“มึงไปได้แล้วไอ้ศาสน์! กูไม่สนใจอดีตของมึงว่าจะเคยคบกับน้องมนไปถึงขั้นไหน แต่กูเชื่อว่าน้องมนมีเหตุผลมากพอ คงเพราะมึงสันดานเลวแบบนี้ไง น้องมนถึงได้ไม่เอามึง มึงไสหัวไปให้พ้นหน้ากู แล้วไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีก งานศพพ่อกู มึงก็ไม่ต้องไป กูไม่ต้อนรับคนจากภูวรา จะมึง หรือพ่อมึง กูก็ไม่ต้อนรับ!”
“เออ! ได้ กูยอมกลับก็ได้ภพ”
“...”
“แต่มึงดูแลเมียของมึงให้ดีแล้วกัน กูกลัวตัวเองจะอดใจไม่ไหว คิดถึงม้าเก่าที่เคยขี่จนเผลอลากมานอนด้วย แต่... หึ คิดว่าคงไม่เสียหายหรอกมั้ง ทีตอนมันคบกับกู มันยังนอกใจกูไปเอากับมึงได้เลย ผู้หญิงแบบนี้ กูคิดว่าอีกไม่นานหรอกภพ มันก็จะนอกใจมึงไปเอากับคนอื่นได้เหมือนกัน ระวังตัวไว้ ถือว่ากูเตือนในฐานะผัวเก่าของเมียมึง”
“ไอ้ศาสน์!”
แต่ละฝ่ายคว้าคอเสื้อกันด้วยความเร็วเหนือแสง พชรมนที่เป็นคนกลางทนฟังต่อไปไม่ไหว เธอร้องไห้ไม่หยุด พุ่งตัวเข้ามาดึงมือศาสน์ออกจากคอเสื้อดรัณภพหลายครั้งจนเขายอมปล่อยมือจากดรัณภพมามองจ้องใบหน้าเปรอะเปื้อนน้ำตาของเธอ
“ฮือ... เลิกกันแล้วก็เลิกแล้วต่อกันไปสิ จะมายุ่งวุ่นวายกับมนอีกทำไม ออกไป ออกไป มนบอกให้ออกไปไง ฮือ...”
เขาไม่ยอมไปพชรมนก็ตามไปกำหมัดทุบแรง ๆ บนอกกว้างหลายต่อหลายครั้ง
ร่างสูงใหญ่ของศาสน์ก้าวถอยหลังออกจากห้องน้ำไปเรื่อย ๆ ช่วงที่เงียบไปนั้นเขาพยายามข่มความเจ็บปวดในใจที่เห็นเธอแสดงออกต่อหน้าต่อตาว่ารักและแคร์ดรัณภพมากแค่ไหน กระทั่งทนเห็นเธอรักคนอื่นไม่ไหว เขาปัดมือเธอทิ้งรุนแรงในระดับที่ทำให้เธอเกือบหกล้ม ถ้าหากไม่มีวงแขนกว้างของดรัณภพมาซ้อนด้านหลังและประคองเธอไว้
“อย่าฝัน ว่าฉันจะปล่อยให้เธอมีความสุขกับมัน”
“...”
“ไม่-มี-วันซะหรอก หนูมน!”
