เด็กชายตัวน้อยตามผิวอ่อนเต็มไปด้วยแผลสดจากรอยเล็บของข้าวตูและแม่ของเด็ก ในขณะที่มารดากำลังทาน้ำยาสีฟ้าที่แสบที่สุดลงไปสัมผัสรอบแผลเด็กชายกลั้นใจเอาไว้เผื่อว่าจะผ่อนความแสบลงได้บ้าง
“ปลาวาฬไม่ได้ทำ” เสียงใสๆแววตาบริสุทธิ์ุมองสบตามารดาของตนที่กำลังก้มหน้าเป่าแผลให้ลูกชาย ช่อวัลลีชะงักไปสักครู่แล้วโผกอดลูกชาย หาใช่ว่าเข้าข้างลูกแต่รู้ดีแก่ใจว่าคนที่เลี้ยงมากับมือไม่ใช่คนเกเรเช่นนั้นแน่
“แม่เชื่อจ้ะ” ลูบศีรษะด้วยความอาทร
“แต่ฉันไม่เชื่อ” เสียงเข้มดุ ดังมาจากทางด้านหลัง ร่างสูงสมชายชาตรียืนจังก้าในมือถือไม้เรียวทำสองแม่ลูกเสียขวัญ
“เด็กนี่ต้องโดนสั่งสอน” เขาใช้ไม้เรียวชี้ไปยังเด็กชายปลาวาฬ
“ปลาวาฬไม่ได้ทำครับ ฮือๆ” ร่างน้อยๆขวัญเสียกอดแม่แน่น
“อย่าทำปลาวาฬนะคะ” เธอเข้ามาขวางทางเขาไว้ พร้อมกับพนมมือกราบแนบเท้าเขา ไม่รู้ว่าลูกเขาตกน้ำได้อย่างไร ไม่อยากเค้นถามลูก และตนก็เชื่อลึกๆเช่นกันว่าลูกชายตนไม่ได้ทำ การกราบเท้าเพื่อปกป้องลูกเป็นสิ่งที่เธอไม่กระดากอายที่จะทำแม้แต่น้อย ทางด้านคนถือแส้หัวใจกระดุกวาบอย่างรุนแรง แม้แต่มุกดายังไม่กล้าลงทุนปกป้องลูกขนาดกราบเท้าเขา กระนั้นใจก็ต้องแข็งลากแขนเด็กออกจากอ้อมอกแม่ แล้วใช้ไม้เรียวหวดไปสามที เสียงไม้เรียวสัมผัสเนื้ออ่อนนุ่มบาดใจคนเป็นแม่นัก
“ฮือๆปลาฮึกวาฬฮึกๆไม่…”
“หยุดพูด” เขาตวาดแล้วฟาดอีกครั้ง ทำท่าจะฟาดซ้ำอีก แต่หญิงสาวโผลเข้ากอดลูกไว้เพื่อรับแรงหวดของไม้เรียวเอาไว้เอง
“อย่าทำลูกตัวเอง” นี่เป็นครั้งที่สอง ที่เธอยอมพูดคำนี้ออกมาแม้รู้เต็มอกว่าคนฟังจะไม่ยอมรับความจริงข้อนี้มาตั้งแต่แรก
“เธอว่าไงนะ” มันไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่หล่อนกล่าวออกมาแบบนี้ แต่เขาแค่ไม่เชื่อหูเท่านั้นเองว่าหล่อนยังกล้ากำเริบพูดเช่นนี้ออกมาอีกครั้ง
“เด็กนี่ไม่ใช่ลูกฉัน” เขาเขวี้ยงไม้ในมือทิ้ง เบือนหน้าหนีกับภาพเด็กชายตัวน้อยตัวสั่นเทากำลังกอดมารดากลม