นิยายเรื่อง รักขัดแย้ง (Hated Paradox)
เรื่องย่อ
ฉัตรเกล้า นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่สอง กำลังเดินทางกลับเข้าหอพักของมหาวิทยาลัย อยู่ๆกลับมีรถคันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วพุ่งเข้าชนจนบาดเจ็บสาหัส โดยคนขับรถอยู่ในอาการเมาสุราอย่างหนัก ปราการ นักฟุตบอลหนุ่มหล่อดาวรุ่งกระแสแรง ว่าที่กัปตันทีมฟุตบอลที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลของเอเชีย เป็นคนขับรถคันนั้น ปราการเมาหนักไม่มีสติมากพอที่จะแยกแยะได้ว่าสิ่งที่กระแทกกับรถของตนนั้นคืออะไร เขาคิดว่าสิ่งที่ขับชนเป็นเพียงสุนัขจรจัดหรือถังขยะข้างทาง เพราะความรีบและมีจุดหมายนั่นคือบ้านของ โยษิตา สาวสวยที่กำลังคบหาดูใจกันอยู่โทรมาตามให้รีบไปหาด้วยความ ‘คิดถึง’
อุบัติเหตุเป็นเรื่องคดีความแต่ทางสโมสรฟุตบอล 9235 United เมื่อเห็นว่าปราการยังสามารถทำเงินให้บริษัทได้จึงเลือกที่จะปิดข่าวให้เงียบสนิท ส่วนฉัตรเกล้าที่รอดชีวิตนั้นฟื้นขึ้นในโรงพยาบาลพร้อมกับสภาพร่างกายไม่เหมือนเดิม อาการบาดเจ็บรุนแรงทำให้ต้องลาออกจากการเรียนหมอและย้ายเข้าไปเรียนด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาแทน โดยมีสโมสรฟุตบอลส่งตัวแทนกฎหมายมามอบทุนการศึกษา ดูแลค่ารักษาพยาบาลและให้ยอมความรวมทั้งเซ็นสัญญาจ้างงานตลอดชีพให้ทำงานในสโมสรในฐานะโค้ชช่วยดูแลอาการบาดเจ็บให้นักกีฬา อีกทั้งมอบเงินสดให้จำนวนหนึ่ง โดยมีข้อแม้ข้อเดียวว่า ฉัตรเกล้าและครอบครัวจะต้องเซ็นสัญญารักษาความลับเกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนั้นตลอดชีวิต
ทางผู้จัดการของสโมสรวางแผนแนะนำโค้ชมาใหม่ ว่าเป็นเพียงพยานผู้เห็นเหตุการณ์ที่ปราการขับรถชนคนเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วการที่ผู้จัดการของสโมสรบอกแบบนี้ เนื่องจากจะใช้พยานเห็นเหตุการณ์เมาแล้วขับมาเป็นเครื่องมือข่มขู่กัปตันหนุ่มเลือดร้อนคนนี้โดยอ้อมว่า ให้ลดอัตตาลงและยอมรับระบบทีมที่ผู้จัดการทีมสร้างไว้ให้เล่น แต่คนอย่างปราการยิ่งขู่เขายิ่งต่อต้านและโกรธ คนความอดทนต่ำไม่สนใจเหตุผลใดๆ เมื่อเห็นว่าสโมสรได้พาผู้ชายหน้าโง่ๆอย่างฉัตรเกล้าเข้ามาขู่ ปราการยิ่งอาละวาดออกฤทธิ์เพราะไม่ถูกชะตา ทั้งทำตรงข้ามกับแผนที่ผู้จัดการบอก ทั้งเป็นตัวตั้งตัวตีในการใช้กำลังกายและวาจาข่มเหงรังแกเล่นงานนักกายภาพคนใหม่ให้อยู่ในสโมสรแห่งนี้ไม่ได้ นักฟุตบอลทั้งสโมสรต่างรุมกลั่นแกล้งฉัตรเกล้า มีเพียง อชิระ ผู้เป็นรองกัปตันทีมและเป็นเพื่อนสนิทของปราการ ที่ไม่แกล้งฉัตรเกล้าแล้วยังคอยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันทุกเรื่อง
ความเกลียดชังทำให้การกลั่นแกล้งแต่ละทีนั้นรุนแรงทำให้ฉัตรเกล้าเจ็บปวดทั้งกายและใจ แต่ด้วยสถานะในสโมสรที่ความสำคัญของกัปตันทีมมาเป็นอันดับหนึ่งรองลงมาจากประธานสโมสร ทำให้ไม่มีใครเข้าช่วยเหลือฉัตรเกล้า เขาจึงได้แต่จำยอมด้วยความทรมาน ไม่ว่าจะเป็นการขังให้อยู่ตากลมตากฝนบนดาดฟ้า การหาเรื่องปะทะชกต่อย และการต่อว่าเหยียดหยามรสนิยมและเพศสภาพซึ่งเป็นประโยคสนทนาปกติที่ทุกคนในสโมสรชินหู เมื่อฉัตรเกล้าเงียบก็จะถูกกล่าวหาว่าท้าทายและมักจะถูกกลั่นแกล้งแรงขึ้น แต่เมื่อโต้เถียงหรือด่ากลับบ้าง ก็จะถูกกล่าวหาว่าท้าทายเช่นกันและจบลงด้วยการถูกแกล้งแรงกว่าเดิมจนถึงขั้นเจ็บตัวมีบาดแผล ฉัตรเกล้าอดทนอยู่ได้สองเดือนจนถึงวันที่ทนไม่ไหวตั้งใจจะขอลาออก กลับเป็นวันที่ปราการเกิดอุบัติเหตุที่หัวเข่าจนต้องพักรักษาตัวและเดินไม่ปกติ หมอประจำโรงพยาบาลในสโมสรเลือกใช้วิธีกายภาพบำบัดในการรักษา โดยสั่งการให้ฉัตรเกล้าเป็นคนดูแลกัปตันทีมอย่างดี ให้หายพร้อมกลับมาวิ่งล่าถ้วยรางวัลระดับสโมสรโลกโดยเร็ว
อาการบาดเจ็บทำให้ปราการนั้นโมโหง่าย ไม่ว่าฉัตรเกล้าจะทำอะไรล้วนไม่ถูกใจคนความอดทนต่ำพร้อมจะด่าและดูถูกเหยียดหยามรวมทั้งเหยียดเพศและรสนิยมอยู่ตลอด จึงมีเหตุให้ปะทะคารมกันแทบทุกวัน เป็นเช่นนี้อยู่หลายเดือนจนขาที่มีอาการบาดเจ็บของปราการนั้นเริ่มหายดี ปราการคบแฟนสาวเป็นเน็ตไอดอลชื่อโยษิตา โยษิตาเป็นผู้หญิงเจ้าอารมณ์เอาแต่ใจมักจะบอกเลิกปราการอยู่บ่อยครั้ง จนวันที่อาการบาดเจ็บของปราการหายดี คือวันที่ฝ่ายหญิงมาบอกเลิกเขาอย่างจริงจังเพราะเธอกำลังจะไปแต่งงาน ทำให้ทั้งปราการและคนอื่นๆได้รู้ว่า ที่เธอบอกเลิกอยู่บ่อยครั้งนั้นเพราะแอบมีคนอื่นอยู่ตลอดเวลาที่คบหากัน แต่สุดท้ายทุกๆสองอาทิตย์ที่เธอยังเข้ามาหาปราการในสโมสรฟุตบอลนั้น เพียงเพราะเธอเหงาแล้วยังต้องคอยแอบมาหาผู้ชายคนอื่นอีกคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในสโมสรฟุตบอลร่วมกับปราการอีกด้วย แล้วยังมีเจตนาแอบแฝงคือทำให้ปราการนั้นเสียสมาธิในการแข่งขันนั่นเอง
ครั้งนี้ที่ถูกบอกเลิกอย่างจริงจัง ปราการยังจับได้ว่าผู้ชายที่เป็นข่าวของแฟนสาวของตนแต่งงานนั้น คือผู้เป็นน้องชายของ รชตะ เพื่อนสนิทในกลุ่มที่เติบโตขึ้นมาจากนักฟุตบอลเยาวชนด้วยกัน วันนั้นปราการจึงไปอาละวาดเอาเรื่องที่รชตะ เกิดมีปากเสียงทะเลาะวิวาทชกต่อย ผู้จัดการธีรภพ เข้ายุติสถานการณ์ โดยการขอให้เรื่องเงียบไปและให้นักฟุตบอลทุกคนกลับมาสามัคคีกันดังเดิม โดยสโมสรจัดงานสังสรรค์กินดื่มกระชับสัมพันธ์และปลอบใจกัปตันปราการให้ในคืนนั้น
ในงานเลี้ยงที่มีนักฟุตบอลทุกคนของสโมสรและทีมโค้ชรวมทั้งฉัตรเกล้าร่วมดื่มด้วย ปราการนั้นดื่มอย่างหนักและเคลียร์ใจถึงเรื่องบาดหมางทุกเรื่องกับเพื่อนนักเตะทุกคน ในคืนนั้นเพราะความเสียใจ ความเมา และความเหงาทำให้ปราการปรับท่าทีเข้ามาพูดคุยต่อฉัตรเกล้าดีๆ อาจจะเพราะเมามากเหมือนกันทั้งคู่ คืนนั้นปราการพาฉัตรเกล้าขึ้นเตียงร่วมเปิดประสบการณ์ทางเพศเป็นครั้งแรกได้สำเร็จ พอได้อยู่ด้วยกันหนึ่งคืนมีหนึ่งคนที่เผลอใจคิดเพ้อฝันว่าอีกฝ่ายนั้นชอบตนจริงๆ แต่พอช่วงสายมากลับได้พบว่าโลกของความจริงนั้นโหดร้ายกว่าที่เคยคิดไว้ ฉัตรเกล้าได้พบว่ากัปตันปราการมีท่าทีหมางเมินเย็นชาซ้ำยังพูดจาเหยียดหยามกันได้โหดร้ายทารุณจิตใจกว่าก่อนหน้านี้มาก ทั้งบอกออกมาว่าจริงๆแล้วปราการเกลียดและขยะแขยงฉัตรเกล้ามาก ให้ลืมเรื่องเมื่อคืนเพราะต่างคนต่างเมาและเหงา ซ้ำร้ายกว่านั้นยังเอาเรื่องที่ตนนั้นหลอกฉัตรเกล้าให้ยอมขึ้นเตียงไปพูดคุยราวกับเป็นเรื่องตลก ที่มีผู้ชายหน้าโง่คนหนึ่งยอมตนทุกอย่าง
สิ่งที่ได้พบเจอทั้งหมดทำให้ฉัตรเกล้ารู้สึกเหมือนโลกถล่ม เขาเครียดหนักและเสียใจมาก จนบุคลิกภาพของฉัตรเกล้าผิดแปลกไปจากเดิม กลายเป็นซึมเศร้าหม่นหมองไม่ร่าเริง และนอนไม่หลับ อีกทั้งปราการนั้นกลับมากลั่นแกล้งเขาอย่างหนักและแกล้งแรงขึ้นกว่าเดิม ครั้งนี้มีเป้าหมายทำร้ายทำลายไปที่ความรู้สึก แต่ทว่ามันมีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นคือ ความรู้สึกของปราการ เพราะมันกลับกลายเป็นปราการเองที่มีอารมณ์หงุดหงิดเมื่อเห็นฉัตรเกล้ากล้าเมินเฉยต่อเขา ยิ่งแกล้งรุนแรง อีกฝ่ายยิ่งนิ่งเฉยมาก กลับกลายเป็นคนแกล้งเสียเองที่ทนต่อท่าทีเมินเฉยเย็นชาของอีกฝ่ายแทบไม่ไหว
ฤดูกาลแข่งขันฟุตบอลเพื่อถ้วยรางวัลระดับเอเชียมาถึง ก่อนจะมีการเก็บตัวนักกีฬาเพื่อนฝึกซ้อม สโมสรพานักฟุตบอลไปจัดกิจกรรมสันทนาการที่เขื่อนเก็บน้ำแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน ในกิจกรรมรอบกองไฟ ทางสโมสรได้แจ้งว่าฉัตรเกล้ายื่นเรื่องขอลาออกจากที่ทำงานซึ่งจะมีผลหลังจบการแข่งขัน ท่ามกลางความตกใจของนักเตะทุกคนโดยเฉพาะปราการ เพราะมั่นใจมาตลอดว่าฉัตรเกล้าไม่สามารถลาออกหนีจากสโมสรนี้ได้ เพราะสัญญาจ้างงานเพื่อปิดปากพยานในเหตุเมาแล้วขับ แต่ฉัตรเกล้ากลับไม่สนใจและจะลาออก เพราะเขาต้องการหนีไปจากปราการ ในช่วงจัดกิจกรรมล่องแพกินข้าวเที่ยง ฉัตรเกล้าเกิดอุบัติเหตุพลัดตกน้ำ ปราการเข้าไปช่วยไว้ทันพร้อมทั้งระเบิดความรู้สึกห่วงใย กลัวอีกฝ่ายตายเหมือนใจจะขาดเสียให้ได้เมื่อคนตกน้ำไม่ฟื้นคืนเสียที ปราการรู้ตัวว่าตนนั้นกำลังชอบฉัตรเกล้าเข้าแล้ว และคืนนั้นเขาได้ประกาศไม่ยอมให้ฉัตรเกล้าลาออกต่อหน้ากลุ่มฝ่ายบริหารของสโมสร หากฉัตรเกล้าลาออกสำเร็จปราการจะประกาศเลิกเตะฟุตบอลทันที เมื่อถูกขู่เช่นนี้ทางสโมสรจึงพูดคุยกันใหม่ กลุ่มเพื่อนปราการเข้าใจสถานการณ์ของทั้งคู่ดีจึงพยายามช่วยเหลือเพื่อให้ทั้งคู่ได้ปรับความเข้าใจกัน
เพราะปราการไม่ยอมให้ลาออกจึงเปลี่ยนเป็นให้ฉัตรเกล้าไปพักผ่อนที่บ้านเกิดจังหวัดพะเยาแทน แต่ปราการได้ขับรถตามไปถึงบ้านที่พะเยาของ ที่บ้านพ่อและแม่ของฉัตรเกล้าให้การตอนรับปราการในฐานะเพื่อนลูกชายอย่างอบอุ่น จนปราการรู้สึกรักพ่อและแม่ของฉัตรเกล้ามากเพราะเป็นความอบอุ่นที่ตนไม่เคยได้รับจากแม่แท้ๆ เด็กที่โตมากับแม่เลี้ยงก็มักจะรู้สึกขาดอะไรไปบางอย่างเช่นนี้ ในระหว่างอยู่พะเยาปราการตามง้อฉัตรเกล้าจนสำเร็จ เขาประกาศว่าฉัตรเกล้าเป็นของเขาผ่านสื่อโซเชียล เมื่อวันหยุดพักผ่อนครบเวลาจึงเดินทางกลับสโมสรมาด้วยกัน ครั้งนี้ปราการตั้งใจรักฉัตรเกล้าอย่างดีกว่าที่เคยผ่านมาทุกความสัมพันธ์ โลกทั้งใบของทั้งคู่สดใสอยู่ในห้วงของความชื่นหวาน จนกระทั่งโยษิตามาปรากฏตัวตรงหน้าอีกครั้ง พร้อมทั้งบอกว่าตนกำลังท้องและเด็กในท้องคือลูกของปราการ ฉัตรเกล้าเสียใจบอบช้ำอย่างหนักขอเลิกกับปราการทันที เพราะไม่อยากให้ตัวเองเป็นปัจจัยที่ทำให้ปราการตัดสินใจแก้ปัญหาต่างๆยากขึ้น แต่ปราการไม่ยอม เขายืนยันจะตรวจดีเอ็นเอ โยษิตาโกรธแค้นและโทษว่าเป็นเพราะฉัตรเกล้าทำให้ปราการไม่รักตน จึงบุกไปอาละวาดรุมทำร้ายฉัตรเกล้าบาดเจ็บหนักถึงในสโมสรฟุตบอล โยษิตาได้ทิ้งแผลในใจไว้ให้ฉัตรเกล้า นั่นคือการประกาศว่าคนที่ขับรถชนฉัตรเกล้าเมื่อตอนยังเป็นนักศึกษาแพทย์นั้น คือปราการ เพราะปราการเมามากและรีบร้อนจะมาหาเธอ โดยที่ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เขาขับรถชนคืนนั้นคือคนหรือหมา และโยษิตายังปั่นหัวฉัตรเกล้าต่อไปอีกว่า พอรู้ว่าชนคน กลับยังใช้วิธีปิดปากให้เหยื่อตีนผีเมาแล้วขับนั้นลืมเลือนเรื่องที่เคยเกิดด้วยการพาขึ้นเตียง และด่าว่าฉัตรเกล้าเป็นคนโง่ไร้ศักดิ์ศรีเพราะขึ้นเตียงกับคนที่ทำลายอนาคตตัวเองง่ายๆ
อชิระมาเห็นเหตุทำร้ายร่างกายและช่วยไว้แต่ฉัตรเกล้าบาดเจ็บถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล ดูเหมือนว่าชีวิตจะไม่อนุญาตให้คนบนโลกใบนี้มีความสุขมากเกินไป ปัญหาเรื่องแฟนเก่าประกาศว่าท้องและใส่ร้ายว่าปราการนั้นไม่รับผิดชอบเพราะมีมือที่สามเป็นผู้ชาย ทำให้กระแสสังคมโจมตีปราการหนักหน่วง ถึงขั้นถูกแฟนบอลโห่ไล่ในสนามระหว่างแข่งขัน แล้วยังมีข่าวว่ากัปตันปราการมีส่วนพัวพันกับโต๊ะพนันบอล และการล้มบอลเพื่ออำนวยประโยชน์ให้เจ้ามือโต๊ะพนัน ด้านฉัตรเกล้าถูกทำร้ายบาดเจ็บได้ขอความช่วยเหลือจากอชิระให้โทรตามพ่อและแม่จากพะเยาให้มารับตนนั้นกลับบ้าน ไม่อยากอยู่ใกล้ปราการอีกแล้วเขาหวาดกลัวเพราะอาการแพนิคและโรค PTSD ที่ไม่ได้ถูกรักษามานานกำเริบรุนแรงเมื่อเจอเรื่องสะเทือนขวัญอย่างหนัก พ่อแม่เมื่อได้รับสายโทรศัพท์และได้ยินลูกร้องไห้ จึงรีบขับรถจากจังหวัดพะเยามาหา แต่สุดท้ายกลับเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตระหว่างทาง ฉัตรเกล้าได้รู้ข่าวพ่อแม่ของตนตายเพราะบังเอิญนั่งทับรีโมททีวีในโรงพยาบาล
การสูญเสียใหญ่หลวงไม่ได้พรากชีวิตของพ่อแม่ที่อบอุ่นอ่อนโยนที่สุดไปเท่านั้น แต่ยังพรากสติไปจากระบบประสาทของฉัตรเกล้าด้วย ปราการไม่สนใจเรื่องวุ่นวานในโลกโซเชียลหรือกระแสสังคมที่โจมตีทุกทิศทางทั้งเรื่องมือที่สาม เรื่องพนันบอล เรื่องล้มบอล เขาไม่สนอะไรทั้งนั้น เขารีบพาฉัตรเกล้ามาปกป้องไว้ข้างกายอย่างทะนุถนอมสงสาร ฉัตรเกล้าร้องไห้สิบวันสิบคืนจนตาแทบบอดกว่าจะได้สติคืนครบถ้วน ก็เป็นช่วงที่หันมาเจอปราการที่อยู่ในสภาพเครียดจัดจนเผลอยืนเหม่อลอยริมระเบียง ทั้งคู่จึงได้ปรับความเข้าใจพยายามจับมือกันก้าวข้ามผ่านความทุกข์สาหัสไปให้ได้ ทว่าวันหนึ่งปราการกลับมีชื่อพัวพันกับคดีเกี่ยวกับฟากอหเงินและการพนัน คนที่แจ้งความกลับไม่ใช่คนอื่นแต่คือผู้จัดการธีรภพเอง เหตุที่เกิดกับปราการดูไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง กลุ่มเพื่อนๆจึงช่วยกันหาหลักฐานแก้ต่างความผิด แต่แล้ววันหนึ่งโยษิตากลับเข้ามาในชีวิตของปราการอีกครั้งในสภาพเหมือนศพเดินได้ เพราะเธอพึ่งตกเลือดแท้งลูกมา โยษิตาสารภาพว่าเด็กในท้องเป็นของชู้รักอีกคนที่ไม่ใช่คนที่เคยขอเธอแต่งาน มันจับเธอกินยาขับเลือด มันซ้อมเธอจนแท้งเพราะโกรธที่เอาเด็กในท้องมาใช้ทำลายชื่อเสียงปราการไม่สำเร็จเพราะว่าปราการไม่ได้สนใจชื่อเสียง และเห็นว่าเด็กในท้องหมดประโยชน์มันไม่ลังเลที่จะฆ่าลูกตัวเอง เธอหวาดกลัวว่าวันนึงเมื่อหมดประโยชน์หรือออกมาแฉความเลวทุกอย่างของมัน จะทำให้วันนั้นมันฆ่าเธอ
ทุกเรื่องเลวร้ายที่เกิดกับปราการ ล้วนเกิดจากฝีมือของคนที่ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะทำเช่นนี้ นั่นคือผู้จัดการธีรภพ ปราการฟังเรื่องที่โยษิตาเล่าพร้อมหลักฐานเป็นรูปถ่ายประวัติการเดิมพัน รายละเอียดบัญชีปลอมเพื่อฟอกเงิน แต่เขาตกใจคาดไม่ถึงว่าคนๆนี้จะทำได้ขนาดนี้ เหตุเกิดเพียงเพราะปราการไม่ยอมเล่นบอลตามแผนที่จะทำให้ทีมแพ้ และเพราะทีมชนะในการแข่งขันทำให้โต๊ะพนันบอลเสียเงินมหาศาล ยิ่งสืบลึกยิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วผู้จัดการธีรภพเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนหลักของบ่อนพนันนั้น ธีรภพทำลายปราการเพราะเสียประโยชน์หลายร้อยล้านจนเกิดความแค้น เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่ที่ปราการไม่เข้าใจนั้นคือทำไมต้องมาคอยทำร้ายฉัตรเกล้าด้วย เพราะถ้าวันนั้นฉัตรเกล้าไม่ถูกทำร้าย พ่อและแม่ก็ไม่ได้ลงมาจากจังหวัดพะเยาและไม่เกิดเหตุสลดขึ้น ทุกๆอย่างที่ฉัตรเกล้าได้รับมันเลวร้ายเกินไปเพียงเพราะเหตุผลคือเป็นคนที่ปราการนั้นรัก เพียงเท่านั้น
