“ข้ายังต้องเดินทางต่อ คงพักที่นี่นานไม่ได้” ไท่หยางเจากล่าว เพราะชายแดนยังไม่สงบ เขาจึงไม่อาจรั้งจนกว่าเฟิ่งหยวนจะหายดีได้ แม้ว่าการกระทำเช่นนี้อาจจะทำให้เฟิ่งหลีเสียใจ แต่ก็คิดจะชดเชยภายหลังด้วยเช่นกัน
“ข้าน้อยจะรีบกลับไปเขียนเทียบยาพร้อมกับจัดยาบรรเทาอาการไข้และบำรุงร่างกายขอรับ” แม้ว่าอายุระหว่างเขากับอีกฝ่ายจะห่างกันเป็นอย่างมาก กระนั้นชื่อเสียงของไท่หยางเจาก็ขจรไกลจนทำให้ยำเกรง
เฟิ่งหลิงฟังแล้วก็อดน้อยใจไม่ได้ สำหรับนางแล้ว เฟิ่งหยวนสำคัญที่สุด ทว่านางก็เข้าใจถึงความจำเป็นของไท่หยางเจา เพราะเขาเป็นถึงแม่ทัพรักษาชายแดนเหนือ
เมื่อหมอชราเดินออกไปจากห้องพักแล้ว ไท่หยางเจาก็หันมาปลอบเฟิ่งหลิงก่อนที่นางจะเข้าใจผิดไป
“หลิงเอ๋อร์ ข้าทำเช่นนี้เพราะ...”
เฟิ่งหลิงเงยหน้าขึ้นสบตา
“ข้าเข้าใจท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” แค่เขาให้ความสำคัญกับเฟิ่งหยวนก็นับว่ามีน้ำใจมากพอแล้ว
ไท่หยางเจาจ้องมองใบหน้างดงามราวบุปผาขาวบริสุทธิ์ สตรีผู้นี้มีความรักกับครอบครัวเพียงผู้เดียวอย่างลึกซึ้งยิ่งนัก หากถูกนางรัก จะรู้สึกดีเพียงใด
นี่ข้าคิดจะแย่งความรักกับหยวนหยวนหรืออย่างไร
ชายหนุ่มส่ายหน้าเรียกสติ ก่อนเอ่ยอย่างจริงใจ
“หลิงเอ๋อร์ เมื่อถึงจวนแม่ทัพ ข้าจะหาหมอที่เก่งที่สุดมารักษาหยวนหยวน หยวนหยวนจะต้องหายดีอย่างแน่นอน ข้าสัญญา”
ดวงตาของเฟิ่งหลิงเป็นประกายอย่างตื้นตัน ตั้งแต่เกิดมานางไม่เคยได้รับความหวังดีเช่นนี้มาก่อน ไท่หยางเจา เขาช่างเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่สว่างเจิดจ้าจริงๆ