เกาะที่เขาว่าดีนักดีหนา มีคนอยากได้นับไม่ถ้วน เจ้าของที่ก็แสนดุ ใครไปเสนอราคาก็โดนไล่ออกมาหมด เธอจึงอยากจะรู้ว่าถ้ามาเจอนายหน้าค้าที่แสนสวยและเพอร์เฟคอย่างเธอ ใครจะกล้าปฏิเสธ
“แม่เจ้า ไม่ธรรมดานะเนี่ย”
“จะแค่ไหนกันเชียว แกก็รู้ว่าเพื่อนแกเก่งมากแค่ไหนยากกว่านี้ฉันก็ทำมาแล้ว”
“แกก็อย่ามั่นให้มันมากได้ไหมน้ำมนต์ พี่ภัทรบอกเจ้าของเกาะเขาหวงเกาะเขาน่าดู แล้วจะยอมขายได้ยังไงกัน”
“อาจเพราะยังไม่ได้ราคาที่ถูกใจหรือเปล่า”
“แล้วคนที่เขาอยากได้เขาจะเอาไปทำอะไรกันห่ะ”
“ไม่รู้ ไม่อยากรู้ด้วย”
“เอ้า แกไม่รู้เหรอว่าการที่จะทำฟาร์มเก็บรังนกได้ มันต้องเป็นป่าแล้วก็ห้ามเสียงดังมีสิ่งรบกวนใดๆ เลยนะเว้ย แล้วยิ่งเขาทำธุรกิจแบบนี้ แกคิดว่าคนแบบไหนกันจะอยู่ในป่ากับนกได้”
“ก็คงเป็นคนบ้าละมั้ง” วรรษมนตอบแบบไม่ได้คิดอะไร
“เนี่ย ยังไม่ทันจะได้เจอหน้าเขาเลยแกก็หาว่าเขาเป็นคนบ้าแล้ว เกิดเขาเป็นพวกหวงของ คลั่งลัทธิอะไรขึ้นมาจะทำยังไง แบบชอบอยู่ในป่าไม่สุงสิงกับใครงี้”
“นั่นคนหรือฤๅษีมิทราบ”
สายตาคู่งามกวดมองรายละเอียดด้วยความรวดเร็วก่อนจะเปลี่ยนสลับไปมาตามเนื้อหาที่กำลังโชว์
“อะไรจะขนาดนั้นรับนักท่องเที่ยวแค่สองรอบต่อเดือนเอง แล้วก็แค่รอบละไม่เกินยี่สิบคนเนี่ยนะ”
****************************
“นายก็รู้ว่าฉันไม่ได้อยากได้เงิน ถ้าหวังรวยฉันคงเปิดให้คนขึ้นมาทุกวันแล้วสร้างที่พักเป็นโรงแรมรีสอร์ตไปเลยจบๆ ไม่ดีหรือไงได้เงินทุกวันเลยด้วย”
“ก็”
“ทำปุ๊บทรัพยากรที่เคยสะอาดบริสุทธิ์ก็คงหมดไปแทบจะทันที แล้วนายคิดว่าฉันจะโอเคเหรอ”
“เอ่อ”
“ฉันไม่ได้อยากได้เงินใคร ฉันแค่อยากทำงานเงียบๆ คนเดียว”
“ครับ”
“หรือถ้านายสนใจจะซื้อ ฉันก็ไม่ห้ามนะแล้วแต่เลย”
“จ๊าก ไม่ใช่แบบนั้นครับ ผมจะเอาปัญญาที่ไหนไปซื้อกันเล่า แค่ค่าช้อปปิ้งแต่ละเดือนก็ผ่อนบัตรไม่หวาดไม่ไหวแล้ว”
“ทีตัวเองยังไม่อยากซื้อ แล้วมาบอกให้เราไปซื้อเนี่ยนะ”
เจ้านายหนุ่มมองผู้ช่วยที่อายุอ่อนกว่าตัวเองถึงสี่ปีเต็มด้วยความอ่อนใจ จะด่าก็สงสารจะสอนก็เมื่อยฟรีเท่านั้นเพราะรู้ว่าอีกคนเป็นอย่างไร เห็นอีกคนเหมือนน้องชายตัวเองมากกว่า