หนึ่งคนถูกซื้อมาด้วยเงิน มอบให้เขาทั้งกายและใจ
ส่วนอีกหนึ่งคนเห็นเธอเป็นเพียงแค่คู่นอน
คำโปรย
กลิ่นธูป อายุ 25 ปี หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาสวยหวานเป็นเอกลักษณ์ นิสัยไม่ยอมคน ร้ายแรง หากได้รักใครแล้วรักหมดดวงใจ ถึงแม้นเขาคนนั้นจะเย็นชาใส่เธอเพียงใดก็ตาม
ภูวดล (ภู) อายุ 32 ปี ชายหนุ่มนิสัยเย็นชา ไม่รู้จักคำว่ารัก จนกระทั่งมาเจอหญิงสาว หล่อนสอนอะไรเขาในหลาย ๆ เรื่อง ในครั้งที่ยังมีเธออยู่ข้างกายเขาไม่รักษา แต่่พอตอนที่หล่อนหอบข้าวของหนีจากไป ภูวดลกลับพบว่าภายใต้จิตใจลึก ๆ นั้นมีเธออยู่เต็มไปหมด และไม่อาจขาดได้ แต่จะทำอย่างไร...กว่าจะรู้หัวใจตนเอง เขาก็ทำเรื่องไม่น่าให้อภัย ด้วยการไปตกลงกับคุณหญิงประไพรผู้เป็นมารดาว่าจะหมั้นหมายกับลูกสาวเพื่อนอย่างเสียไม่ได้
คำโปรย
“คุณภูจะหมั้นงั้นหรือคะ” กลิ่นธูปยืนมองแผ่นหลังหนา ๆ ของภูวดลภายในคอนโดหรูที่เขาซื้อให้ นัยน์ตาสวยรื้นไปด้วยน้ำตาเอ่ยถามเสียงพร่าหัวใจแตกสลายในยามที่ได้รู้ว่าเขากำลังจะเข้าพิธีหมั้นหมายกับใครอีกคน “เรื่องนี้คุณจะไม่บอกให้ธูปรู้เลยงั้นเหรอคะ”
“เรื่องนี้เธอไม่จำเป็นต้องรู้”
“หมายความว่ายังไงคะ” เสียงหวานเงียบหายไปชั่วครู่ ก่อนจะเอื้อนเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยความเจ็บใจ “คุณจะเก็บธูปไว้เป็นเมียน้อยใช่ไหมคะ คุณภูถึงคิดจะปิดบังเรื่องนี้”
“ไม่มีใครได้เป็นเมียน้อย ฉันก็แค่หมั้น ไม่ได้แต่งงานเสียหน่อยกลิ่นธูป” ภูวดลหันหน้ามามองหญิงสาวด้วยท่าทีราบนิ่ง ชายหนุ่มไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรกับสิ่งที่กลิ่นธูปเอ่ยถามเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย แถมยังชักสีหน้าแสดงความลำคาญมากกว่าด้วยซ้ำ
“แค่หมั้้นงั้นเหรอคะ” หล่อนแทบสะอึก นี่เขาพูดออกมาได้ว่ามันก็แค่งานหมั้นไม่ใช่งานแต่งอย่างงั้นเหรอ “เหอะ ถ้าหากวันไหนที่คุณแต่งงานแล้ว งั้นธูปก็คงจะได้เป็นเมียน้อยอย่างเต็มตัวสินะคะ” หญิงสาวยิ้มเยาะให้กับความโง่เขลาของตัวเอง ย้อนกลับมาคิดว่าที่ผ่านมาเธอตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ได้อย่างไรกัน กลิ่นธูปปาดน้ำตา พร้อมสุขุมเดินย่างกรายเข้าชิดตัวภูวดลทันที และเขาก็ยังยืนนิ่งมองเธออยู่เหมือนเดิม ไม่ได้ถดถอยหนีแต่อย่างใด
“ถึงวันนั้นแล้วเราค่อยว่ากัน”
“อย่าเห็นแก่ตัวไปหน่อยเลย ถ้าวันนั้นมันมาถึงจริง ๆ คุณจะให้ธูปเป็นเมียน้อยจริง ๆ งั้นเหรอคะ”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นธูป” ฝ่ามือทั้งสองข้างที่เคยล้วงกระเป๋าแแปรเปลี่ยนยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาของกลิ่นธูปที่มันไหลอาบแก้มนวลเป็นสาย จนเหือดแห้งจากนั้นจึงเอ่ยต่อ “ที่ฉันต้องแต่งงานก็เพราะว่าแม่กำลังป่วย”
“อย่าหาข้ออ้างเลยค่ะ ที่ผ่านมาคุณไม่เคยที่จะจริงจังกับธูปด้วยซ้ำ ถ้าคุณภูจริงจังอยากแต่งงานกับธูปป่านนี้ก็คงเอาธูปไปเปิดตัวกับที่บ้าน แล้วอย่าคิดว่าธูปไม่รู้นะคะเรื่องที่คุณหญิงท่านหาสะใภ้มาให้ก็เพียงเพราะว่าอยากอุ้มหลาน”
“...”
“เพราะฉนั้นถ้าคุณพาธูปไปเปิดตัวให้แม่คุณได้เห็น ธูปเชื่อว่ายังไงท่านก็ต้องยอมรับ แต่ที่คุณภูไม่ทำก็เพราะว่าธูปมันก็แค่เด็กกำพร้าที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีแม้กระทั่งบ้าน ก็จริงที่ธูปขายตัวเองให้คุณภูได้เชยชมมาตั้ง 2 ปีกว่า แต่ธูปก็มีจิตใต้สำนึกอยูุ่ตลอด และสองปีที่ผ่านมาธูปเป็นเด็กดี คุณบอกให้ธูปอยู่ที่คอนโด ไม่ให้ออกตัวว่ารู้จักกับคุณ ธูปก็ทำให้ เรื่องที่คุณจะไปหมั้นกับคนอื่นคุณภูไม่ได้ผิดหรอกนะคะ แต่สิ่งที่ผิดก็คือคุณไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้ธูปได้ฟัง เพราะฉนั้นในเมื่อคุณตัดสินใจแล้วว่าจะหมั้นกับเธอคนนั้น ” เสียงหวานหายลับกลับเข้าไปในลำคอ เมื่อโดนปิดปากด้วยจูมพิตอันร้อนแรง ภูวดลไม่อยากได้ยินคำพูดที่หญิงสาวจะเอ่ยขึ้นต่อจากนี้
“อื้อ อ่อยยย” กลิ่นธูปดีดดิ้นอยู่เนิ่นนาน ในที่สุดก็หลุดจากพันธนาการจากร่างสูงใหญ่จนเป็นอิสระ
“เพี๊ยะะะ” ฝ่ามือเรียวยาวฟาดลงบนแผ่นแก้มสาก จนชายหนุ่มหันหน้าไปตามแรงตบ “อย่ามาทำอย่างนี้กับธูปอีก เพราะต่อแต่นี้ไปคุณไม่มีสิทธิมาแตะต้องตัวของธูปอีก!!!”
ที่เดินยอมออกมาเพราะว่าถอยมาตั้งหลัก
นับแต่นี้เป็นต้นไปผู้หญิงคนนั้นจะไม่มีชีวิตที่สงบอีก
เพราะเธอนี่แหละจะเป็นคนฉีกหน้ากากนางมารร้ายออกมาเอง
กลิ่นธูป
1 เดือนผ่านไป
“งานหมั้นก็ผ่านไปตั้งนานแล้ว ส่วนน้องกลิ่นธูปก็ทิ้งมึงไปตั้งเดือนกว่าแล้ว แล้วทำไมมึงยังมานั่งก้งเหล้าทุกวันอยู่วะไอ้ภู” อิดิศรตบไหล่เพื่อน
“กูโดนเมียทิ้งกูก็ต้องเสียใจสิวะ” ได้ยินคำตอบคนถามถึงกลับขมวดคิ้วทันที
“เมียที่ว่านี่หมายถึงใครวะน้องดาวหรือน้องกลิ่นธูป”
“ก็ต้องกลิ่นธููปสิวะ รายนั้นกูเห็นเป็นแค่น้องสาว”
“ถ้ามึงเห็นน้องดาวเป็นแค่น้องสาวแล้วไปหมั้นกับเธอทำไมวะ”
“เพราะแม่กูสั่ง” เอ่ยตอบพร้อมยกเหล้าในมือขึ้นดื่มพรวดเดียว จนอดิศรเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ก่อนจะยกมือห้ามเพื่อนพร้อมแย่งแก้วเหล้าในมือมันมาด้วย
“เดี๋ยวก็ได้หามกันกลับห้องหรอก อย่าดื่มเยอะสิวะไอ้ภู” หลังจากแย่งแก้วเหล้าในมือเพื่อนมาได้สำเร็จจึงด่าเขาไปชุดใหญ่
“แล้วน้องดาวเธอจะมองมึงเป็นพี่ชายหรือเปล่าวะ” เมื่อเหตุการณ์ปกติก็กลับเข้าสู่บทสนทนาเดิม “ดูท่าน้องก็ชอบมึงอยู่เหมือนกันนะ ไม่งั้นน้องเขาไม่ยอมหมั้นด้วยหรอก”
“ก็ช่าง กูไม่รักก็คือไม่รัก”
“พูดงี้แสดงว่ามึงรักกลิ่นธูปงั้นดิ”
“...”
