒนาเป็นอย่างอื่น
“อ๋อเหรอ…ทุกคนก็พูดแบบแกนั่นแหละ สุดท้ายเป็นไง ไม่เห็นรอดสักราย” ภันทิลาเลือกที่จะไม่เถียงต่อ ขืนเถียงไปก็แพ้อยู่ดี สู้อยู่เงียบ ๆ ดีกว่า
งานวิวาห์อบอวลไปด้วยกลิ่นอายความรักของบ่าวสาว ภายในงานประดับประดาด้วยดอกไม้ที่เจ้าสาวชอบ ใครเห็นก็ต้องอิจฉาที่เห็นเจ้าบ่าวใส่ใจเจ้าสาวคนสวย
“จะว่าไปยัยโรสโชคดีเป็นบ้าเลยเนอะ ได้แฟนโคตรหล่อ” มุนินทร์ป้องปากพูดราวกับกลัวคนอื่นได้ยิน นี่เป็นความฝันของผู้หญิงแทบจะทุกคนเลยก็ว่าได้ และเพื่อนเธอก็นับรวมอยู่ในกลุ่มนั่น ได้เดินเคียงคู่รอดซุ้มดอกไม้ มีแขกเหรื่อเพื่อนฝูงมาร่วมเป็นสักขีพยานรัก
“แกก็หาสักคนสิ จะได้เลิกบ่นสักที ฉันฟังแกบ่นแบบนี้มาสองปีแล้วนะ ทำไมเลือกผู้ชายในสต๊อกมาสักคนหรือถ้าเลือกไม่ได้ก็จับฉลาก” ภันทิลาเสนอทางเลือกให้เพื่อน
“ถ้ามันง่ายแบบที่แกพูดมันก็ดีสิ กลัวแต่ท่าดีทีเหลวละไม่ว่า” มุนินทร์นั่งปรับทุกข์กับเพื่อน
“แบบนี้ไงถึงได้ไม่มีผัวกับเขาสักที มัวแต่กลัวอยู่นั่นแหละ”
“จะมีผัวก็ต้องเลือกหรือเปล่าวะ หรือว่าแกไม่เลือก”
“ก็ถึงไม่มีไง อยู่แบบนี้สบายดี” นี่คือคำตอบที่ออกจากปากภันทิลา มุนินทร์ถึงกับกลอกตามองบนในความมั่นหน้าของเพื่อน